- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 12 November 2014 12:41
- Hits: 2315
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ยังอยู่ในทิศทางอ่อนตัวลง-รอแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐฯ
นายชัยพร น้อมพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการอำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังอยู่ในทิศทางอ่อนตัวลง แต่ก็คงลงไปไม่ลึก ตำแหน่งที่น่าจะมีแรงซื้ออยู่แถวบริเวณ 1,550-1,560 จุด ทั้งนี้ ช่วงนี้ไม่มีปัจจัยลบ ขณะที่ตลาดฯกำลังรอว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาหรือไม่
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มจะมีการจับตาการเมืองของญี่ปุ่นที่ไม่นิ่งหลังจากที่มีรัฐมนตรีลาออกไป 2 คน ซึ่งสุดท้ายอาจจะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะต้องประกาศการเลือกตั้งใหม่เร็วกว่าที่คาดไว้หรือเปล่า ซึ่งเดิมคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในปลายปี 2015 หรือปี 2016 นอกจากนี้ช่วงนี้ก็ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศไป และในช่วงปลายเดือนนี้ก็ให้ติดตามการประชุมโอเปคว่าจะมีการลดโควต้าการผลิตของประเทศสมาชิกหรือไม่ ภายหลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลง
พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,576-1,590 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(11 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,614.90 จุด เพิ่มขึ้น 1.16 จุด(+0.01%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,660.56 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด(+0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,039.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด(+0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 129.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 75.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 15.07 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.21 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.83 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.22 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(11 พ.ย.)1,571.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.86 จุด(+0.25%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 600.69 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 พ.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(11 พ.ย.)ที่ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(11 พ.ย.)ที่ 7.60 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.85/87 แนวโน้มระยะยาวยังอ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า
- "ไทย-จีน" ร่วมพัฒนารถไฟทางคู่มาตรฐาน 3 เส้นทาง "กรุงเทพ-หนองคาย-มาบตาพุด" นายกฯเผยร่วมมือแบบ "จีทูจี" ไม่เกี่ยวบริษัทเอกชน ย้ำทุกอย่างโปร่งใส ด้านจีนพร้อมรับซื้อข้าวจากไทย ขณะนักวิชาการไม่กังวลเรื่องเทคโนโลยี จับตาเงื่อนไข-รายละเอียด
- "ปรีดิยาธร" กางแผน แก้ 4 จุดอ่อนเศรษฐกิจ ทั้งลดการใช้พลังงาน ปรับโครงสร้างภาษี ต้นทุนขนส่งสินค้า และการศึกษา พร้อมสร้างรายได้ในชนบท สร้างเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน ด้าน"สมหมาย" ลั่นกฎหมายภาษีมรดกเข้าครม.สัปดาห์หน้า ขณะ"ณรงค์ชัย"เดินหน้าปรับราคาพลังงานตามตลาด
- ธปท.เตรียมใช้นโยบายการเงินพยุงเศรษฐกิจ หลังประเมินเบิกจ่ายภาครัฐล่าช้ากว่าคาด ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้เสี่ยงโตต่ำกว่า 1.5% ส่งออกแนวโน้มติดลบ นักวิเคราะห์มอง "เซอร์ไพร์สตลาด" เตือนหั่นดอกเบี้ยช่วยฟื้นเศรษฐกิจ แต่เงินไหลออก ขณะ "ศุภวุฒิ" ชี้นักลงทุนจับตาการเมืองใกล้ชิด
- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เพียง 0.5% แต่ถ้ารวมเป็นกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะมีจีดีพี 3% ของโลก การรวมตัวเป็นเออีซีจึงเป็นจุดดึงดูดนักลงทุน
- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงเรื่องการกำหนดกรอบเงินเฟ้อของประเทศโดยได้เห็นสอดคล้องกับ ธปท.ที่จะให้นำเอาเงินเฟ้อพื้นฐานทั่วไปมาเป็นตัวกำหนดนโยบายการเงินการคลัง จากที่ได้ใช้กรอบเงินเฟ้อพื้นฐานมานานแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPALI(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32.20 บาท แจ้ง Q3/57 มีกำไร 1,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 351%yoy และ 198%qoq กำไร 9M57 เท่ากับ 2,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154% ดีกว่าคาดไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท ส่วน 4Q57 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากงานในมือรอโอนในระดับสูงและมีโอกาสทำสถิตินิวไฮรายไตรมาส ล่าสุดมีโครงการร่วมทุนกับบริษัทอสังหาในออสเตรเลียพัฒนาโครงการ
- BLAND(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.80 บาท จะรายงานผลประกอบการ 2Q57/58 ในวันพฤหัสหรือศุกร์นี้ โดยคาดว่ามีโอกาสที่บริษัทจะประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีเงินสดในมือสูง หลังจัดตั้งกองทุน REIT ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประเมินเงินปันผล 1H57/58 หุ้นละ 0.03-0.04 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 2% และทิศทางกำไร 2H57/58 คาดว่าจะเติบโตสูง เนื่องจากมีโอกาสที่ BLAND จะบันทึกรายการพิเศษ คือ กำไรจากการหมดอายุของหุ้นกู้ราว 3 พันล้านบาท
- WHA(เคทีบี)"เก็งกำไร"เป้า 44.25 บาท ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2557 จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น WHA ที่น่าสนใจ โดยมีปัจจัยหนุนจากการจัดตั้งกองทุน WHAPF ซึ่งจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าหุ้นให้กับบริษัท นอกเหนือจากธุรกิจหลัก Built to Suit
- M(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 74 บาท กำไรฟื้นตามคาด +30% Q-Q, -1% Y-Y ส่วนกำไรปกติ +5% Q-Q, +7% Y-Y จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นต่อเนื่องจาก -5.7% Y-Y ใน 2Q14 เหลือเพียง -1% Y-Y คาด SSSG ใน 4Q14 จะพลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส จากฐานต่ำในปีก่อนและสถานการณ์การบริโภคเริ่มดีขึ้น คงกำไรปกติปี 2014-15 เติบโต 7% Y-Y และ 19% Y-Y ตามลำดับ
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ หลังเยนอ่อนหนุนหุ้นญี่ปุ่นทะยาน
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ทะยานขึ้นหลังเงินเยนอ่อนค่าลง
ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 141.38 จุด เมื่อเวลา 9.02 น.ตามเวลาโตเกียว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,253.12 จุด เพิ่มขึ้น 129.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,883.31 จุด เพิ่มขึ้น 75.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,030.13 จุด ลดลง 4.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,965.21 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,289.32 จุด ลดลง 2.83 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,818.89 จุด ลดลง 6.22 จุด
ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงิน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่านายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่น อาจชะลอแผนการปรับขึ้นภาษีการบริโภค
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 16.15 จุด แม้หุ้นเหมืองร่วง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป แม้ว่าการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองได้สกัดช่วงบวกของตลาดไว้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 16.15 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 6,627.40 จุด
หุ้นโวดาโฟนพุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ารายได้ของบริษัทลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วงหนุนตลาดหุ้นลอนดอน
อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองส่งผลให้ตลาดปิดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก โดยหุ้นแองโกล อเมริกันร่วง 1.4%, หุ้นริโอ ทินโต ปรับลง 1.3% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน อ่อนแรงลง 1.0%
นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดยังรอดูรายงานเงินเฟ้อรายไตรมาสจากธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ โดยให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อและคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทโวดาโฟน และเฮงเคล
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 338.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,369.03 จุด เพิ่มขึ้น 17.16 จุด หรือ +0.18% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,244.10 จุด เพิ่มขึ้น 21.28 จุด หรือ +0.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,627.40 จุด เพิ่มขึ้น 16.15 จุด หรือ +0.24%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนยังคงเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นยุโรป โดยหุ้นโวดาโฟน พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทว่ารายได้จากการบริการปรับตัวลดลง 1.5% ในไตรมาส 3 แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.6%
หุ้นเฮงเคล ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 3.1% และคาดการณ์ว่ารายได้ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี จะเพิ่มขึ้น 16% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 15.5%
หุ้น Royal Vopak ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์อีกรายหนึ่งนั้น พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 142 ล้านยูโร หรือ 177 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญประเทศยุโรปในสัปดาห์นี้ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปเดือนก. ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี และจีดีพีเบื้องต้นช่วงไตรมาส 3/2557 ของฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 1.16 จุด ขานรับมุมมองเศรษฐกิจสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,614.90 จุด เพิ่มขึ้น 1.16 จุด หรือ +0.01% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,660.56 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,039.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. จากมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับการจ้างงาน การใช้จ่ายด้านทุน และยอดขาย
ทั้งนี้ NFIB ระบุว่า ดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8 จุด แตะที่ 96.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับที่สูงที่สุดถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อย่างเจซี เพนนี และเมซี อิงค์ ในวันพุธ และผลประกอบการของวอล-มาร์ทในวันพฤหัสบดีนี้ เนื่องจากใกล้จะถึงเทศกาลจับจ่ายใช้สอยในวันหยุดของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐ
หุ้นอาลีบาบา ร่วงลง 3.87% แม้ว่าบริษัทสามารถทำยอดขายจากงาน "Single's Day Sales" ได้สูงกว่า 9 พันล้านดอลลาร์
หุ้น D.R. Horton พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ายอดขายในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 38%
อินโฟเควสท์