WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวน์ตามตลาดตปท.หลังราคาน้ำมันมีท่าทีดีดกลับ

     นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้ เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย ตามตลาดในยุโรปที่ได้ปรับตัวขึ้นไป หลังจากที่ราคาน้ำมันมีท่าทีว่าจะดีดกลับ นอกจากนี้ยังมีลุ้นการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ด้วย แต่อาจจะไม่มีอะไรเท่าไร

      อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังวิตกในเรื่องของ currency ที่อาจจะวิกฤตได้ เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงเกือบครึ่งหนึ่งจากเดิมทำให้อาจมีปัญหาค่าเงินกับบางประเทศที่ผลิตน้ำมัน และฐานะการเงินไม่ค่อยดี และปัญหาก็มีโอกาสที่จะลามไปยังประเทศอื่น

    ส่วนปัจจัยในประเทศก็ให้รอดูการประชุมกนง. ซึ่งตามโผออกมาว่าคงอัตราดอกเบี้ย แต่ก็เป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ตลาดได้รับรู้ข่าวลบไปมากแล้ว ทำให้ตลาดฯอาจรีบาวน์ได้บ้างหลังจากที่ร่วงไปแรง เพียงแต่ขณะนี้ตลาดฯกำลังหาจุดที่จะรีบาวน์ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติก็ยังขายอยู่ แต่ก็ยังคาดหวังแรงซื้อจากกองทุน LTF, RMF

พร้อมให้แนวรับ 1,442 จุด ส่วนแนวต้าน 1,478-1,500 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(16 ธ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.87 จุด ร่วงลง 111.97 จุด(-0.65%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,547.83 จุด ลดลง 57.33 จุด(-1.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.74 จุด ลดลง 16.89 จุด(-0.85%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 65.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 27.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.04 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.90 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(16 ธ.ค.)1,461.74 จุด ลดลง 16.75 จุด(-1.13%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8,361.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.57

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 ธ.ค.)ที่ 55.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 2 เซนต์

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 ธ.ค.)ที่ 5.75 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

      - เงินบาทเปิด 32.98/33.00 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาผลประชุมกนง.หลังเสียงแตก

       - ธปท.เผยบาทอ่อนค่า ช่วงหุ้นร่วงหนัก แต่ไม่พบเงินไหลออกผิดปกติ พร้อมดูแล แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ "มาตรการพิเศษ" แต่พร้อมเข้าดูแลหากค่าเงินบาทแกว่งแรง "ประสาร" ประเมินรัสเซียขึ้นดอกเบี้ยแรง กระทบไทยไม่มาก เฉพาะด้านท่องเที่ยว ขณะค่าเงินรูเบิลยังร่วงต่อเนื่องตามทิศทางน้ำมัน แม้แบงก์กลางขึ้นดอกเบี้ย

       - "หอการค้าไทย" แนะสมาชิกประเมินผลกระทบน้ำมันขาลง เชื่อทำโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยน แจงเป็นผลดีผลักดันบริโภคในประเทศคึกคัก เร่งเสริมแกร่งธุรกิจช่วงต้นทุนลด แต่ห่วงกลุ่มส่งออก-ท่องเที่ยวเจอผลทางอ้อม ชี้มูลค่าตลาดหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง หันลงทุนกลุ่มอื่นทดแทน

       - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวลือในตลาดหุ้นว่า รัฐบาลจะยกเลิกธนบัตรจนทำให้หุ้นตกว่าใครเป็นคนสั่ง ยังไม่เคยมีความคิด และวันนี้ก็ยังไม่มีรายงานว่ามีขบวนการปั่นหุ้นต้องการทุบให้หุ้นตกเพื่อที่จะช้อนซื้อเก็งกำไร แต่พฤติกรรมการปั่นหุ้นแบบนี้มีเมื่อตอนปี 51 เรื่องหุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดา หุ้นจะขึ้นทุกวันได้อย่างไร

     - นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ในส่วนก๊าซเอ็นจีวีนั้นยังไม่ดำเนินการเก็บภาษีสรรพสามิตกับในขณะนี้ แต่ต้องส่งสัญญาณให้คนใช้รู้ว่า ในที่สุดจะต้องมีการเก็บภาษีด้วย เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ในภาคการขนส่ง

      - รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ในกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม วงเงินกองทุน 1-2.5 หมื่นล้านบาท เบื้องต้น

    - "แบงก์ชาติ" เผยสมาคมแบงก์ เสนอเลื่อนใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ค้ำประกัน ออกไปก่อนเพื่อหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อนปรับแก้กฎหมายอย่างรอบคอบ เตรียมเสนอคลังพิจารณาเร็วๆ นี้

      - สมาคมโบรกเกอร์ ยอมรับระบบเทรดอัตโนมัติซ้ำเติมตลาดหุ้นไทย ฉุดดัชนีดิ่งแรงแต่เชื่อไม่ได้เป็นตัวชี้นำทิศทาง ยันพอร์ต โบรกเกอร์ที่ขายหุ้นต่อเนื่องเป็นเรื่องปกติ เพราะต้องปรับพอร์ตเป็นระยะ "ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์" ประกาศตัวเลขบังคับขายรอบนี้ 0.1%

      - ฟิทช์ให้แนวโน้มธนาคารไทยปีหน้าเป็นลบ เหตุหนี้ครัวเรือนกับเอกชนสูง ในภาวะเศรษฐกิจขยายตัวได้น้อยปีนี้ อาจฉุดคุณภาพสินทรัพย์แบงก์แย่ลงต่อเนื่อง ส่งผลหนี้เสียในระบบเพิ่มเป็น 3% จากระดับ 2.7% ปีนี้ ขณะที่มาร์จินแบงก์อาจลดลง บวกสภาพคล่องตึงตัว ทำให้การแข่งขันดึงเงินฝากมีมากขึ้น

*หุ้นเด่นวันนี้

                - ADVANC(โกลเบล็ก)ราคา Consensus 267 บาท คาดรายได้เติบโตได้ตามเป้า โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตPost Paid High Two digits จากการย้ายค่าย และโปรโมชั่นใหม่ ในส่วนค่าใช้จ่ายลดลงเล็กน้อย QoQ กลางปี 58 มีแผนจะ Bidding โครงการใหม่ และเป็นหุ้นปันผลเด่นราว 5%

                - IFEC(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 17 บาท มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะขึ้นตาม Sensitivity ที่ศึกษาที่ 20-25 บาท ตามต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง จากการ M&A และ Project IRR ในต่างประเทศ ที่ดีกว่าคาด ทั้งนี้ IFEC เตรียมลงทุน โรงไฟฟ้าในเกาหลีใต้ เกาะ Je-Ju กำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 33MW ซึ่งได้ขายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วตั้งแต่ปี 2009 และมีโอกาสรับรู้รายได้เพิ่มหลังกำหนดสัดส่วนร่วมลงทุนช่วงปลายเดือน มีค. โดยจะมีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม นอกชายฝั่งขนาด 100 MW ที่จะเริ่มขายไฟปี 2019 ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการที่ให้ผลตอบแทน IRR สูงกว่า 30% สูงกว่าในไทยมาก และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชา(คาดประกาศต้นสัปดาห์หน้า)จะได้สัญญาขายไฟ 20 MW ที่ 9-10 บาท (สูงกว่า Adder ในไทยมาก) และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่กลางปี 2015 ซึ่งยังมีโครงการที่จะพัฒนาต่อในกัมพูชาอีกมากกว่า 100MW

                - WORK (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 50 บาท มีเรตติ้งอันดับหนึ่งของกลุ่ม ขณะที่การดึงรายการจากช่อง 5 และ 9 มาออกอากาศเอง แม้รายได้จะลดลงระยะสั้น แต่จะช่วยเพิ่มเรตติ้งและการขยายตัวของฐานรายได้ในระยะยาว

                - NBC (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6 บาท เป็นผู้นำในในช่องข่าวที่ผลประกอบการจะเริ่ม Turnaround และกลับมาโตอย่างมีนัยตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป

                - GRAMMY (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 23.8 บาท เป็นตัวเดียวในกลุ่มที่ราคายังไม่สะท้อนโอกาส Turnaround การทยอยลง contents ตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมาเชื่อว่าจะเพิ่มเรตติ้ง การขยายฐานลูกค้าเอเยนซี่ และโอกาสปรับขึ้นค่าโฆษณาอย่างมีนัยตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ ขณะจับตาผลประชุมเฟด

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

                ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ขยับขึ้น 0.1% แตะ 134.49 จุด เมื่อเวลา 9.09 น.ตามเวลาโตเกียว

                ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,689.34 จุด ลดลง 65.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,031.95 จุด เพิ่มขึ้น 10.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,697.68 จุด เพิ่มขึ้น 27.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,961.64 จุด เพิ่มขึ้น 10.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,913.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,220.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.04 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,673.04 จุด ลดลง 0.90 จุด

                ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ จากที่เคยระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไป "เป็นระยะเวลานาน" นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูว่าเฟดจะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 149.11 จุด รับผลทดสอบภาวะวิกฤตแบงก์อังกฤษ

            ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากมุมมองบวกเกี่ยวกับระบบการธนาคารของอังกฤษหลังมีการเปิดเผยผลการทดสอบภาวะวิกฤต

                ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 149.11 จุด หรือ 2.41% ปิดที่ 6,331.83 จุด

                ตลาดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศเมื่อวานนี้ว่า ผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ในระบบการธนาคารของอังกฤษแสดงให้เห็นว่า ภาคการธนาคารโดยรวมมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยธนาคารรายใหญ่ๆได้ผ่านการทดสอบดังกล่าว

                หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์และหุ้นบีพี นำหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองก็ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตันและหุ้นริโอ ทินโต ทะยานขึ้นกว่า 3%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับหุ้นพลังงานฟื้นตัว

            ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผลิตรถยนต์ หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น

                ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 328.88 จุด

                ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,563.89 จุด พุ่งขึ้น 229.88 จุด หรือ +2.46% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,093.20 จุด เพิ่มขึ้น 87.82 จุด หรือ +2.19% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,331.83 จุด เพิ่มขึ้น 149.11 จุด หรือ +2.41%

                ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ และหุ้นบีจี กรุ๊ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4%

                ส่วนหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเดมเลอร์ ปรับขึ้น 4% และหุ้นคอนติเนนตัล พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปรายงานว่า ยอดขายรถยนต์ในตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 1.2% แตะที่ 989,457 คันในเดือนพ.ย. ส่วนยอดขายรถยนต์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.5% เป็น 12 ล้านคัน

                การปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มรถยนต์ได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนธ.ค.ลดลงแตะ 49.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จาก 50.0 ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PMI เบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนธ.ค.ลดลงแตะ 51.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จาก 51.7 ในเดือนพ.ย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 111.97 จุด วิตกสถานการณ์ราคาน้ำมัน

                ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.

                ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,068.87 จุด ร่วงลง 111.97 จุด หรือ -0.65% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,547.83 จุด ลดลง 57.33 จุด หรือ -1.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.74 จุด ลดลง 16.89 จุด หรือ -0.85%

                นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 53.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหลุดจากระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ออกมายืนยันว่า กลุ่มโอเปคจะไม่ปรับลดเพดานการผลิต แม้ว่าราคาน้ำมันอาจจะดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลก็ตาม

                การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน รวมถึงเศรษฐกิจรัสเซียที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วจากการร่วงลงของสกุลเงินรูเบิลและมาตรการคว่ำบาตรที่นานาประเทศบังคับใช้ต่อรัสเซีย

                ทั้งนี้ ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงอย่างหนักถึง 19% สู่ระดับ 80.10 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 13.14 น.ตามเวลามอสโคเมื่อวานนี้ เพราะได้รับแรงกดดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ทางการรัสเซียจะประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน หลังจากที่การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

                นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.ของสหรัฐปรับตัวลงแตะระดับ 53.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 54.8 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 1.6% แตะที่ระดับ 1.028 ล้านยูนิต และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. ลดลง 5.2% แตะที่ 1.035 ล้านยูนิต

                หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้น Amazon.com และหุ้นกูเกิล ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของกูเกิลลงสู่ระดับ 600 ดอลลาร์ จากระดับ 670 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นยาฮู ดิ่งลง 2%

                นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 17 ธ.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วยการเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ จากที่เคยระบุว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไป "เป็นระยะเวลานาน" นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูว่าเฟดจะมีปฏิกริยาอย่างไรต่อการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

                        อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!