- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 31 October 2014 17:59
- Hits: 3233
โบรกฯ คาดสัปดาห์หน้า SET บวกต่อ ลุ้น ECB ออก QE - งบ Q3/57 หนุน เชื่อหากไม่มีข่าวร้ายมีลุ้นเห็น 1,600 จุด แนะลงทุนหุ้นผลประกอบการดี
โบรกฯ คาดหุ้นไทยแกว่งตัวบวก ลุ้น ECB ออกมาตราการ QE ตัวเลขศก. สหรัฐฯ ขณะที่ในประเทศยังได้แรงเก็งกำไรงบ Q3/57 และแรงซื้อกองทุน LTF/RML หนุน แนะลงทุนหุ้น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มหลักทรัพย์ โ ประเมินแนวรับ 1,550-1,540 จุด แนวต้าน 1,590-1,600 จุด
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าววิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นดีต่อเนื่อง โดยเฉาพะในช่วงบ่าย โดยได้รับปัจจัยบวกจากต่างประเทศเป็นหลัก หลังตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สหรัฐอเมริกาเติบโตดีเกินคาดที่ 3.5% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ 3.0% รวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้มาตราการ QE โดยวางแผนจะเข้าซื้อพันธบัตรด้วยวงเงินราว 8-12 ล้านล้านเยนต่อเดือน ทำให้ดัชนีนิเคอิปิดตลาดปรับพรุ่งเกือบ 5% และช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ส่วนปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรมากนัก การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 5 พ.ย. นี้ คาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม โดยจับตาดูผลการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่ามีประสิทธภาพเพียงใด
สำหรับ สัปดาห์หน้าคาดหุ้นไทยแกว่งตัวบวก จับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในรายละเอียดการเข้าซื้อ ABS หลังดำเนินการเข้าซื้อ Covered bond ไปแล้ว อีกทั้งลุ้นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้มาตรการ QE เพิ่มเติม ผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของชาติต่าง ๆ หรือไม่ และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการใช้จ่ายนอกภาคการเกษตร (Non-farm payroll)
ขณะที่ถ้ามองภาพรวมการลงทุนเดือน พ.ย. ดัชนีฯ มี Upside ค่อยข้างจำกัด เนื่องจากค่า PE ที่ค่อนข้างแพง และถ้าไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบยังสามารถไต่ระดับเพื่อไปทดสอบแนวต้าน 1,590-1,600 จุดได้ ส่วน Downside risk ก็ค่อนข้างจำกัดเช่นกัน เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นของกลุ่มกองทุนรวม LTF/RMF จะช่วยประคองดัชนีฯไว้ มองไม่น่าจะหลุดแนวรับ 1,520 จุด
ด้านกลยุทธ์ แนะทยอยซื้อหุ้นในจังหวะย่อตัว ในกลุ่มมที่คาดว่าผลประกอบการ Q3/57 ออกมาดี อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มหลักทรัพย์ โดยประเมินแนวรับ 1,550-1,540 จุด แนวต้าน 1,590-1,600 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีฯ ตลาดหุ้นไทยบวกแรงถึง 18.81 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1584.41 จุด โดย บรรยากาศการซื้อ-ขายส่วนใหญ่มากจากหุ้นรายกลุ่ม ในกลุ่มของพลังงาน กลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มสื่อสาร เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังจากผลประกอบการไตรมาส 3/2557 ที่กำลังทยอยประกาศของกลุ่มดังกล่าว
"ตลาดวันนี้ยังคงอยู่ในแดนบวก เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศเป็นตัวหนุน นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้นรายตัวในกลุ่มของพลังงาน กลุ่มพลังงานทางเลือก และกลุ่มสื่อสารโดยเฉพาะหุ้นที่มีประเด็น ส่วนใหญ่แรงซื้อ - ขาย มาจากความคาดหวังของผลประกอบการไตรมาส 3/2557"นายชัย กล่าว
ประกอบกับมีปัจจัยบวกจาก การประกาศผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ประกาศขยายการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นวงเงิน 80 ล้านล้านเยน หรือ 723 พันล้านดอลลาร์ และขยายวงเงินซื้อหน่วยลงทุนกองทุนตราสารเปลี่ยนมือเป็น ล้านล้านเยน
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่า จะมีเม็ดเงินของกองทุน LTFและ RMF มาเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บรรยากาศของตลาดหุ้นไทยยังคงทรงตัวอยู่ในแดนบวก
ด้านปัจจัยที่รอติดตามคือเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่คาดว่าส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่ม ICT อย่าง AIT SAMART กลุ่มพลังงานทางเลือก อย่าง GUNKUL กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อย่าง CKP- ERWกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อย่าง KTB ทั้งนี้ คาดว่า CK- HEMRAJ อาจจะติดอันดับ SET INDEX 50
ส่วนปัจจัยภายนอกยังคงต้องติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ที่อาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ อีกทั้งยังต้องติดตามมาตรการของ BOJ ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีการขานรับมากน้อยเพียงใด
โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้รอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2557 โดยประเมินกรอบแนวต้านหลักอยู่ที่ 1,600 จุด หากไม่มีข่าวร้ายมากระทบคาดว่าดัชนีฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 1,623 จุด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย