WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET45ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวต่อเนื่องตามภูมิภาค ขานรับปธ.เฟดนิวยอร์กส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเชิงรุก
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า ขานรับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาอ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯ ก็อ่อนตัวลงด้วย โดยจากเดิมตลาดฯคาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตอนนี้ก็ให้น้ำหนักเพิ่มต่อโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.5%
 
อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราอาจเผชิญแรงถ่วงจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือน และการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในประเทศยังมีต่อเนื่อง
 
พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในวันนี้ โดยให้แนวรับ 1,720-1,715 จุด ส่วนแนวต้าน 1,730-1,735 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,222.97 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด (+0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,995.11 จุด เพิ่มขึ้น 10.69 จุด (+0.36%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,207.24 จุด เพิ่มขึ้น 22.04 จุด (+0.27%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 100.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 8.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 123.49 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 62.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.66 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.62 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ค.62) 1,723.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.59 จุด (+0.27%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,405.67 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2562
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ค.62) ปิดที่ 55.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย.ปีนี้
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ค.62) ที่ 7.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.80 กลับมาแข็งค่าจากวานนี้ หลังมีแรงขายดอลล์จากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
- "สมคิด" ลั่นรัฐบาลไม่แทรกแซงแบงก์ชาติ ค้านแนวคิดลดดอกเบี้ยนโยบายดูแลบาท ขณะที่ส.อ.ท.เข้าหารือวันนี้ ค้านขึ้นค่าแรง 400 บาท ชี้กระทบเอสเอ็มอี ต้นทุนค่าแรงพุ่ง 20% ดันค่าครองชีพ แต่แรงงานต่างด้าวได้ประโยชน์ 3.2 ล้านคน "อุตตม"เร่งสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ "จุรินทร์" เดินหน้าประกันรายได้เกษตรกร แก้ปัญหาค่าครองชีพ
 
- "แบงก์ชาติ" เกาะติดลิบรา ห่วงประเด็นการพิสูจน์ตัวตนและแนวทางป้องกันการฟอกเงิน แต่ยังเชื่อแม้เปิดให้บริการจริง ไม่กระทบเงินบาทมากนัก เหตุประชาชนให้ความเชื่อมั่น อีกทั้งยังมีระบบการชำระเงินที่ดี มั่นใจทดแทนยาก เดินหน้าจัดงานฟินเทคแฟร์ปีที่สอง มุ่งสนับสนุนความร่วมมือให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ
 
- ก.ล.ต. เตรียมปรับกฎเกณฑ์การกำหนดค่าธรรมเนียมรายปี จากโบรกเกอร์และบลจ. หวังช่วยผลักดัน เสริมสร้างให้ตลาดทุนเป็นแหล่ง เพิ่มความมั่งคั่งของผู้ลงทุน และแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
- ตลท.มั่นใจมาตรการปรามเก็งกำไรค่าเงินบาทไม่กระทบการลงทุน เร่งรัฐบาลใหม่เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดความต่อเนื่อง
- ส.อ.ท.ห่วงบาทแข็ง-เศรษฐกิจวูบ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิ่ง จี้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้น ด้านยอดขายรถในประเทศเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 8.6 หมื่นคัน ลดลงเป็นเดือนแรกในรอบ 30 เดือน
 
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย.62 อยู่ที่ระดับ 94.5 ปรับตัวลดลงจาก 95.9 ในเดือน พ.ค.62 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท คาดกำไร Q2/62 +65% Y-Y เป็น 81 ล้านบาท จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ Transimex (ถือ 23.66%) โลจิสติกส์ใหญ่อันดับ 3 ในเวียดนาม เป็นไตรมาสแรก แต่คาดกำไร -10% Q-Q เพราะ low season และมีค่าธรรมเนียมในการซื้อกิจการ หากเป็นไปตามคาด กำไร H1/62 จะ +88% Y-Y แนวโน้ม H2/62 ดีขึ้นเพราะ high season และรับรู้รายได้จากการลงทุนในปีก่อนทั้งในไต้หวัน กัมพูชา และเวียดนาม และไม่ถูกกระทบจากสงครามการค้า เพราะอยู่ในธุรกิจ Food ธุรกิจห้องเย็นซึ่งยังเติบโตดี ส่วนนิคมที่พนมเปญได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการผลิตของจีน โดยคาดกำไรปีนี้ +53% ทำนิวไฮ 370 ล้านบาท
 
- THANI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 7.7 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/62 ยังโตต่อเนื่อง จากยอดสินเชื่อที่ยังขยายตัว อีกทั้งยังมีโอกาสกลับรายการสำรองเข้ามาเป็นกำไรเพิ่มเติม เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทตั้งสำรองไว้เกินกว่าที่เกณฑ์ของแบงก์ชาติกำหนดไว้ ขณะที่ปีหน้าคาดต้นทุนดอกเบี้ยลดลง เพราะมีหุ้นกู้ครบกำหนดรวมกว่า 14,000 ล้านบาท จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
 
- BBL (คิงส์ฟอร์ด)"ซื้อ"เป้า 220 บาท จากสินเชื่อที่ยังหดตัว -3.2%YTD ทำให้คาดว่า BBL มีโอกาสพลาดเป้าสินเชื่อปีนี้ที่ 4-6% ประกอบกับ non-interest income ที่ชะลอตัวลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบเพิ่มขึ้น จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลง -8% จาก 3.78 หมื่นล้านบาท เหลือ 3.48 หมื่นล้านบาท -1.6%YoY แต่ยังมี upside 14% ทั้งนี้ BBL รายงานกำไรสุทธิ Q2/62 ที่ 9.35 พันล้านบาท +1.7%YoY, +3.5%QoQ ต่ำกว่าที่คาดราว 4% แต่ยังทรงตัวได้จาก provision ที่ลดลงราว 1 พันล้านบาท -15%YoY ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน 1.71 หมื่นล้านบาท ลดลง -4.5%YoY จากทั้ง net interest income และ non-interest income ที่ยังชะลอตัว โดยสินเชื่อยังหดตัว -0.6%QoQ, -3.2%YTD ชะลอตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขยายตัวได้+3.1%YTD โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ 1.76 หมื่นล้านบาท +0.4%YoY, -3.6%QoQ NIM อ่อนตัวลงจาก 2.35% เหลือ 2.27% เนื่องจาก yield ลดขณะที่ cost of fund เพิ่มขึ้น
 
--อินโฟเควสท์
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!