WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นขึ้นหลังปัจจัยนอกปท.ผ่อนคลายทั้งจากยุโรป-สหรัฐฯ

            นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้คาดว่าดัชนีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่มีความผ่อนคลายมากขึ้น อย่างเช่น การที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เพิมเติม ได้แก่ Asset Back Securities (ABS) และ Corporate Bond ขณะที่ตัวเลข Consumer Price Index (CPI) ของสหรัฐฯที่ได้มีการประกาศออกมาอยู่ที่ 1.7% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.6% ทำให้ภาพรวมของความกดดันเกี่ยวกับเศรษฐกิจของโลกมีความผ่อนคลายดีขึ้นเล็กน้อย

            อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยในประเทศที่ยัวเป็นปัจจัยเสี่ยงให้กับตลาด เกี่ยวกับผลการประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศที่มีแนวโน้มกำไรในปีนี้ลดลง ทำให้อาจจะต้องมีการปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในประเทศลดลงด้วย

            ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียช่วงเช้านี้ส่วนใหญ่ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ มีแนวโน้มสวนทางตลาดหุ้นไทย หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นในบางประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างเช่น ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ทำให้วันนี้จะมีการอ่อนตัวลงมา

            พร้อมให้แนวต้าน 1,542 จุด แนวรับ 1,532 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

            - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(23 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,677.90 จุด พุ่งขึ้น 216.58 จุด(+1.32%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,452.79 จุด เพิ่มขึ้น 69.94 จุด(+1.60%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,950.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.71 จุด(+1.23%)

            - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้  ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 215.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 21.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.47 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.64 จุด

            - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(22 ต.ค.)1,532.72 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด(+0.43%)

            - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 149.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ต.ค.57

            - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(23 ต.ค.)ที่ 82.09 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์

            - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(23 ต.ค.)ที่ 5.08 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

            - เงินบาทเปิด 32.38/40 อ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจโลกดีขึ้น

            - นักเศรษฐศาสตร์ ห่วงสถานการณ์ "อีโบลา" ชี้หากยังไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ผ่านการ "ส่งออก-ท่องเที่ยว" เผยปัจจุบันยังกระทบแค่ความเชื่อมั่น จิตวิทยาการลงทุนแนะจับตาหลังเดือนพ.ย.เป็นต้นไป

            - ททท.เผย ท่องเที่ยวไฮซีซันฟื้นไม่สดใส เหตุปัญหาเศรษฐกิจการเมืองในรัสเซียทุบอัตราเข้าพัก-ลูกค้ากรุ๊ปทัวร์หด ผสมปัจจัยลบเศรษฐกิจยุโรป เชื่อภาพรวมท่องเที่ยว-โรงแรมฟื้นตัวเต็มที่ปีหน้า ด้านธุรกิจไมซ์ทำใจคาดกว่าจะฟื้นกลับสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลาอีก 2 ปี

            - มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่เห็นชอบให้มีการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่ 29 แปลง กำลังกลายเป็นข้อขัดแย้งระหว่างภาคประชาชนที่ต้องการให้มีการปฏิรูปพลังงานกับกระทรวงพลังงานที่เดินหน้าเปิดสัมปทาน จนมีการประกาศรวมตัวกันเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านอย่างแน่นอน

            - ธปท.ร่อนหนังสือเวียนอย่างเป็นทางการ คลายกฎให้ภาคธุรกิจไทยสามารถยกเลิกประกันความเสี่ยงค่าเงินได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ แต่คุมเข้มไม่ให้เก็งกำไรค่าเงิน สั่งเก็บรายละเอียดหลักถี่หยิบขณะเดียวกันเปิดทางให้ส่วนราชการไทยไม่ต้องแสดงเอกสาร ไม่ต่ออายุหรือยกเลิกธุรกรรมอนุพันธ์ได้ทุกกรณี

            - บีโอไอฟุ้งพิจารณาโครงการช่วง ต.ค. มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการพิจารณากลั่นกรองเพื่อเตรียมเสนอบอร์ดใหญ่อนุมัติ ทั้งอีโคคาร์ 2 และโรงไฟฟ้า

            - อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขกฎหมายสรรพสามิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการชี้แจงในรายละเอียดเพิ่มเติมกับกระทรวงการคลังถึงแนวทางการแก้กฎหมายสรรพสามิตจาก 7 ฉบับให้เหลือ 1 ฉบับเพื่อให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะเปลี่ยนฐานการเก็บภาษีที่ปัจจุบันเก็บจากฐานราคาหน้าโรงงานสำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศ และเก็บจากฐานราคาสำแดงนำเข้า(CIF)กรณีสินค้านำเข้า มาเป็นการเก็บภาษีจากฐานราคาขายปลีกหมดทุกชนิดสินค้า จากนี้จะส่งให้กฤษฎีกาตรวจร่างกม.ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คาดบังคับใช้ได้ภายในปีงบประมาณ 2558

*หุ้นเด่นวันนี้

            - BBL(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 239 บาท วันนี้นักลงทุนสามารถสั่งซื้อหุ้น BBL บนกระดาน NVDR ได้ตามปกติ หลังบริษัท Thai NVDR ได้แจ้งยกเลิกการชะลอการลงทุนสำหรับหุ้น BBL ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา จึงมองว่าถึงแม้ประเด็นดังกล่าวยังไม่ส่งผลต่อการเพิ่มน้ำหนักหุ้น BBL ในดัชนี MSCI โดยทันที แต่มองจะส่งผลบวกในแง่ของสภาพคล่องที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ราคาหุ้น BBL ได้รับ Positive sentiment ในวันนี้ และมองว่าเป็นหุ้นธนาคารฯขนาดใหญ่ที่ Laggard ที่สุด

            - QH(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 4.90 บาท คาดกำไรปกติ 3Q14 เพิ่ม 5% Q-Q และ 17% Y-Y ตามทิศทางของรายได้โอน สำหรับ Presales 9M14 คิดเป็น 67% ของเป้าทั้งปี ซึ่งน่าจะทำได้ตามเป้าโดยเฉพาะการขายบ้านแนวราบซึ่เป็นตลาดที่มีความต้องการอาศัยอยู่จริง

            - M(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปี 2015 ที่ 74 บาท แนวโน้มกำไรใน 3Q14 ดีขึ้น คาดว่าจะเริ่มเห็นยอดขายของสาขาเดิมฟื้นเป็น -1% Y-Y จาก -5.7% Y-Y ใน 2Q14 เราคาดกำไรปกติ +3% Q-Q, +6% Y-Y และโดดเด่นต่อใน 4Q14 แต่ปรับลดกำไรปกติปี 2014-15 ลงปีละ 4.6% เพราะค่าเสื่อมของครัวกลางแห่งใหม่เพิ่มขึ้น แต่กำไรยังโต 7% Y-Y ในปีนี้และ 19% Y-Y ในปี 2015

            - ERW(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้าปี 2558 ที่ 6 บาท คาดผลประกอบการขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิใน 3Q57 ที่ 72 ล้านบาท ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 2 ที่ 133 ล้านบาท เป็นผลมากจากอัตราการเข้าพัก (% Occupancy rate)ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะโรงแรมประเภท Luxury Bangkok ฟื้นตัวโดดเด่นที่ 66% (เพิ่มจากไตรมาส 2 ที่ 50%) ส่งผลให้คาดรายได้ที่ 972 ล้านบาท(+11%QoQ, -12%YoY)โดยในไตรมาสนี้บริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายอาคารพาณิชย์ที่จังหวัดมุกดาหาร ประมาณ 8 ล้านบาท ล่าสุดรัฐบาลประกาศลดย่อนภาษีท่องเที่ยว 15,000 บาท ส่งผลบวกโดยตรงต่อบริษัทฯ

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยาน

                ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้น หลังจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด

            ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) เพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 137.72 จุด เมื่อเวลา 9.01 น.ตามเวลาโตเกียว

            ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,354.35 จุด เพิ่มขึ้น 215.39 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,303.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,311.88 จุด ลดลง 21.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,740.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,942.46 จุด เพิ่มขึ้น 10.81 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,230.03 จุด ลดลง 6.47 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,814.32 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด

            ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน โดยแคทเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง เปิดเผยรายได้ต่อหุ้น 1.72 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.36 ดอลลาร์

            นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย หลังจากยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18% สู่ระดับ 504,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : ภาคการผลิตยูโรโซนสดใส หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

                ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซนและเยอรมนี รวมทั้งผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทบางแห่งของยุโรป รวมถึงโนเกียและโลจิเทค

            ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.7% ปิดที่ 328.26 จุด

            ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,047.31 จุด พุ่งขึ้น 107.17 จุด หรือ +1.20% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,157.68 จุด เพิ่มขึ้น 52.59 จุด หรือ +1.28% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,419.15 จุด เพิ่มขึ้น 19.42 จุด หรือ +0.30%

            ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นขานรับรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะ 50.7 ในเดือนต.ค. จากระดับเดือนก.ย.ที่ 50.3 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะ 51.8 ในเดือนต.ค. จากระดับเดือนก.ย.ที่ 49.9 ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ได้

            นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ปิดตลาดในแดนบวกด้วย โดยหุ้นโลจิเทค อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 6.6% ขณะที่หุ้นโนเกีย พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสสามเพิ่มขึ้นแตะระดับ 9 เซนต์ยูโร จากไตรมาสสามปีที่แล้วที่ระดับ 6 เซนต์ยูโร และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6 เซนต์ยูโร

            หุ้น Novozymes พุ่งขึ้น 8.2% และหุ้น Pernod Ricard SA ปรับตัวขึ้น 2.2% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของทั้งสองบริษัท

            อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของบริษัทบางแห่งปรับตัวลงเนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอ โดยหุ้นเทสโก้ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 6.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรกลงมาอยู่ที่ระดับ 250 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ ราคาหุ้นของเทสโก้ยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า นายริชาร์ด บรอดเบนท์ ประธานบริษัทกำลังเตรียมตัวลาออก

            หุ้นมิเชลิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาสสามลดลง 4.6% แตะที่ 4.89 พันล้านยูโร ขณะที่หุ้นยูนิลีเวอร์ ร่วงลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาสสามเพิ่มขึ้นเพียง 2.1% ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 216.58 จุด ขานรับผลประกอบการเอกชน

                ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) หลังจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงแคทเทอร์พิลลาร์ ได้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของยูโรโซน

            ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,677.90 จุด พุ่งขึ้น 216.58 จุด หรือ +1.32% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,452.79 จุด เพิ่มขึ้น 69.94 จุด หรือ +1.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,950.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.71 จุด หรือ +1.23%

            ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตยูโรโซน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนเพิ่มขึ้นแตะ 50.7 ในเดือนต.ค. จากระดับเดือนก.ย.ที่ 50.3 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะ 51.8 ในเดือนต.ค. จากระดับเดือนก.ย.ที่ 49.9 ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจจะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ได้

            นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งระบุว่า ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.4 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

            ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน โดยหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง พุ่งขึ้น 4.97% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้น 1.72 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.36 ดอลลาร์

            หุ้น 3M พุ่งขึ้น 4.39% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้น 1.98 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.96 ดอลลาร์

            หุ้นอาลีบาบาปรับตัวขึ้น 3.1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 94.45 ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ที่อาลีบาบาออกหุ้น IPO เมื่อเดือนที่แล้วนั้น ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นไปแล้วถึง 39% และสามารถระดมทุนจากการออก IPO ได้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์

            หุ้น Amazon.com ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนต่อหุ้น 95 เซนต์ในไตรมาส 3 และรายได้ 2.058 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

            นักลงทุนจับตาดูยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย หลังจากยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.พุ่งขึ้น 18% สู่ระดับ 504,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.4%

                อินโฟเควสท์

 

 

 

 

 

 

 

'

 

 

 

 

 

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!