WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

 ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้อาจผันผวนจากแรงขายทำกำไร แต่ปัจจัยในประเทศยังหนุน

    นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มองว่าอาจจะได้เห็น Profit taking ออกมาบ้างหลังจากที่ดัชนีฯสามารถยืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้ ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดผันผวนเล็กน้อย

    ทั้งนี้ ตลาดฯได้รับปัจจัยบวกจากี่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ และยังเดินหน้าในเรื่องเศรษฐกิจของไทยด้วย ซึ่งน่าจะเห็นพัฒนาการต่อไป

    ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

    พร้อมให้กรอบแกว่งตัวในวันนี้ที่ 1,395-1,400 จุด แต่ทิศทางของตลาดฯมองว่ายังไปต่อได้ โดยระยะยาวมองว่าดัชนีฯมีโอกาสขึ้นทดสอบแนว 1,420-1,425 จุด จากแรงผลักดันของโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

      - ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(28 พ.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,633.18 จุด ลดลง 42.32 จุด (-0.25%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,909.78 จุด ลดลง 2.13 จุด(-0.11%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,225.07 จุด ลดลง 12.00 จุด(-0.28%)

     - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 85.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 23.28 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.01 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.58 จุด

      - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 พ.ค.) ที่ 1,402.79 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด (+0.72%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,744.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 พ.ค.57

      - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 พ.ค.)ที่ 102.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.39 ดอลลาร์ฯ

     - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 พ.ค.)ที่ 5.87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิดตลาด 32.69/70 แนวโน้มยังอ่อนค่า หลังราคาทองลงต่อเนื่อง

     - สำนักงบฯตั้งกรรมาธิการกลั่นกรอง 17 ก.ย. ทูลเกล้าฯ 22 ก.ย. วงเงิน 2.55-2.6 ล้านล้าน, "ประจิน"ลั่น งบปี 2558 ทันเบิกจ่าย 1 ต.ค. สำนักงบฯเสนอตีกรอบวงเงิน 2.55-2.6 ล้านล้าน ขาดดุล 2 แสนล้าน ตั้งกรรมาธิการ 1 ชุด ชี้ขาดโครงการ 17 ก.ย. ขณะคมนาคมเสนอเมกะโปรเจค 3.8 แสนล้าน เพิ่ม 3 เท่า ส่งคสช.ชี้ขาดใน 2 สัปดาห์

      - "ประยุทธ์" สั่งหน่วยงานความมั่นคงเศรษฐกิจ ลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์เมืองท่องเที่ยว หากไม่พบปัญหาพร้อมประกาศ "เลิกเคอร์ฟิว" บางพื้นที่ หวังสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยว ด้านกระทรวงท่องเที่ยวรับต้องอัดยาแรงกระทรวงท่องเที่ยวรับต้องอัดยาแรงกระตุ้นท่องเที่ยวซบ หลังรายได้รวมปีนี้พลาดเป้า 2 ล้านล้านเหลือ1.8ล้านล้าน ขณะที่ ททท.ขอ 800 ล้านบาท จัดแผนกู้ชีพไฮซีซัน ลั่นจัดเมกะแฟมทริปใหญ่เป็นประวัติการณ์

      - ประธานส.อ.ท. ระบุภารกิจเร่งด่วนประเทศ "ฟื้นเชื่อมั่น"คู่ค้า-นักลงทุนต่างชาติ ให้มั่นใจสถานการณ์ในไทย หวั่นชวดออเดอร์ตั้งคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มอุตฯยานยนต์ชง5ข้อเสนอฟื้นฟูภาค ยานยนต์ด้านเอกชน ขานรับทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจคสช. "ปรีดิยาธร-ณรงค์ชัยสมคิด" แจงเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเศรษฐกิจครบเครื่อง

     - นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่ายอดการส่งออกในเดือน เม.ย. มีมูลค่า1.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐลดลง 0.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนรวมช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. มูลค่าส่งออกทั้งสิ้น 7.34 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐลดลงแล้ว 0.97%

     - "แบงก์ชาติ" เผยผลดำเนินงานปี 2556 มียอดขาดทุนสุทธิ 1.29 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% ชี้ผลจากรายได้ดอกเบี้ย ลด 7 พันล้านบาท หรือ 16% ขณะที่ค่าใช้จ่ายพุ่ง 1.43% ผลจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มกว่า 46% ด้านบอร์ดธปท.ตั้ง"ไพบูลย์"ขึ้นรองผู้ว่าด้านบริหาร มีผล 1 ต.ค.นี้

     - ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ออกรายงานวิเคราะห์ล่าสุดถึงนักลงทุน ว่าธนาคารตัดสินใจปรับลดประมาณการทางเศรษฐกิจไทยในปี 2557 ลงมาอยู่ที่ 0% จากคาดการณ์เดิมที่ 3% ซึ่งจะถือเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งในปี 2540-2541 ที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทย ติดลบถึง 1.4% และ 10.5% ตามลำดับ

*หุ้นเด่นวันนี้

     - AP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.70 บาท คาดผลประกอบการของ AP มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและทำระดับสูงสุดใน 4Q57 จากงานในมือมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ผนวกกับแผนโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมีเนียมอีก 6 แห่ง ขณะที่ยอดขายใน 2Q57 ค่อนข้างดีจากยอดขายโครงการคอนโดมีเนียมใหม่ 3 แห่ง ที่มียอดขายเฉลี่ย 38% หลังเปิดตัว 1 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 พันล้านบาท ระดับราคาหุ้นที่ซื้อขายที่ PER 7 เท่า ถือว่าถูกเมื่อเทียบกับกลุ่มฯที่มีค่าเฉลี่ย PER  10 เท่า อีกทั้งหุ้นยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงกว่าราว 5 - 6% ต่อปี

     - SAMART(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27.40 บาท ประเมินปัจจัยพื้นฐาน รวมกรณีที่งานประมูลโครงการภาครัฐชะลอไปอาจทำให้กำไรของ SAMTEL ลดลง โดยในกรณีแย่ที่สุดพบว่าจะกระทบมูลค่าเหมาะสม SAMART ลดลงเป็น 24.40 บาท ซึ่งยังมี Upside จากราคาตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ ราคาหุ้น SAMART ที่ซื้อขายถูกว่าบริษัทลูก รวมทั้งคาดว่าจะยังจ่ายเงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3-4% และมูลค่าเหมาะสมรวมกรณีแย่ของ SAMTEL ยังมี Upside 22% จากราคาปัจจุบัน ทำให้หุ้น SAMART มีโอกาสฟื้นตัวเร็วกว่าบริษัทลูก

     - BTS(ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2015 (เม.ย. 2014-มี.ค. 2015) ลง 9% เป็น 2,375 ล้านบาท แต่ยังเติบโต 14% Y-Y จากการปรับลดรายได้ธุรกิจโฆษณาของ VGI และธุรกิจอสังหาฯลง ทำให้ราคาเป้าหมายลดลงเป็น 10 บาท จากเดิม 10.50 บาท แต่ยังแนะ"ซื้อ"เพราะเป็นหุ้นปันผลสูง คาด yield 7-8% ต่อปี และมีลุ้นชนะประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีเขียวฝั่งใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ)

    - BGH(ฟินันเซีย ไซรัส)เข้าซื้อกิจการ 100% ของบริษัท โรงพยาบาลสนามจันทร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลในนครปฐม และมีเงินลงทุน 44.5% ในบริษัท โรงพยาบาลเทพากร จำกัดและ 25% ในบริษัท ก.วสุพล จำกัด ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นราว 3,555-3,655 ล้านบาท หากรวมกำไรของโรงพยาบาลดังกล่าวเข้ามา จะทำให้กำไรสุทธิของ BGH เพิ่มขึ้นราว 2% เทียบกับราคาหุ้นเมื่อวานที่ปรับขึ้นมา 3.9% ถือว่ารับรู้ข่าวบวกไปแล้ว จะมีการประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้ อาจมีการปรับกำไรและราคาเป้าหมายขึ้น

     - BH(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"ราคาเหมาะสม 115.00 บาท เป็นหุ้นที่ถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้(30 พ.ค.)โดย BH เป็นหุ้นหลักเพียงตัวเดียวที่ถูกปรับเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand Index จึงคาดว่าจะได้อานิสงค์เชิงบวกจาก Fund Flows ต่างชาติที่ลงทุนโดยใช้ดัชนี MSCI เป็น Benchmark ราว 1.4-1.5 พันล้านบาท สำหรับการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI ในรอบนี้ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +9.9% yoy และ +23.9% yoy เป็น 3,359 ล้านบาท ในปี 2558 และมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตระยะยาวของอุตสาหกรรมโรงพยาบาล

ตลาดหุ้นเอเชียลดลงโดยการนำของหุ้นญี่ปุ่น หลังยอดค้าปลีกญี่ปุ่นร่วง

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังยอดค้าปลีกญี่ปุ่นร่วงลงในเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปรับตัวขึ้น

   ดัชนี MSCI Asia Pacific ลดลง 0.1% สู่ระดับ 141.72 จุด เมื่อเวลา 9.37 น.ตามเวลาโตเกียว

   ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,585.64 จุด ลดลง 85.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,051.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,103.31 จุด เพิ่มขึ้น 23.28 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,123.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,020.67 จุด เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,279.85 จุด เพิ่มขึ้น 8.01 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,872.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด

   หุ้นฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทขายเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ลดลง 1.1% ในโตเกียว หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดของโลก หดตัวลง 1.6% ในซิดนีย์ และหุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก บวก 1.5% ในโซล

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 6.28 จุด ขณะรอดูประชุมธนาคารกลางยุโรป

    ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในสัปดาห์หน้า

   ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ 0.09% ที่ 6,851.22 จุด

   นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี ได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายพร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน หากจำเป็น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่าอีซีบีอาจดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า

  หุ้น London Stock Exchange (LSE) ปรับตัวขึ้น 2.6% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากเครดิต สวิส กรุ๊ป ได้จัดให้หุ้น LSE อยู่ในกลุ่มหุ้นที่น่าจับตา

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัว จากแรงขายหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์

    ตลาดหุ้นยุโรปปิดเกือบทรงตัวเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ โดยหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ร่วงลงอย่างหนัก

    ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลงเกือบ 0.1% ปิดที่ 344.29 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,531.63 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ +0.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,939.17 จุด ลดลง 1.65 จุด หรือ -0.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,851.22 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด หรือ +0.09%

     หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง โดยหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ดิ่งลง 1.6% หลังจากสำนักงานปราบอาชญากรเศรษฐกิจของอังกฤษ (SFO) เริ่มดำเนินการตรวจสอบแกล็คโซสมิธไคลน์ในคดีอาญา อันเนื่องมาจากข่าวที่เกิดขึ้นในประเทศจีนว่า พนักงานของแกล็คโซสมิธไคลน์ได้ให้สินบนแพทย์ โรงพยาบาล และองค์กรทางการแพทย์ เพื่อต้องการเพิ่มยอดขาย

    หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย พุ่งขึ้น 4% เพราะได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นดังกล่าว

    ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้บริหารและผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจยูโรโซน เพิ่มขึ้นแตะ 102.7 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 102 ในเดือนเม.ย พร้อมระบุว่าธนาคารกลางยุโรปกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด และเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : แรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 42.32 จุด

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรก

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,633.18 จุด ลดลง 42.32 จุด หรือ -0.25% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,225.07 จุด ลดลง 12.00 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,909.78 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.11%

    นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ โดยดัชนี S&P ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งมีการเปิดเผยในวันดังกล่าว

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนจำนวนหนึ่งได้พากันปลีกตัวออกนอกตลาด ก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่การประมาณการครั้งแรกระบุว่า จีดีพีไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2555 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวราว 1.1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนทางธุรกิจ

   ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ มีแต่เพียงรายงานของบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ที่ระบุว่า ภาคธนาคารของสหรัฐมีรายได้ลดลงมาแตะที่ 3.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2557 ลดลง 7.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลงอย่างมากของรายได้จากการอนุมัติสินเชื่อจำนองและรายได้จากการซื้อขาย

   หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง โดยหุ้นดอลลาร์ เจนเนอรัล ผู้ประกอบการร้านดิสเคาท์สโตร์รายใหญ่ ร่วงลง 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้น Lowe's ดิ่งลง 2.2% หลังจากถูกนักวิเคราะห์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนเช่นกัน

   อย่างไรก็ตาม หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 11% หลังจากนักวิเคราะห์ของโนมูระแนะนำให้นักลงทุนซื้อหุ้นทวิตเตอร์ หลังจากราคาหุ้นดังกล่าวดิ่งลงไปถึง 50% ในปีนี้

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!