WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

โบรกฯ คาดพรุ่งนี้หุ้นไทยรีบาวน์ เชื่อเงินต่างชาติยังไหลเข้า กนง.ลดดบ.เดือนหน้าหนุนตลาด แนะซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดบ.ขาลงหรือปันผลสูง

   โบรกฯ คาดพรุ่งนี้หุ้นไทยรีบาวน์ เชื่อภาพรวมเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้า พร้อมประเมินกนง.ลดดบ.เดือนหน้า  -  จับการหารือไทย-ญี่ปุ่นในเรื่องโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ข้อสรุปสัมปทานเหมืองโปรแทซ และ Digital Economy ของภาครัฐ  แนะถือหุ้น 80%หรือะซื้อหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงและมีปัลผลสูง ประเมินแนวรับ 1,597-1,590 จุด แนวต้าน 1,616-1,620 จุด

   นายกรภัทร  วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เนื่องจากแรงกดดันจากการเจรจาการปรับโครงสร้างหนี้รอบใหม่ระหว่างกรีซกับยูโรโซน วันที่ 11 ก.พ. นี้ จะหมดเวลาการใช้มาตราการรัดเข็มขัด ซึ่งทางกรีซไม่ต้องการยืดเวลามาตราการดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนต่างจับตาว่าการเจรจารอบใหม่จะมีมาตรการดูแลกรีซอย่างไร  แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลง ด้วยการให้กรีซจะยังคงสภาพสมาชิกกลุ่มสหภาพยุโรป เพราะหากกรีซต้องออกจากการเป็นสมาชิกมีข้อเสียมากกว่า

   ส่วนความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานที่เฟดให้ความสำคัญสูงปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งจะคอยกดดันต่อบรรยากาศการลงทุนทุกครั้งที่มีประกาศตัวเลขการจ้างงานออกมา แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าเฟดไม่น่าจะรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคาดว่าน่าจะปรับขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขณะที่ตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีนเดือนมกราคมปรับตัวลง มองว่าเป็นไปตามคาด ด้วยภาวะภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างอ่อนแอ และจีนก็กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย จึงไม่น่าเป็นกังวล

   สำหรับพรุ่งนี้ คาดว่าหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวน์ ด้วยกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้จะขายสุทธิในหุ้นไทยไป 393.67 ล้านบาทก็ตาม  รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมรอบถัดไป วันที่ 11มี.ค.นี้ เนื่องจากภาคการส่งออกไทยมีสัญญาณชะลอตัว อีกทั้งปราศจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ จึงมีโอกาสสูงที่กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 2.00% เป็น 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

   ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา คาดว่าหากเทียบเป็นรายไตรมาสและรายปี มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงราว 30% โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นได้ปรับลดลงสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปส่วนหนึ่ง ฉะนั้น จะส่งผลเชิงลบช่วงสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการหารือไทย-ญี่ปุ่นในเรื่องโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ข้อสรุปสัมปทานเหมืองโปรแทซ และการส่งเสริม Digital Economy ของภาครัฐ

   ด้านกลยุทธ์ แนะถือหุ้น 80% ของพอร์ต ซึ่งในระยะกลางดัชนีฯ มีโอกาสลุ้นทดสอบแนวต้าน 1,650-1,700 จุด ด้วยกระแสเงินทุนที่คาดว่าจะไหลเข้า และซื้อหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงและมีปันผลสูง อาทิ SIRI-BTS-QH-ADVANC-INTUCH-KTB-MFEC พร้อมประเมินแนวรับ 1,597-1,590 จุด แนวต้าน 1,616-1,620 จุด

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!