- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 13 February 2015 18:16
- Hits: 2706
โบรกฯ คาด SET สัปดาห์หน้าบวกต่อ รับเงินนอกไหลเข้า เชื่อหากผ่าน 1,620 จุด จะทดสอบ 1,630 และ1,650 ตามลำดับ แนะลุยหุ้นงบดี - ปันผลแจ่ม
โบรกฯ คาด SET สัปดาห์หน้า แกว่งตัวขึ้นต่อ ตอบรับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไทย มองแนวต้านแรกที่ 1,620 จุด หากผ่านระดับดังกล่าวได้ มีโอกาสทดสอบ 1,630 และ 1,650 ตามลำดับ พร้อมจับตาจีดีพี Q4/57 และแผนแก้ปัญหาหนี้กรีซในวันจันทร์ แนะ นลท.เก็งกำไร หุ้นงบ Q4 ดี - หุ้นมีปันผลแจ่ม พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,590-1,600 จุดและแนวต้านที่ 1,620-1,630และ1,650 จุด ตามลำดับ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ แกว่งตัวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนขานรับการบรรลุข้อตกลงสันติภาพของผู้นำรัสเซียและยูเครน รวมถึงการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ของยูเครนและการหยุดยิง ทำให้แนวโน้มการลงโทษรัสเซียของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป น่าจะผ่อนคลายลงได้ในอนาคต รวมทั้งยูเครนจะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) จำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เพื่อช่วยเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อข้ามปี แต่อย่างไรก็ตาม การเจรจาหนี้กรีซที่ยังไม่มีความคืบหน้า ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด โดยมองว่าการประชุมอย่างเป็นทางการของคณะรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในวันจันทร์ที่ 16 ก.พ.นี้จะยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะได้ข้อสรุป แต่อาจจะมีการเจรจาหลายครั้ง
"ช่วงนี้ตลาดฯ ค่อนข้างผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศ โดยจะเห็นได้ว่าในวันนี้มีจังหวะทดสอบ 1,619-1,620 จุดแล้วมีแรงขายทำกำไร" นายอภิชาติกล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องของราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงไม่มีความแน่นอน เนื่องจากตลาดฯน้ำมันเคลื่อนไหวขึ้นลงตามกระแสข่าวเป็นหลัก โดยจะเห็นถึงการแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 48-52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านทิศทางของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า มองว่า ดัชนีฯจะแกว่งตัวต่อโดยมีแนวต้านที่ 1,620 จุด หากสามารถเคลื่อนไหวผ่านระดับ 1,630 จุดประเมินว่าแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 1,650 จุด จากบรรยากาศเชิงบวกของกระแสเงินทุนตางชาติที่มีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทย โดยจะมีความชัดเจนขึ้นช่วงหลังวันหยุดเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวตรุษจีนของตลาดหุ้นหลายแห่งในภูมิภาค
ทั้งนี้ มองว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในไตรมาสที่1/58 คาดว่าจะเติบโต 4.7% หลังภาพการลงทุนในประเทศอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น และการบริโภคที่ฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตามต้องรอดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในไตรมาสที่4/57 ที่จะประกาศในวันที่ 16 ก.พ.นี้ก่อน ซึ่งคาดว่าจีดีพี Q4/57 จะขยายตัว 2.2 %
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาสที่4/57 ออกมาดี และหุ้นที่ให้ปันผลดี พร้อมประเมินแนวรับที่ 1,590-1,600 จุดและแนวต้านที่ 1,620-1,630 , 1,650 จุด ตามลำดับ
ส่วนนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ จากเหตุการณ์การหยุดยิงโจมตีระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงข่าวที่ยูเครนได้รับเงินช่วยเหลือจากทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF)เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในอีกด้วย ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้นได้รับอานิสงส์จากความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) ช่วยหนุนหุ้นกลุ่ม Construction มากขึ้น ยิ่งทำให้ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ถึงแนวต้านสำคัญที่ 1,620 จุด อย่างไรก็ตามคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาที่ดัชนีฯจะถึงแนวต้านสำคัญดังกล่าวได้ เพราะต้องรอปัจจัยกระตุ้นสำคัญทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเข้าหนุนอีก ลักษณะการเคลื่อนไหวในตอนนี้จึงเป็นลักษณะค่อยๆแกว่งตัวขึ้นมากกว่า
สำหรับ แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยังมองแนวต้านที่ 1,620 จุด เป็นแนวต้านสำคัญ หากผ่านไปได้ดัชนีฯ มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ (New High) ที่เคยทำไว้ช่วงกลางปี 2556 ที่ระดับ 1,649 จุด โดยต้องติดตามการประกาศตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 4/2557 ภายในประเทศในวันจันทร์ที่ 16 ก.พ. นี้ ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดการณ์ว่าจะโต 2.8% แต่หากออกมาต่ำกว่าตัวเลขที่แบงก์ชาติคาดการณ์ ก็มีโอกาสสำหรับที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 11 มี.ค. ช่วยหนุนหุ้นกลุ่ม Domestic Demandปรับขึ้นต่อ และดัชนีฯก็ได้รับอานิสงส์ทดสอบ New High ได้เช่นกัน
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ในขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าต่อประเด็นวิกฤติหนี้กรีซ แต่ทางนักวิเคราะห์คาดว่าการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังกลุ่มยูโรโซน วันจันทร์ที่ 16 ก.พ. จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนว่ากรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่ รวมถึงประเด็นสถานการณ์ของราคาน้ำมันในช่วงนี้มีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น เพราะปริมาณความต้องการ(Demand)มากขึ้น หนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าในระยะสั้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ การลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ก็อาจจะกลับมาค่อยๆฟื้นตัวตามราคาน้ำมันโลก แต่ในระยะสั้นเท่านั้น
ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ซื้อในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการรัฐฯ และหุ้นที่ให้ปันผลสูง ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,593-1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,637-1,650 จุด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย