WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้แกว่งไซต์เวย์-อิงขาลง เจอแรงกดดันจาก ตปท.เป็นหลัก

      นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซต์เวย์ อิงไปทางขาลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยนิกเคอิเช้านี้ได้ปรับตัวลง เช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงไป 100 กว่าจุดเมื่อคืนที่ผ่านมา และตลาดฮ่องกงเปิดมาก็คงจะปรับตัวลงอีก เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย เพราะขณะนี้ก็ถือว่าได้หมดช่วงดอกเบี้ยขาลงแล้ว รอเพียงแต่ว่าเมื่อไรดอกเบี้ยจะขึ้นเท่านั้น  ส่วนเหตุการณ์การประท้วงในฮ่องกงก็ยังต้องติดตามดู หากมีความยืดเยื้อก็จะส่งผลกระทบต่อ Fund Flow ได้

       นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติได้หันกลับมาขายสุทธิเมื่อวานนี้อีก ดังนั้นขณะนี้จึงไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา รอเพียงการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของภาครัฐฯ

       พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,595-1,600 จุด

       ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(29 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,071.22 จุด ลดลง 41.93 จุด (-0.25%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,505.85 จุด ลดลง 6.34 จุด (-0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,977.80 จุด ลดลง 5.05 จุด(-0.25%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 57.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 91.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 6.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 17.10 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.78 จุด

       - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(29 ก.ย.)1,585.79 จุด ลดลง 14.37 จุด(-0.90%)

      - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,739.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ก.ย.57

     - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(29 ก.ย.)ที่ 94.57 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์

      - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(29 ก.ย.)ที่ 6.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

     - เงินบาทเปิด 32.39/40 แนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องจากแรงขายทำกำไร

     - "สมหมาย" เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แพคเกจใหญ่จากหลายหน่วยงาน เน้นสร้างงาน-ลงทุน ระบุใช้เงินไม่ถึง 2 แสนล้านบาท ยันไม่ใช่โครงการประชานิยม ขณะขึ้นเงินเดือนราชการ ส่อเลื่อนไปเม.ย.ปีหน้า กระทรวงการคลังเตรียมหางบประมาณสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาในวันที่ 1 ต.ค.นี้

     - คลังเตรียมปรับเป้าจีดีพีปีนี้ คาดค่ำกว่า 2% หลังตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ร่วงหนัก 7.40% ติดลบมากสุดรอบ 32 เดือน รวม 8 เดือนติดลบ 1.36% ส่งออกทองคำลดลง มากสุด 92.9% เหตุราคาตลาดโลกร่วง ขณะนักวิเคราะห์ผิดหวังตัวเลข เตรียมปรับประมาณการใหม่

    - ลุ้นระทึก "กบง." เตรียมพิจารณาแนวทางปรับโครงสร้างราคาพลังงานภาคขนส่งขึ้นทั้ง LPG-NGV วันนี้ (30 ก.ย.) โดย LPG ทยอยขึ้นให้เท่าภาคครัวเรือน และ NGV จ่อขึ้น 1 บาท ต่อ กก. พร้อมหามาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบ ด้านแท็กซี่รับหาก NGV ขึ้นโดยไม่มีมาตรการช่วยต้องนำไปบวกกับการขึ้นค่าโดยสาร รถบรรทุกจ่อขึ้นค่าขนส่ง ขณะที่ภาคการผลิตรับต้นทุนขึ้นก็ต้อง บวกราคาสินค้าบางส่วน ด้านนายกสมาคมท่องเที่ยวอัด กฟผ.คุกคามคนกระบี่

     - นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เผยภายในปี 2557 จะจัดตั้งกระดานซื้อขายหุ้นของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วประเทศที่มีมากถึง 3 ล้านราย มูลค่ากิจการรวมถึงประมาณ 30%ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) เข้าถึงแหล่งเงินในตลาดทุนเพื่อใช้ขยายกิจการ

     - บอร์ดกนง.เผยการด้อยลงคุณภาพสินเชื่อรถยนต์-สินเชื่อส่วนบุคคลอื่นฉุดความสามารถการชำระหนี้ภาคครัวเรือนไทย หวังแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะช่วยให้รายได้ภาคครัวเรือนดีขึ้นและดันยอดขายธุรกิจเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ยุคดอกเบี้ยต่ำการเก็งกำไรตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่น่ากังวล

*หุ้นเด่นวันนี้

      - CGD(โกลเบล็ก)"ซื้อเก็งกำไร"วันนี้เป็นวันแรกที่ย้ายมาเทรดใน SET ปัจจุบันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Element ศรีนครินทร์ มูลค่า 2,700 ล้านบาทอยู่ระหว่างการทยอยโอนเฟสแรก ส่วนเฟสสองจะเริ่มโอนปลายปีนี้ เพส3-4จะก่อสร้างเสร็จและโอนกลางปีหน้า ปลายปีบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่Landmark Waterfront ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรจีนมูลค่า 2.9 หมื่นล้านบาทซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียมและโรงแรม นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจัดตั้งกอง REIT มูลค่าประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท โดยจะนำโครงการศูนย์ข้อมูล Anchorage Point Data Center เมือง Docklands กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โอนขายเข้าเป็นสินทรัพย์ในกองทุน ซึ่งหากทำสำเร็จภายในปีนี้จะช่วยพลิกผลประกอบการจากขาดทุน 17 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกปี 57 เป็นกำไร

   - HMPRO(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 12.90 บาท คาดกำไรเติบโตต่อเนื่อง 13% YoY เป็น 815 ล้านบาทใน 3Q57 โดยคาดว่า SSSG ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีที่ประมาณ 5% ประกอบกับมีการขยายสาขา Home Pro และ Mega Home รวม 13 สาขา YoY กำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดของปีใน 4Q57 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นและเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน มีมุมมองบวกต่อ HMPRO ซึ่งมีการเติบโตมั่นคงในระยะยาวจากขยายสาขา และ SSSG เพิ่มขึ้นจากความต้องการสินค้าปรับปรุงซ่อมแซมบ้านที่มีสม่ำเสมอ

    - SAMART(ธนชาติ)"ซื้อ"เป้า 36.50 บาท ผลการดำเนินงานเติบโตแกร่ง 18.1-23.8% ในปี 2014-15, แม้ PE จะสูงขึ้นเป็น 14.6x ปีหน้า แต่ยังต่ำกว่า ADVANC DTAC, ธุรกิจวางระบบผ่าน SAMTEL มีแนวโน้มกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2015 หลังสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น, SAMART มีแผนขยายไปยังธุรกิจพลังงาน ผ่านบริษัท TEDA มากขึ้น (ถือหุ้นอยู่ 80%) โดยคาดการณ์รายได้ของ TEDA จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของรายได้ SAMART จาก 2% ในปี 2013 และการนำบริษัทลูกเข้า Listed ใน SET เพิ่มขึ้นจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับ SAMART โดยหลังจากนำ OTO เข้า Listed ในตลาดในปี 2014 บริษัทมีแผนที่จะนำ SAMART U-Trans เข้า Listed ในตลาดในปี 2015

     - SVI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 5.90 บาท น่าสนใจที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังซ่อมและปรับปรุงโรงงาน SVI-2 ที่เสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและจะสามารถหันไปผลิตชิ้นส่วนกลุ่มยานยนต์ที่มี margin ดีขึ้นได้ อีกทั้งกำลังอยู่ระหว่างดีล M&A กับกิจการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ซึ่งจะหนุนการเติบโตแบบ inorganic growth คาดว่าผลประกอบการ 3Q57-4Q57  จะเติบโตต่อเนื่อง ผลจากปัจฤดูกาลและคำสั่งซื้อที่คงค้างมาจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า

   - SPALI(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32.20 บาทปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งจากความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดในกลุ่ม(ราว 40%) ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทที่ระดับ A แนวโน้ม"คงที่"สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยได้ประมาณการกำไรปี 57 ราว 4,235 ล้านบาทซึ่งเติบโต 47%YoY กำไรครึ่งแรกปี 57 เท่ากับ 1,271 ล้านบาทที่เติบโต 64%  สำหรับปี 58 คาดการณ์กำไรราว 4.7 พันล้านบาทซึ่งเติบโตราว 11%YoY

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ เหตุวิตกสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกง

    ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การประท้วงในฮ่องกง

     ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.6% เมื่อเวลา 10.01 น.ตามเวลาโตเกียว

     ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 16,252.72 จุด ลดลง 57.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,361.32 จุด เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,137.26 จุด ลดลง 91.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,954.58 จุด ลดลง 6.18 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,023.18 จุด ลดลง 3.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,272.62 จุด ลดลง 17.10 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,844.56 จุด ลดลง 1.78 จุด

     ทั้งนี้ ประชาชนหลายหมื่นคนยังคงเดินขบวนประท้วงตามบริเวณใกล้เคียงสถานที่ราชการ ย่านคอสเวย์ เบย์ และมงก๊ก ขณะที่แกนนำกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องให้นายเหลียง ชุน-หยิง ผู้ว่าการเขตปกครองปกครองพิเศษฮ่องกง ก้าวลงจากตำแหน่ง และเปิดโอกาสให้ชาวฮ่องกงสามารถเลือกตั้งผู้ว่าได้เองภายในวันที่ 1 ต.ค.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 2.79 จุด นำโดยหุ้นเอชเอสบีซี

    ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยมีแรงถ่วงจากการร่วงลงของหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์และหุ้นกลุ่มเหมือง แต่การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยให้ตลาดติดลบไม่มากนัก

    ดัชนี FTSE 100 ลดลง 2.79 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 6,646.60 จุด

   หุ้นเอชเอสบีซีร่วงลง 2.3% หลังจากที่ธนาคารได้ปิดสาขาบางแห่งในฮ่องกง ท่ามกลางการปะทะกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ประท้วง โดยเอชเอสบีซีมีกำไรกว่า 60% จากภูมิภาคเอเชียในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

    ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงได้ประกาศเดินหน้าการประท้วงต่อไปจนกว่านายเหลียง ชุน-หยิง ผู้ว่าการเขตปกครองฮ่องกง จะลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ผู้ชุมนุมหลายพันคนยังคงประท้วงรอบอาคารที่ทำการของรัฐบาล

    หุ้นริโอ ทินโตร่วง 1.3% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตันอ่อนแรง 0.7% ส่วนหุ้นบีพีปรับขึ้น 1% หลังจากร่วงลง 5 วันติดต่อกัน

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดลบ หวั่นเหตุประท้วงฮ่องกงกระทบภาคธนาคาร

   ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมถึงหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ หลังจากมีรายงานว่าเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในฮ่องกงส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในฮ่องกงต้องปิดดำเนินงานที่สาขาต่างๆ

   ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 340.99 จุด

    ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,358.07 จุด ลดลง 36.68 จุด หรือ -0.83% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,422.91 จุด ลดลง 67.64 จุด หรือ -0.71% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,646.60 จุด ลดลง 2.79 จุด หรือ -0.04%

   นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากมีรายงานว่า ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์, เอชเอสบีซี โฮลดิงส์, แบงก์ ออฟ อีสต์ เอเชีย, แบงก์ ออฟ ไชน่า ฮ่องกง และ ไชน่า ซิติค อินเตอร์เนชันแนล ต่างก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง และธนาคารเหล่านี้ได้ปิดสาขาในบางพื้นที่ ซึ่งรวมถึงในตอนกลางของฮ่องกง และคอสเวย์ เบย์

   ทั้งนี้ หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ร่วงลง 19% ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 1.6% หุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ร่วงลง 4.2%

   หุ้น Balfour Beatty ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ของอังกฤา ร่วงลง 15% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

    นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ และผู้บริโภคของยูโรโซน ปรับตัวลงแตะ 99.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 100.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 เดือน และสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้

     ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีจะร่วมประชุมเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับแผนการซื้อสินทรัพย์ที่จะช่วยส่งเสริมสินเชื่อระยะยาว และการลดดอกเบี้ยลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 41.93 จุด เหตุวิตกการประท้วงในฮ่องกง

   ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของยอดการทำสัญญาขายบ้านในสหรัฐ

    ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,071.22 จุด ลดลง 41.93 จุด หรือ -0.25% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,505.85 จุด ลดลง 6.34 จุด หรือ -0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,977.80 จุด ลดลง 5.05 จุด หรือ -0.25%

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งใช้ชื่อว่า "Occupy Central with Peace and Love" นั้น มีเป้าหมายที่จะทำให้ศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกงตกอยู่ในภาวะชะงักงัน เพื่อตอบโต้แผนการของจีนที่ต้องควบคุมการเสนอชื่อบุคคลที่ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

    นอกจากนี้ เหตุการณ์ประท้วงดังกล่าวยังทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายแบรนด์หรูอย่าง Prada, Louis Vuitton และ Patek Philippe เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของจีน หรือ Golden Week ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่กว่าหลายแสนคนมักจะเดินทางไปยังเกาะฮ่องกง โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดบนเกาะฮ่องกง

     ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจาก สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค.ปรับตัวลง 1% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 104.7 โดยปรับตัวย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 0.5% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐยังไม่มีความต่อเนือง

     นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้  ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย.ในวันพุธ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ซึงจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์

    หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 7.5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ อันเนื่องมาจากยอดขายที่ซบเซาลงในอเมริกาใต้และยุโรป

    หุ้นดรีมเวิร์คทะยานขึ้น 26.03% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทซอฟท์แบงก์ของญี่ปุ่นกำลังเจรจาเข้าซื้อดรีมเวิร์ค แอนนิเมชัน เอสเคจี มูลค่าราว 3.4 พันล้านดอลลาร์

                        อินโฟเควสท์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!