- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 18 April 2019 10:53
- Hits: 2183
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นแต่อาจไปได้ไม่ไกลหลังวานนี้ New High ของปี-วอลุ่มเทรดหนุน-ปัจจัยนอกปท.เอื้อ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อได้แต่คงไปได้ไม่ไกล เนื่องจากเมื่อวานนี้ดัชนีฯได้ปิดทำ New High ของปีนี้ โดยดัชนีฯ High เดิมอยู่ที่ 1,674 จุด เมื่อวันที่ 25 ก.พ.62 อีกทั้งวอลุ่มเทรดก็เข้ามาหนุนด้วย
ขณะที่ตลาดมีความมั่นใจการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมากขึ้นว่าจะออกมาในทางบวกในระยะอันใกล้ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาดีกว่าคาด ทำให้คลายกังวลเศรษฐกิจและหันเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการกลุ่มแบงก์ คาดว่าจะเริ่มจาก TISCO, TMB, SCB ซึ่งประเมินไตรมาส 1/62 กำไรจะลดลง 5% yoy ถือว่ายังไม่ดีนัก แต่เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
และต้องรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว เช่น การเตรียมต่ออายุฟรีวีซ่า เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภคได้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยช่วงนี้แต่ละตลาดต่างก็รอดูการทยอยประกาศผลประกอบการภาคธุรกิจ พร้อมให้แนวรับ 1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,680 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,449.54 จุด ลดลง 3.12 จุด (-0.01%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,900.45 จุด ลดลง 6.61 จุด (-0.23%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,996.08 จุด ลดลง 4.15 จุด (-0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 3.84 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.05 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 36.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 40.98 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.91 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.72 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.23 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 เม.ย.62) 1,673.20 จุด เพิ่มขึ้น 12.75 จุด (+0.77%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 229.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 เม.ย.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 เม.ย.62) ปิดที่ 63.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 เม.ย.62) ที่ 4.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.79/83 คาคเคลื่อนไหวไม่มาก ตลาดยังเปิดไม่เต็มที่หลังหยุดยาว มองกรอบ 31.75-31.85
- "แบงก์" เผยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตส่งสัญญาณชะลอ ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย ห่วงจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ล่าช้า ทำให้บรรยากาศในประเทศอึมครึม "แบงก์กรุงเทพ" ชี้ไตรมาสแรกยอดใช้บัตรเครดิตต่ำเป้า เตรียมปรับเป้าทั้งปีใหม่ ส่วน "กรุงศรี-ไทยพาณิชย์" มั่นใจทำได้ตามเป้าหมาย
- "ฐากร" พบค่ายมือถือ-ทีวีดิจิทัล แจงรายละเอียดหลัง ม.44 ชุบชีวิต ระบุเอกชนต้องส่งหนังสือแสดงความจำนงขอรับสิทธิภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้เผยหลักเกณฑ์ใหม่ 5 จี จะไม่ใช้วิธี "ประมูล" แต่เป็น "จัดสรรคลื่น" ใบอนุญาตคลื่น 700 ใบละ 15 เมก 3 ใบ คิดราคาใบละ 25,000-27,000 ล้าน ด้าน 3 ค่ายมือถือขอพิจารณาอีกครั้ง
- "กกพ." ร่วม "มหาดไทย" อนุมัติ จัดตั้งโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแล้ว 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้ง 83 เมกะวัตต์เสนอขายไฟ 68.90 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 13,101 ล้านบาท
- ครม.อนุมัติให้ ทอท.ลงทุนรันเวย์ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยงบลงทุน 2.17 หมื่นล้านบาท จากเดิม 2.24 ล้านบาท คาด EHIA ผ่าน เริ่มประมูล และก่อสร้างได้ภายใน ปี 62 คาดจะแล้วเสร็จสามารถใช้งานได้ปี 65 หวังเพิ่มขีดรองรับ 94 เที่ยวบิน/ชม. เพื่อแก้ปัญหาช่วงปิดซ่อมรันเวย์ ขณะที่ ทอท.พร้อมลงทุนตั้งเป้าอนาคต 10 ปีข้างหน้า มีกำไรเฉลี่ยปีละ 3.2 หมื่นล้านบาท
- "พาณิชย์" เผยถกเอฟทีเอไทย-ตุรกี รอบ 5 คืบหน้า ไทยยื่นรายการให้เปิดตลาดเพิ่ม เน้นผัก ผลไม้ เกษตรแปรรูป พลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางสังเคราะห์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศ เตรียมนัดหารืออีกครั้ง ส.ค.นี้ ยันการทำเอฟทีเอช่วยดันการค้าสองฝ่ายเพิ่มเป็น 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐปี 63 ได้แน่
- สคร.เดินหน้าขายหุ้นบริษัทเอกชน 18 แห่งที่กระทรวงการคลังถืออยู่ หลังผลตอบแทนไม่มากเมื่อเทียบกับภาระที่ต้องจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล เผยนักลงทุนเสนอราคาซื้อแล้ว 10 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นเดิม ตั้งเป้า พ.ค.เสนอ ครม.อนุมัติขาย
*หุ้นเด่นวันนี้
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 21 บาท คาดกำไรปีนี้โตเด่นสุดในกลุ่ม +14% เป็น 1,240 ลบ. จากโควต้าผู้ประกันตนที่ได้เพิ่ม การบันทึกบัญชีส่วนค่าภาระเสี่ยงที่กลับสู่ระดับปกติ และกลุ่มเงินสดได้แรงหนุนหลักจาก WMC ที่โตแรง (ศูนย์เบาหวานที่เท้าได้รับความนิยมมากและจะเปิดศูนย์ IVF ใน H2/62) ด้านมาร์จิ้นไม่ถูกกดดันจากการลงทุนในรพ.ใหม่เพราะจะทยอยเปิดบริการในช่วงปี 2563-2564 ขณะที่ประเด็นคุมค่ายาเริ่มเงียบไปและเชื่อว่าทำได้
- AOT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า Consensus 74 บาท วานนี้ ครม.อนุมัติโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ในสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท และ มีข่าวเชิงบวกจากการเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรี 4 สนามบิน
- JMT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 15.7 บาท คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในปีนี้จะยังพุ่งทำ All time high ได้ในทุกไตรมาสจากรายได้ของการเรียกเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีพอร์ตหนี้ในการบริหารทั้งหมด 1.4 แสนล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 12 ปี
- BJC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 62 บาท ราคาไม่แพง เทรด PE 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อยหลัง 5 ปี และคาดกำไรปีนี้จะโต +9.8% yoy อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท จาก SSSG ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% และมีขยายสาขาต่อเนื่อง คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย จำนวน 7 สาขา ตลาดต่างประเทศซึ่งจะจับตลาด CLMV ที่มีการเติบโตสูงคือ กัมพูชา 1 สาขาและขยาย มินิ บิ๊กซี 200 สาขา รวมถึงมีการเปิด Big C Food Place 1 แห่ง สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโตในปีนี้จะมาจาก 1) คาด Big C มี SSSG เป็นบวกต่อเนื่องราว 1% - 2% จากปี 61 ที่ +1% Y-Y และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดสาขาแรกในกัมพูชาภายในปีนี้ รวมถึงคาดเห็นสาขารูปแบบใหม่ Big C Food Place มากขึ้น 2) ด้วยต้นทุนเศษแก้วที่ลดลง น่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรของธุรกิจแก้วเพิ่มขึ้น
--อินโฟเควสท์