WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตปท.หลังสหรัฐฯไม่รีบขึ้นดบ.-ราคาน้ำมันฟื้น

      นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ตามดาวโจนส์ที่เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ดี ภายหลังจากที่รายงานการประชุม FOMC ออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯจะยังไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าเดือนเมษายนนี้ ดังนั้นคงจะไปพิจารณากันอีกทีในช่วงกลางปี นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย อย่างตัวเลขการจ้างงานก็ดีขึ้น ส่งผลให้ดาวโจนส์มีการดีดตัวขึ้นไปมาก

      นอกจากนี้ ในส่วนของราคาน้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าจะช่วยหนุนให้ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงเช้า แต่คงจะไม่แรงมาก เนื่องจากบ้านเราได้ปรับตัวขึ้นไปล่วงหน้าแล้ว และการปรับตัวขึ้นก็จะยังมีความเสี่ยงจากแรงขายของกองทุน LTF ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่ายังขายน้อยอยู่ ดังนั้นยังอาจมีการดักขายได้อีกเมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้นไป

     พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,495-1,517 จุด

   ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

    - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(7 ม.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,584.52 จุด พุ่งขึ้น 212.88 จุด(+1.23%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,650.47 จุด เพิ่มขึ้น 57.73 จุด(+1.26%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,025.90 จุด เพิ่มขึ้น 23.29 จุด(+1.16%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 182.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 1.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 239.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 73.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 12.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.29 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.22 จุด

     - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(7 ม.ค.58)1,500.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.17 จุด(+1.57%)

     - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,725.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ม.ค.58

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(7 ม.ค.58) ปิดที่ 48.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 72 เซนต์

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(7 ม.ค.58)ที่ 6.92 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 32.86/88 แนวโน้มแข็งค่าหลังมีแรงเทขายดอลล์

  - ดีเดย์ 2 ก.พ. แอลพีจีราคาเดียว "ขนส่งครัวเรือน-อุตสาหกรรม" เฉลี่ย 16.11 บาท/กก. หวังจูงใจโรงแยกก๊าซ-โรงกลั่นผลิตเพิ่ม ลดการนำเข้า เล็งปรับราคา "เอ็นจีวี" แตะเพดานไม่เกิน 16 บาท ชี้กลุ่มปตท.-โรงกลั่นได้ประโยชน์ คาดมีกำไรเพิ่มปีละกว่าพันล้าน  ขณะนักวิเคราะห์ ชี้พยุงราคาหุ้น ชดเชยผลกระทบน้ำมันร่วงหนัก

    - นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 2557 ปรับขึ้นมาที่ระดับ 81.1 ซึ่งสูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่เดือน พ.ย. อยู่ที่ 79.4 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าราคาน้ำมันที่ถูกลงช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ประกอบกับรัฐบาลออกมาตรการลดราคาสินค้า 20-70% ช่วงปีใหม่ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน

     - "พรชัย"แจงแก้กฎหมายกสทช.รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ดันประมูล 4จี ให้กสทช. ดำเนินการคู่ขนาน "วิษณุ" แจงดึง "กทค.-กสท." ออกจาก กสทช.หวังขจัดงานซ้ำซ้อนกับบอร์ดดิจิทัล "ทีดีอาร์ไอ" ออกโรงค้านโยกกสทช.อยู่ใต้กำกับรัฐ ผิดหลักสากลหวั่นขาดความเป็นอิสระ

     - "แบงก์ชาติ" แจงกรอบเงินเฟ้อทั่วไป สะท้อนค่าครองชีพได้ดีกว่า สื่อสารกับสาธารณชนง่ายกว่า ยอมรับผันผวนสูงเสี่ยงหลุดกรอบได้ ย้ำกรณีออกนอก เป้าหมายใช้วิธีสื่อสารกับสาธารณชนเป็นหลัก

   - "เกศรา มัญชุศรี" เร่งสมาคมนักวิเคราะห์ ออกบทวิจัยรับมือราคาน้ำมันร่วง ชี้ต้องการให้ข้อมูลนักลงทุนครบถ้วน ด้านสมาคมนักวิเคราะห์ ประเมิน ราคาน้ำมันร่วง กระทบกำไรกลุ่มพลังงานวูบ 5.7 หมื่นล้านบาท ชี้ระยะสั้นเสี่ยงเม็ดเงินแอลทีเอฟถล่ม ตลาดเดินหน้าจัดงาน "เซ็ท ไทย คอปอร์เรท เดย์ 2015" หวังดึงนักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนเพิ่ม

   - ธปท.เผยช่วงต้นปีนี้นายแบงก์จะประเมินภาพรวมแผนธุรกิจในปี 58 คาดในส่วนของสินเชื่อรวมน่าจะโตจากปีก่อน เหตุฐานต่ำ การฟื้นตัวเศรษฐกิจและโครงการรัฐหนุนการลงทุนภาครัฐตามมา เผยแบงก์ปรับกลยุทธ์หันมาสวมบทบาทผู้ให้คำแนะนำครบวงจรมากขึ้น หลังบริษัทขนาดใหญ่ออกหุ้นกู้แทนขอสินเชื่อ

*หุ้นเด่นวันนี้

    - TPCH(บมจ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง) เทรดวันนี้วันแรก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 17.40 บาท/หุ้น มองเป็นหุ้นพลังงานทดแทนที่น่าสนใจ ด้วยการจัดการที่เป็นระบบ ทำให้โรงไฟฟ้าชีวมวลเหล่านี้สามารถลดความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบเชื้อเพลิงได้อย่างดี ขณะที่กำไรสุทธิกำลังจะขยายตัว 152% CAGR (2557-61) จึงมองว่าโรงไฟฟ้าประเภทนี้ จะเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ประเทศกำลังมุ่งไป

   TPCH เป็นบริษัท Holding company ถือหุ้นลงทุนในโรงไฟฟ้า 7 แห่ง (จ่ายไฟฟ้าแล้ว 1 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 แห่ง และ เตรียมการก่อสร้าง 3 แห่ง) โดย 4 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตภาคใต้ ที่ใช้ไม้ยางพาราเป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งกลยุทธ์ในการดึงเอาผู้รับจ้างจัดหาวัตถุดิบ, ผู้รับจ้างเดินเครื่องจักร และ เจ้าของวัตถุดิบ มาร่วมถือหุ้นในแต่ละโครงการ ทำให้ TPCH ควบคุมความเสี่ยงในการดำเนินการได้เบ็ดเสร็จ ทำให้กำไรมีเสถียรภาพที่ดี

   - PTT และ PTTGC(บัวหลวง)กระแสข่าวบวก ก.พลังงาน สั่งปรับขึ้น LPG หน้าโรงแยก มีผล 2 กพ.นี้ โดยราคา LPG ใหม่จะขึ้นเป็น $488/ตัน จาก $333/ตัน ผลบวกต่อ PTT จากการลอยราคาก๊าซ ขณะที่กลุ่มปิโตร (PTTGC) จะประหยัดเงินส่งกองทุนฯ 1 บาท/ กก. จากข่าวนี้

   - TPIPL(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 2.50 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ในปี 2558 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่ขยายตัว จากการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ และเอกชน และเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เพราะต้นทุนพลังงาน &ขนส่ง มีสัดส่วนราว 10-15% ของค่าใช้จ่ายรวม ดังนั้น การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบจะส่งผลให้อัตรากำไร(GPM) ของบริษัทปรับตัวขึ้น ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขยะจำนวน 18 MW จะเริ่มขายไฟได้ใน 1Q58 เร็วกว่าคาดการณ์เดิม จึงผลักดันปกติปี 2558 ให้เติบโตสูงถึง +98.9% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และขยายตัวต่อเนื่องอีก +79.0% yoy เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559 และValuation ยังถูก

    - KBANK(โกลเบล็ก)ราคาพื้นฐาน 268 บาท สินเชื่อปี 57 โตราว7% และรักษา NIM ได้ดีราว 3.7% จากการบริหารความเสี่ยงของสินเชื่อ SME ที่ทำได้ดี,  NPL ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ราว 2.3% จาก New NPL และฐานสินเชื่อที่โตไม่มากนัก แต่ไม่มีนัยสำคัญและไม่น่าห่วงในเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ และปี 58 ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 8-9% รักษาระดับ NIM ใกล้เคียงของเดิมที่ 3.5-3.7% เน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงสินเชื่อที่ดีโดยเฉพาะสินเชื่อ SME ดังนั้นภาพรวมยังไม่น่าเป็นห่วง

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งแรง

    ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ รวมถึงการที่ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

     ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ทะยาน 0.9% เมื่อเวลา 10.05 น.ตามเวลาโตเกียว

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,067.40 จุด เพิ่มขึ้น 182.07 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,371.96 จุด ลดลง 1.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,920.35 จุด เพิ่มขึ้น 239.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,154.03 จุด เพิ่มขึ้น 73.94 จุด

     ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,895.85 จุด เพิ่มขึ้น 12.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,303.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.29 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,714.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.22 จุด

    ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 200 จุด หลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย ขณะเดียวกัน ADP ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.สู่ระดับ 227,000 ราย จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 208,000 ราย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 53.32 จุด ขณะคาดอีซีบีผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงมากกว่าที่คาดไว้

      ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 53.32 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 6,419.83 จุด

      สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ลดลง 0.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 0.1%

   ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดกันว่าอีซีบีจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณขนานใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ

     หุ้นเออาร์เอ็ม โฮลดิงส์ พุ่ง 3.55% นำหุ้นกลุ่มบลูชิพ ขณะที่หุ้นมาร์คส์ แอนด์ สเปนเซอร์ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังร่วงลงในช่วง 3 วัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวก จากคาดการณ์อีซีบีใช้ QE รอบใหม่

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ในระดับติดลบในเดือนธ.ค.

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.48% ปิดที่ 333.20 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,112.73 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด, +0.72% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,518.18 จุด เพิ่มขึ้น 48.52 จุด, +0.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,419.83 จุด เพิ่มขึ้น 53.32 จุด, +0.84%

    ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเพราะได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า อีซีบีจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตร หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ -0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ย.

   ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนที่แล้วถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2009 และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ CPI ยูโรโซนอยู่ในระดับติดลบ ส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจจะตัดสินใจขยายขอบเขตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น

     ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า คณะรัฐบาลของนางแองเกลาร์ แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีจะเปิดช่องทางการเจรจากับรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซ เพื่อผ่อนปรนภาระหนี้สิน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าคณะรัฐบาลของเยอรมนีมีท่าทีที่ผ่อนคลายลงต่อกรีซ

   นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปยังขานรับรายงานของ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.2014 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 212.88 จุด รับเอกชนสหรัฐเพิ่มจ้างงาน

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขานรับรายงานของ ADP ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค. 2557 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,584.52 จุด พุ่งขึ้น 212.88 จุด หรือ +1.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,650.47 จุด เพิ่มขึ้น 57.73 จุด หรือ +1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,025.90 จุด เพิ่มขึ้น 23.29 จุด หรือ +1.16%

   ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 200 จุด หลังจาก ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่าภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 241,000 รายในเดือนธ.ค.2014 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 226,000 ราย ขณะเดียวกัน ADP ได้ทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ย.สู่ระดับ 227,000 ราย จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 208,000 ราย

     นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 7.7% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว สู่ระดับ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน

    ดัชนี หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มผู้จำหน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภค ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.5%

    ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ดีดตัวขึ้น 1.6%

    หุ้นเจซี เพนนี พุ่งขึ้น 20% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายรายไตรมาสจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2-4% ขณะที่หุ้นมอนซานโต พุ่งขึ้น 1.3% ขานรับผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้น Eli Lilly & Co ขยับลง 0.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2558

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และตัวเลขสินเชื่อผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ด้วย

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ม.ค.2558

          ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,584.52 จุด                       เพิ่มขึ้น 212.88 จุด    +1.23%

          ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,650.47 จุด                   เพิ่มขึ้น 57.73 จุด     +1.26%

          ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,025.90 จุด                     เพิ่มขึ้น 23.29 จุด     +1.16%

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,419.83 จุด                 เพิ่มขึ้น 53.32 จุด     +0.84%

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,518.18 จุด                          เพิ่มขึ้น 48.52 จุด     +0.51%

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,112.73 จุด                      เพิ่มขึ้น 29.23 จุด     +0.72%

          ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,334.50 จุด   ลดลง 11.70 จุด      -0.22%

          ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,353.60 จุด         ลดลง 11.20 จุด      -0.21%

          ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,080.09 จุด                         เพิ่มขึ้น 31.75 จุด     +0.35%

          ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 16,885.33 จุด                  เพิ่มขึ้น 2.14 จุด      +0.01%

          ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,883.83 จุด                      เพิ่มขึ้น 1.38 จุด      +0.07%

          ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,373.95 จุด                   เพิ่มขึ้น 22.51 จุด     +0.67%

          ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,309.70 จุด          เพิ่มขึ้น 31.96 จุด     +0.44%

          ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,681.26 จุด                            เพิ่มขึ้น 195.85 จุด    +0.83%

          ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,207.12 จุด   เพิ่มขึ้น 38.06 จุด     +0.74%

          ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,709.18 จุด                    ลดลง 7.40 จุด       -0.43%

          ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,298.36 จุด                    เพิ่มขึ้น 16.41 จุด     +0.50%

          ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,908.82 จุด                      ลดลง 78.64 จุด     -0.29%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขานรับรายงานของ ADP ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค. 2557 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,584.52 จุด พุ่งขึ้น 212.88 จุด หรือ +1.23% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,650.47 จุด เพิ่มขึ้น 57.73 จุด หรือ +1.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,025.90 จุด เพิ่มขึ้น 23.29 จุด หรือ +1.16%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนอยู่ในระดับติดลบในเดือนธ.ค.

          ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.48% ปิดที่ 333.20 จุด

          ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,112.73 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด, +0.72% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 9,518.18 จุด เพิ่มขึ้น 48.52 จุด, +0.51% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,419.83 จุด เพิ่มขึ้น 53.32 จุด, +0.84%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนที่ลดลงมากกว่าที่คาดไว้

          ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 53.32 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 6,419.83 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

          สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ 48.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นด้วยนั้น ยังได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

          สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ระดับ 1,210.70 ดอลลาร์/ออนซ์

          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 9.3 เซนต์ ปิดที่ 16.544 ดอลลาร์/ออนซ์

          ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,220.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 7.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 792.45 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขณะที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.แสดงให้เห็นว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ก็ออกมาในเชิงบวก

          ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1848 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1914 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5120 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5165 ดอลลาร์

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.01 เยน เทียบกับระดับ 118.63 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.0138 ฟรังค์ จาก 1.0082 ฟรังค์

          ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8078 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8109 ดอลลาร์

ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 744.00 จุด ลดลง 14.00 จุด, -1.85%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!