WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นต่อตามตปท.ตอบรับดาวโจนส์พุ่ง

   นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยตลาดหุ้อื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเปิดตลาดภาคเช้าดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดาวโจนส์ แม้ว่าตลาดยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ในขณะนี้

    "ตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะยังปรับขึ้นได้ต่อ เพราะยังเป็นทิศทางของการรีบาวด์หลังตลาดร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ แต่ทิศทางวันนี้ก็คงเป็นไปตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่เป็นบวกกัน แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา แต่เช้านี้ตลาดเอเชียที่เปิดแล้วก็เป็นบวก ตลาดหุ้นไทยก็คงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน"นายเทิดศักดิ์ กล่าว

   อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนที่ลงทุนในระยะยาวรอจังหวะให้ราคาหุ้นมีการย่อตัวต่ำกว่าปัจจุบันอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีค่า P/E ในระดับที่ค่อนข้างสูง ส่วนนักลงทุนระยะสั้นแนะนำให้มีการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีและราคาที่เหมาะสมในการเข้างลงทุนในระยะสั้น

พร้อมให้แนวต้าน 1,530-1,550 จุด แนวรับ 1,500 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

                - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(18 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,778.15 จุด พุ่งขึ้น 421.28 จุด(+2.43%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,748.40 จุด พุ่งขึ้น 104.09 จุด(+2.24%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,061.23 จุด เพิ่มขึ้น 48.34 จุด(+2.40%)

                - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 300.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 326.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 103.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 23.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.89 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.52 จุด

                - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(18 ธ.ค.)1,516.79 จุด เพิ่มขึ้น 36.59 จุด(+2.47%)

                - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,125.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.57

                - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(18 ธ.ค.)ที่ 54.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.36 ดอลลาร์

                - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(18 ธ.ค.)ที่ 5.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

                - เงินบาทเปิด 32.86/88 แข็งค่าสวนทางภูมิภาค

                - "ประจิน"ขีดเส้น 22 ธ.ค.ชี้ขาดปรับลดค่าโดยสารรถบขส.และรถร่วม บขส. ผู้บริหาร บขส.ลั่นพร้อมนำร่องลดราคากม.ละ 2 สตางค์"เจ๊เกียว"เมินปรับลดราคา อ้างราคาน้ำมันที่ลดลงอยู่ในอัตราเดียวกับปี 55 ขณะที่ผู้โดยสารลดลงหันใช้บริการรถตู้ และสายการบินต้นทุนต่ำ

                - บริษัท สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์(เอสแอนด์พี)สถาบันจัดอันดับชั้นนำของโลก คงอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศของไทยที่ระดับ BBB+/A-2 และอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้นสกุลเงินบาทที่ A-/A-2

                - แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 5 (The 5 th GMS Summit) ระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีผู้นำกัมพูชา จีน ลาว พม่า เวียดนาม และไทย จะพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติตามกรอบการลงทุนของภูมิภาคหลายโครงการ

                - กลุ่มรณรงค์สร้างความโปร่งใสทางการเงิน (จีเอฟไอ) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐ เปิดเผยรายงานการไหลเวียนของเงินผิดกฎหมายที่ไหลออกจากประเทศกำลังพัฒนาในปี 2555 พบว่าปริมาณเงินผิดกฎหมายที่ไหลออกจากประเทศรวม 9.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าเงินลงทุนโดยตรงและเงินช่วยเหลือจีเอฟไอยังพบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของโลก มีเงินผิดกฎหมายไหลออกมากถึง 3.55 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.15 ล้านล้านบาท) เป็นที่ 2 ของอาเซียน รองจากมาเลเซีย ที่มีการขนเงินออกไป 4.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

                - ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าภายใน 5 ปี สัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% หวังสร้างสมดุลให้ตลาดหุ้นไทย ด้านดัชนีหุ้นดีดขึ้น 36 จุด รับผลประชุมเฟด

                - ซีไอเอ็มบีปรับลดคาดการณ์ ศก.ปีหน้าใหม่เหลือแค่ 3.3% เหตุไทยต้องเผชิญ 4 ปัจจัยเสี่ยง ทั้งสงครามค่าเงิน-วิกฤตรัสเซีย-น้ำมันตก-การลงทุนรัฐล่าช้า ทำเศรษฐกิจโตอืด ชี้หากเกิดสงครามค่าเงินบาทอาจแตะ 36 บาท/ดอลล์

*หุ้นเด่นวันนี้

                - PSTC บมจ.เพาเวอร์โซลูชั่นเทคโนโลยี เข้าเทรดวันนี้วันแรก บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 0.83 บาท โดยคาดปี 2014-15 มีกำไรปกติ 23 ล้านบาท +58% และ 50 ล้านบาท +115%

                PSTC เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า และทำธุรกิจพลังงานทดแทนโดยเป็นทั้งเจ้าของโรงไฟฟ้าแสงอาติย์และชีวมวลและรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้ผู้อื่น รายได้หลักในปีนี้ 79% จะมาจากธุรกิจออกแบบ ที่เหลือมาจากพลังงานทดแทน ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า Solar Farm 1.996MW และโรงไฟฟ้า Solar Roof 3 โรง 2.95 MW ผลิตแล้ว 2 โรง อีก 1 โรงเริ่มผลิตใน 4Q14 เงินจาก IPO จะนำไปลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวล 990KW หากโครงการทั้งหมดดำเนินการตามแผน

                - SAMART(โกลเบล็ก)เป้า consensus สูงสุด 45 บาท คาดรายได้ปี57ที่ 2.7 หมื่นลบ.(+20%YoY)และคาดกำไร Q4/57 ขยายตัวจากยอดขายกล่อง Set top box (ตั้งเป้า 2 พันลบ.ในปีนี้), การส่งมอบงานของ SAMTEL และ การเข้าสู่ High season ของการขายมือถือ SIM  (มียอดขายมือถือล็อตใหญ่ให้ DTAC 5แสนเครื่อง) และรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากการเข้าถือ SIM เพิ่มขึ้นเป็น 70% พร้อมตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจพลังงานทดแทน คาดสรุปโรงไฟฟ้าถ่านหินและพลังงานทดแทน 2 แห่งใน Q1/58

                - TUF(ฟินันเซีย ไซรัส)ประกาศซื้อกิจการ 100% ใน Bumble Bee ผู้ผลิตและจำหน่ายปลาทูน่ากระป๋องขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า US$1,510 ล้าน หรือประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการซื้อที่ EV/EBITDA 10.5 เท่า แพงกว่าที่เคยซื้อ MWB เล็กน้อย แต่ Bumble Bee มีศักยภาพในการทำกำไรสูง มี EBITDA margin 14% สูงกว่า TUF ที่มีมมาร์จิ้น 7-8% โดยมองว่าเป็นพัฒนาการที่ดีของ TUF ทำให้ส่วนแบ่งตลาดปลาทูน่าของ TUF ที่มีอยู่ในตลาดสหรัฐฯ 19% (อันดับ 3) รวมกับ Bumble Bee 28% เป็น 47% ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แซงหน้า Starkist (30%) ได้ในทันที

                - SEAFCO(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 10.28 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังปรับประมาณการ กำไรสุทธิปี 2557 และ 2558 เป็น 240 และ 281 ล้านบาท ตามลำดับ และคิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปกติปีนี้ถึง 75% y-o-y ส่วนปีหน้าเพิ่มได้อย่างต่อเนื่องอีก 16% เท่า นอกจากนี้ราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายด้วย P/E ปี 2558 ที่ยังถูกเพียง 9 เท่า ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี ปี 2558 เป็น 6% ฐานะการเงินดี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนปลายปีนี้เป็นเพียง 0.1 เท่า บริษัทในฐานะเป็นผู้นำตลาดงานฐานรากอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์สูงเมื่องานมีมาก นอกจากนี้ยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่คือ CK

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ หลังนักลงทุนยังขานรับถ้อยแถลงเฟด

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่าเฟดสามารถอดทนรอในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 1% เมื่อเวลา 9.59 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,511.01 จุด เพิ่มขึ้น 300.96 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,053.08 จุด ลดลง 4.44 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,158.27 จุด เพิ่มขึ้น 326.06 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,981.85 จุด เพิ่มขึ้น 103.22 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,920.75 จุด เพิ่มขึ้น 23.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,262.54 จุด เพิ่มขึ้น 18.89 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,706.47 จุด เพิ่มขึ้น 6.52 จุด

                นักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุดที่ว่า เฟดสามารถ "อดทน" รอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

                นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 129.52 จุด หลังยอดค้าปลีกอังกฤษแข็งแกร่ง

                ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลค้าปลีกที่แข็งแกร่งของอังกฤษ และความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีที่ปรับตัวดีขึ้น

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 129.52 จุด หรือ 2.04% ปิดที่ 6,466.00 จุด

                ตลาดหุ้นลอนดอนทะยานขึ้นขานรับข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนพ.ย.2557 เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวต่อปีสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547

                บีบีซีวิเคราะห์ว่า แคมเปญลดกระหน่ำในวันแบล็คฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ตามแบบร้านค้าในสหรัฐ ได้รับความนิยมอย่างสูงในอังกฤษปีนี้ ส่งผลให้บรรดาร้านค้าต่างๆทำยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ และช่วยหนุนอุตสาหกรรมค้าปลีกของอังกฤษโดยรวม

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวก หลังจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับ 105.5 ในเดือนธ.ค. จาก 104.7 ในเดือนพ.ย. นับเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปกำลังผ่านพ้นช่วงอ่อนแอเมื่อช่วงต้นปีมาได้

                หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์พุ่งขึ้น 5.6% ขณะที่หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์เซสนำหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับธนาคารสวิสลดดอกเบี้ยเงินฝาก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับติดลบ เพื่อป้องกันการแห่ฝากเงินในลักษณะนำเงินมาพักเพื่อความปลอดภัย

                ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 3% ปิดที่ 339.05 จุด

                ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,249.49 จุด เพิ่มขึ้น 137.58 จุด หรือ +3.35% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,811.06 จุด เพิ่มขึ้น 266.63 จุด หรือ +2.79% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,466.00 จุด เพิ่มขึ้น 129.52 จุด หรือ +2.04%

                 ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นหลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงสู่ระดับ -0.25% เพื่อป้องกันการแห่ฝากเงินในลักษณะนำเงินมาพักเพื่อความปลอดภัย

                ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากดังกล่าว เป็นเงินที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับธนาคารกลาง โดยธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้เกิดกระแสการลงทุนแบบต้องการความปลอดภัย ดังนั้น ธนาคารกลางจึงจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับติดลบ เพื่อลดความน่าดึงดูดใจด้านการลงทุนในรูปสกุลเงินฟรังค์สวิส

                การตัดสินใจของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ มีขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยมติการประชุมว่าเฟดสามารถ "อดทน" รอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

                หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นสแตทออยล์ ทะยานขึ้น 5.5%

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 421.28 จุด รับเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดบ.

                ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า เฟดสามารถอดทนรอในเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,778.15 จุด พุ่งขึ้น 421.28 จุด หรือ +2.43% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,748.40 จุด พุ่งขึ้น 104.09 จุด หรือ +2.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,061.23 จุด เพิ่มขึ้น 48.34 จุด หรือ +2.40%

                ดัชนี ดาวโจนส์ทะยานขึ้น 400 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2554 ส่งผลให้ดาวโจนส์บวกขึ้นไปแล้ว 700 จุดภายในระยะเวลา 2 วัน ขณะที่ดัชนี S&P ทำสถิติดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2555 เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดในการประชุมครั้งล่าสุดที่ว่า เฟดสามารถ "อดทน" รอต่อไปได้อีก ในการปรับท่าทีด้านนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

                นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.3-2.4% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ระดับ 2-2.2% และได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าไว้ที่ระดับ 2.6-3% ส่วนในด้านตลาดแรงงานนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้ และจะลดลงสู่ระดับ 5.2-5.3% ในปีหน้า

                ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. ปรับตัวลง 6,000 ราย แตะที่ 289,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ และเป็นสัญญาณล่าสุดว่าตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยสะท้อนว่าการจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง

                ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (LEI) สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

                หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3% ขณะที่หุ้นออราเคิล ทะยานขึ้น 10.2%

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!