- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 30 July 2019 10:22
- Hits: 3943
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อิงบวกเล็กน้อยในช่วงรอผลประชุมเฟด-เจรจาการค้า, เล็งแรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้น 3 วันซ้อน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงแดนบวกได้เล็กน้อย ในช่วงรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ และรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนด้วย แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ 3 วันติดต่อกันน่าจะช่วยหนุนตลาดฯให้บวกได้บ้าง แต่ในกรอบจำกัด เพราะต้องรอดูปัจจัยดังกล่าว
นอกจากนี้ให้ติดตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้ขายอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่า Fund Flow อาจจะเริ่มล็อคกำไร และสำหรับหุ้น ROBINS ที่จะมีการทำเทนเดอร์ฯ พร้อมถอนออกจากตลาดฯ น่าจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาได้แถว 66.5 บาท ซึ่งก็น่าจะขึ้นได้ราว 10% ซึ่งมีผลต่อ SET ราว 0.6 จุด
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก พร้อมให้แนรับ 1,714-1,715 ถัดไป 1,700-1,705 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,221.35 จุด เพิ่มขึ้น 28.90 จุด(+0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,020.97 จุด ลดลง 4.89 จุด (-0.16%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,293.33 จุด ลดลง 36.88 จุด (-0.44%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 65.02 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.25 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 46.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.25 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.82 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 11.92 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 18.53 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ค.62) 1,717.97 จุด ลดลง 12.93 จุด (-0.75%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,272.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ก.ค.62) ปิดที่ 56.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ก.ค.62) ที่ 6.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.85 มองกรอบวันนี้ 30.80-30.90 ติดตามการประชุมเฟดสัปดาห์นี้
- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศรับลูก "จุรินทร์" นัดหารือภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เตรียมการฝ่ายไทยฟื้นการเจรจา FTA ไทยสหภาพยุโรป (อียู) เผยได้ศึกษานโยบายและมาตรการทางการค้าของอียู และศึกษา FTA ที่อียูทำกับประเทศต่างๆ ไว้ตลอด พร้อมที่จะกลับขึ้นโต๊ะเจรจา มั่นใจจะสร้างโอกาสทางการค้า ดึงดูดการลงทุนให้ไทยได้เพิ่มขึ้น
- คลังเตรียมคลอดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรช่วยภัยแล้ง คาดเข้า ครม. 30 ก.ค.นี้
- นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดจะเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2562 โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่เดินทางเยือนภายหลังการเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การเดินทางในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
- กนอ.บี้กัลฟ์-PTT เร่งสรุปส่วนแบ่งรายได้จากการขายให้รัฐภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมเตรียมดันร่างสัญญาร่วมลงทุนมาบตาพุดเฟส 3 เสนอ กพอ.ภายใน ส.ค.นี้ หลังนำความคิดเห็นทุกฝ่ายมาปรับปรุงแล้วก่อนเสนอ ครม.เห็นชอบ หวังลงนามเรียบร้อยภายใน ก.ย.นี้
- รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ได้ศึกษาสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในประเทศไทย พบว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของไทยมีอัตราเพิ่มขึ้น แม้แนวโน้มคนจนของประเทศจะมีสัดส่วนลดลงจากปี 58 อยู่ที่ 8.61% มาเหลือที่ 7.87% แต่กลับพบปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ หรือค่าสัมประสิทธิ์จีนี่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เห็นได้จากในปี 60 ค่าความเหลื่อมล้ำมีค่าเท่ากับ 45.3% เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่มีค่าอยู่ที่ 44.5
*หุ้นเด่นวันนี้
- TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 21.4 บาท ทยอยสะสมคาดผลกำไร Q2/62 เติบโตโดดเด่นจากต้นทุนทูน่าที่ลดลงราว 38%yoy ส่งผลให้ GPM รวมของ TU น่าจะสูงขึ้นจาก 13.8% ใน Q1/62 ไปเป็น 16% ซึ่งผลบวกดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเนื่องไปจนถึง Q3/62
- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.20 บาท ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลที่ชัดเจนเพราะลูกค้าของ LIT เกี่ยวเนื่องกับภาครัฐและงบประมาณภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ต่ำเป็นบวกต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท ด้านกำไร Q1/62 คิดเป็น 21% ของประมาณการทั้งปีที่คาดโต 5% เป็น 156 ลบ. จึงคาดสินเชื่อจะเริ่มฟื้นใน Q2/62 และเร่งตัวในครึ่งปีหลัง แม้การฟื้นตัวของกำไรจะต่ำกว่าในอดีตแต่ราคาหุ้นก็ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น
- AOT (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 83 บาท ราคาหุ้นในระยะสั้นของ AOT อาจจะมีปัจจัยลบกดดันเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัว จากจำนวนผู้โดยสารที่มีโอกาสที่ต่ำกว่าตลาดประเมินไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวแล้วยังเชื่อว่าบริษัทยังได้รับอานิสงส์ที่ดีจากการรับรู้รายได้ของสัมปทานดิวตี้ฟรี และจะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป
--อินโฟเควสท์