- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 26 September 2019 15:44
- Hits: 1730
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาด SET Index Sideway ในกรอบ หลังนายทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นต่อการเจรจากับจีนช่วงต้นเดือนหน้าจะมีความชัดเจนขึ้น หนุนให้เกิด Sentiment บวกใน ตปท. อย่างไรก็ดี จะถูกลดทอนด้วยปัจจัยในประเทศหลัง กนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%ต่อปี พร้อมปรับลดคาดการณ์ GDP ลง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่1,620-1,635 จุด
• Market Factor
• (+) การเจรจาการค้าได้รับ Sentiment เชิงบวกหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ สามารถตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาด อย่างไรก็ดีจับตาการเจรจาการค้าอีกครั้งในช่วงต้นเดือน ต.ค.
• (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 1.4%DoD และ 1.1%DoD ตามลำดับ หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้น 2.412 ล้านบาร์เรลสวนทางกับตลาดที่คาด -0.249 ล้านบาร์เรล
• (-) กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว 2.8% (จากเดิมคาด 3.3%) และคาดมูลค่าส่งออกปีนี้ติดลบ 1% จากผลกระทบการค้าโลกที่ชะลอตัว (เดลินิวส์)
• (-) กรมการค้าต่างประเทศ เผยการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วง ม.ค.-ส.ค.62 โตชะลอตัว จากผลกระทบปัญหาของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยืดเยื้อ โดยช่วง 8 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 915,517.39 ลบ. ขยายตัว 0.07% YoY โดยที่ส่วนการส่งออกมีมูลค่า 509,045.79 ลบ. ลดลง 1.65%YoY การ (อินโฟเควสท์)
• Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.02 บาท หรือลดลง 14.0%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 176.19 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 9,055.01 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 7,094.36 ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เราประเมิน SET Index ซึมลงต่อในกรอบ 1,610-1,640 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่จากต่างประเทศ และนักลงทุนกำลังติดตามการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีนในช่วงต้นเดือนต.ค. ขณะที่มุมมองในประเทศยังคงขาดปัจจัยบวกหลังธปท.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และปรับลด GDP ของไทยลง ดังนั้นในช่วงที่ตลาดย่อตัว เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้น 4 กลุ่มดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือนส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆเพิ่ม)
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก DOHOME, GLOBAL, DCC
25-Sep-19 Change (pts.) 24-Sep-19
SET Index 1,628.38 -2.12 1,630.50
SET50 Index 1,081.53 -3.03 1,084.56
SET100 Index 2,382.80 -4.78 2,387.58
High 1,630.56 Gainers 575
Low 1,621.63 Unchanged 573
Value (Bt m) 44,862.50 Losers 828
Volume (*000) 16,288,153
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.4 14.8 14.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -1.0
EV/EBITDA (x) 11.9 10.9 10.4
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.6
ROE 10.6 10.9 11.0
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 25-Sep-19 WTD MTD YTD
Institution 200.21 (294.93) (6,195.76) 26,222.88
Proprietary (829.43) (1,914.57) 1,960.65 9,369.28
Foreign (176.19) (2,701.73) (9,055.02) (2,626.07)
Individual 805.41 4,911.23 13,290.13 (32,966.09)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary