- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 11 October 2019 16:01
- Hits: 1776
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นดีดตัวขึ้นตามตลาดตปท.เล็งรับสัญญาณบวกเจรจาการค้า-ราคาน้ำมันรีบาวด์
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสดีดตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ดี หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีสัญญาณในเชิงบวก โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนมีกำหนดประชุมร่วมกันในวันนี้ ทำให้ตลาดคาดหวังในเชิงบวก และล่าสุด"ทรัมป์"ยืนยันว่าการเจรจาการค้ายังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ทำให้ตลาดฯมองว่าน่าจะมีข้อตกลงร่วมกันออกมาได้บ้าง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันทำการ ส่วนหนึ่งขานรับผลบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรํฐฯ และจีน อีกส่วนมาจากกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณพร้อมจะลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อเนื่องไปถึงปีหน้า
ส่วนบ้านเราวันนี้ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งจะหารือเรื่องมาตรการกระตุ้นด้านท่องเที่ยว และมาตรการ "ชิม ช้อป ใช้"เฟส 2
พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,605 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,625 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,496.67 จุด เพิ่มขึ้น 150.66 จุด (+0.57%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,938.13 จุด เพิ่มขึ้น 18.73 จุด (+0.64%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.78 จุด เพิ่มขึ้น 47.04 จุด (+0.60%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 197.95 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 278.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 19.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.89 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.69 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ต.ค.62) 1,607.50 จุด ลดลง 8.68 จุด (-0.54%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,218.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ต.ค.62) ปิดที่ 53.55 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ต.ค.) อยู่ที่ 6.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.38/44 คาดแกว่งแคบไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบ 30.35-30.50
- "แบงก์ชาติ"เตรียมงัดมาตรการดูแลค่าเงินบาท เพิ่มเติม เน้น"3 กลุ่ม"โดยเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายมากขึ้น จ่อไฟเขียวผู้ส่งออกพักเงินไว้ต่างประเทศได้ พร้อมเล็งดูแลการซื้อขายทองคำ ป้องค่าเงินผันผวนแรง ลุยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงต่อเนื่อง
- เวิลด์แบงก์ปรับจีดีพีไทยปี 62 เหลือ 2.7% เนื่องจากส่งออกติดลบ ส่วนปี 63 เหลือโต 2.9% หอการค้าเปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในรอบ 39 เดือน และต่ำสุดในรอบ 3 ปี
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้บาทแข็ง-เศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดนักท่องเที่ยวยุโรปวูบ 1.5% คาดทั้งปีอยู่ที่ 6.66 ล้านคน
- นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเตรียมการคณะอนุกรรมการอีอีซี ซึ่งมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นประธานได้เห็นชอบแผนการส่งมอบที่ดินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินสุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ดอนเมือง ระยะทาง 220 กม. เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะทำให้การลงนามสัญญากับภาคเอกชนผู้ชนะการประมูลกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (ซีพีเอช) ได้ทันตามกำหนด วันที่ 25 ต.ค. 62 ไม่มีการเลื่อนอย่างแน่นอน
- สงครามการค้า-ราคาพืชเกษตรร่วง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แตะ 72.2 ต่ำสุดรอบ39 เดือน คาดจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.6-2.8% คาดซบเซายาว ถึงปีหน้า ด้านเวิลด์แบงก์มองส่งออกไทยอาจติดลบ 5.3%
*หุ้นเด่นวันนี้
- PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10 บาท แนวโน้มกำไร H2/62 สดใส เพราะเป็น high season ได้ประโยชน์จาก IMO และเพิ่มกองเรืออีก 6 ลำ โดยใน Q3/62 รับเรือใหม่ 3 ลำและมีสัญญาแล้วจึงรับรู้รายได้ทันที และซื้อหุ้น Big Sea เพิ่มอีก 10% เป็น 80% ตั้งแต่ ส.ค. โดยคาดกำไร Q3/62 มีโอกาสทำ new high ในรอบ 2 ปีที่ 300-320 ลบ. +11% Q-Q, +45% Y-Y และคงประมาณการทั้งปี 1 พันลบ. +48% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE ปีนี้ 20 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 23 เท่า และ PEG ปีนี้ 0.4 เท่า
- DTAC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 68 บาท ราคาหุ้นที่ลดลงมากว่า 14% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนความกังวลต่อการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการ Q3/19 ยังเติบโตแข็งแกร่ง จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ Q3/62 ประมาณ 1.7 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 922 ล้านบาทใน Q3/61
- BEM (เคทีบี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 11.50 บาท ลุ้นเซ็นสัญญา"ไฮสปีดเทรน"โดย รมว.คมนาคมเผยกลุ่ม CP จะเซ็นสัญญา"ไฮสปีด มูลค่า 2.25 แสนลบ. 25 ต.ค.นี้ หลังชนะประมูลผ่านมาแล้ว 10 เดือน สาเหตุที่เซ็นล่าช้าเพราะมีปัญหาในการเวนคืนที่ดิน โดย BEM ถือหุ้นในโครงการนี้ 10% และอาจเป็นผู้บริหารการเดินรถไฟฟ้า
--อินโฟเควสท์