WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET36ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณบ่งขี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวขึ้นได้ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกัน ภายหลังจากที่รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งก่อน ได้บ่งชี้ให้เห็นว่าเฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ที่จะมีขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ด้วย
 
ทั้งนี้ เริ่มเห็นเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย เข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งคาดว่า Fund Flow ก็น่าจะไหลเข้าตลาดหุ้น พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
 
อนึ่ง รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟด ระบุว่า กรรมการเฟดบางส่วนได้เสนอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% เพื่อกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้ดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟด และยับยั้งผลกระทบจากข้อพิพาทการค้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก
 
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,202.73 จุด พุ่งขึ้น 240.29 จุด (+0.93%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,924.43 จุด เพิ่มขึ้น 23.92 จุด (+0.82%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,020.21 จุด เพิ่มขึ้น 71.65 จุด (+0.90%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.50 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 2.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.21 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.22 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.67 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 44.82 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ส.ค.62) 1,638.24 จุด เพิ่มขึ้น 12.67 จุด (+0.78%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 765.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ส.ค.62) ปิดที่ 55.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ส.ค.) อยู่ที่ 3.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.78/80 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดรอจับตาสัญญาณดอกเบี้ยจากประธานเฟดศุกร์นี้
- ไฮสปีด 3 สนามบิน ส่อสะดุด หลัง "ซีพี" วืดประมูลเมืองการบิน อู่ตะเภา มูลค่า 2.9 แสนล้านบาท เหตุไม่คุ้มค่าลงทุน การรถไฟฯลุ้นระทึก 16 ก.ย.ลงนาม ได้หรือไม่ ขณะที่กองทัพเรือเดินหน้า เปิดซอง 2 ภายในเดือนนี้ ด้าน "บีทีเอส" ลุ้นผ่านเกณฑ์ลุยซองราคา
- "พาณิชย์" เผยส่งออกก.ค.พลิกบวก 4.28% ชี้หัก "ทองคำ-น้ำมัน" ยังโต 1.55% ผลจากนโยบายรัฐเร่งผลักดันการส่งออก ขณะ "นำเข้า" ขยายตัว 1.6% โดยการนำเข้าสินค้าทุนโตถึง 11.9% "นักเศรษฐศาสตร์" เชื่อมีโอกาสผลักดันการลงทุนเอกชนฟื้นตาม
 
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561-กรกฎาคม 2562) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 2,129,025 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 2,586,355 ล้านบาท รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 322,978 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 484,550 ล้านบาท
 
- รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าขยายตัวต่ำกว่าคาด จากการกีดกันทางการค้าโลกที่ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้มีสัญญาณการส่งออกไทยในไตรมาส 3 หดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ ยิ่งส่งผลให้การบริโภคมีแนวโน้มชะลอลงมากกว่าที่ประเมินไว้จากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรและการจ้างงานที่ลดลงโดยเฉพาะการจ้างงานล่วงเวลา (โอที) ในภาคการผลิตเพื่อส่งออก จึงต้องติดตามตลาดแรงงานทั้งลูกจ้างที่เป็นสัญญาจ้างชั่วคราว รายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตร รวมทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนซึ่งมีผลต่อการบริโภคอีกด้วย
 
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในปีนี้ว่า มีมูลค่าประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.7% ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้านการท่องเที่ยวสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ ที่ ครม. เห็นชอบให้ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดนอกเขตภูมิลำเนาอายุ 18 ปีขึ้นไปมีสิทธิลงทะเบียนได้รับ 1,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และผู้ที่ได้สิทธิยังสามารถนำค่าใช้จ่ายจริงจากการเดินทางท่องเที่ยวมาขอคืนเงินได้อีก 15% ของค่าใช้จ่ายไม่เกินวงเงิน 30,000 บาท
 
*หุ้นเด่นวันนี้
-  EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 63 บาท โดดเด่นในทุกธุรกิจ 1) ธุรกิจโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และพลังงานลมคาดกำไรสุทธิทำ New high ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานกำลังการผลิตรวม 260MW ซึ่งเริ่ม COD ตั้งแต่ Q1/62 แต่จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสใน Q2/62 และ Q3/62, 2) ธุรกิจไบโอดีเซลได้อานิสงส์ภาครัฐส่งเสริมการใช้ B10 และ B20 จากเดิม B7 และ 3) ธุรกิจแบตเตอร์รี่ได้ Sentiment บวกหลังจากรมว.พลังงานคนใหม่ประกาศสส่งเสริมโครงการ Energy Storage อย่างจริงจัง
 
- BJC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 58 บาท เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำไรครึ่งปีแรก +23% Y-Y คิดเป็น 47% ของประมาณการทั้งปี แนวโน้มกำไร H2/62 สดใสต่อเพราะจะรับรู้รายได้จากลูกค้าธุรกิจกระป๋องรายใหม่อีก 1 ราย ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลงโดยเฉพาะราคาเยื่อกระดาษ และยังเป็นช่วงนับ stock ของ BigC ซึ่งมักมีการกลับรายการสต็อก ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น หุ้นกู้ที่ครบกำหนดเดือนหน้า 2.2 หมื่นล้านบาท จะถูกชำระคืนและ refinance ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง BJC แจ้งจ่ายปันผล 0.18 บ/หุ้น XD 28 ส.ค.
 
--อินโฟเควสท์ 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!