นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากช่วงสั้นไม่มีปัจจัยลบเข้ามา ขณะเดียวกันตลาดบ้านเราก็น่าจะได้รับผลดีจากนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อเมื่อวานนี้พันกว่าล้านบาท ซึ่งคงจะเป็นการตอบรับที่ MSCI จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในเดือนพ.ค.นี้

 

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องด้วย ซึ่งทำ New High ทั้ง WTI และ Brent น่าจะเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี อีกทั้งผลประกอบการของทั้งสองกลุ่มน่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/62 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/61 ที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน และทั้งสองกลุ่มนี้ก็น่าจะเป็นเป้าหมายการซื้อของนักลงทุนต่างชาติและกองทุนด้วย

 

สำหรับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 1/62 น่าจะมีกำไรฟื้นตัวจากไตรมาส 4/61 ซึ่งน่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาด้วย รวมทั้งเช้านี้เงินบาทก็แข็งค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนต่อไป

 

พร้อมให้แนวรับ 1,647 จุด ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,655 จุด ซึ่งเป็นแนวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันหากผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,660 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,179.13 จุด ลดลง 79.29 จุด (-0.30%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,867.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด (+0.00%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,848.69 จุด เพิ่มขึ้น 19.78 จุด (+0.25%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 58.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.67 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 160.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 34.87 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.37 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 19.48 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.44 จุด,

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 เม.ย.62) 1,651.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.84 จุด (+0.42%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,246.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 เม.ย.62

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 เม.ย.62) ปิดที่ 62.58 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.6%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 เม.ย.62) ที่ 4.69 ดอลลาร์/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.75 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.70-31.80 นลท.ยังรอความชัดเจน Brexit-ตัวเลขศก.สหรัฐฯ

- พาณิชย์ฯเรียกทูตพาณิชย์ทั่วโลกพ.ค.นี้ ประเมินสถานการณ์ส่งออก ก่อนปรับเป้าโตต่ำกว่า 8% หลังเผชิญปัจจัยลบรุม ทั้งเบร็กซิท สงครามการค้า ยืดเยื้อ ฉุดเศรษฐกิจโลกชะงัก ด้าน สรท.ชิงหั่นเป้าปีนี้โต 3% คาดเดือนมี.ค.ติดลบหนัก 4-5% ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประกาศลดเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโตแค่ 3.7% มองเลวร้ายตั้งรัฐบาลไม่ได้เศรษฐกิจทรุด

 

- "สมคิด"ระบุ 2 สัปดาห์ ได้ข้อสรุปประมูลดิวตี้ฟรี ปม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ชี้ ปรับทีโออาร์แยกสุวรรณภูมิเหมาะสม ทอท.คาดอาจไม่เข้าข่าย แต่พร้อมยกเลิกประมูล สมาคมค้าปลีก ห่วงทีโออาร์ เอื้อบางราย เกณฑ์พิจารณาให้น้ำหนัก ผลตอบแทนน้อย

 

- ดัชนีเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาสแรกปรับตัวเพิ่มขึ้น สศก.คาดไตรมาส 2 แนวโน้มดีต่อเนื่อง

- กสิกรฯห่วงเศรษฐกิจไทยเผชิญภาวะชะลอตัว แนะรัฐบาลใหม่อัดเงิน 2-3 หมื่นล้าน ออกมาตรการเร่งด่วนระยะสั้นกระตุ้นการบริโภคครัวเรือนฐานรากและเกษตรกร ทั้งแผนช่วยเหลือ เพิ่มสวัสดิการ ลดหย่อนภาษี ชี้มีผลเพิ่ม จีดีพี 0.2-0.4%

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- SGP (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 10 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคา LPG ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 400$/ton ในช่วงต้นปีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 520$/ton ในปัจจุบัน คาดหนุนให้ผลประกอบการของ SGP ในช่วง Q1/62 พลิกมีกำไรจากที่ขาดทุนกว่า 734 ล้านบาทใน Q4/61

 

- MTC (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 55 บาท คาดกำไรปี 2562 ที่ 4.6 พันลบ. +25% Y-Y จากสินเชื่อที่โต 30% และเปิดสาขาใหม่อีก 600 แห่ง เป็น 3,900 แห่ง แม้ต้นทุนทางการเงินจะปรับขึ้นบ้างแต่กระทบจำกัด เพราะมี Long term funding ถึง 70% และมีคุณภาพสินเชื่อดี NPL ต่ำเพียง 1.12% และ Coverage ratio สูงถึง  278% ด้านราคาหุ้นเบรกต้าน 46.50 วานนี้ ส่งสัญญาณซื้อรอบใหม่

 

- STEC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"ช่วงอ่อนตัวหลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรง  ให้เป้า 29 บาท คาดกำไรปกติ Q1/62 จะยังเด่น 370 ล้านบาท (-1%QoQ, +57%YoY)  จากการรับรู้รายได้โครงการต่างๆ คือ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ชมพู ส้ม รวมถึงโรงไฟฟ้าของ GULF และ STEC ตั้งเป้าหมายจะได้งานใหม่ในปี 2562 เท่ากับ 35,000 ล้านบาท ช่วยเติม Backlog ปัจจุบันที่สูงถึง 1.05 แสนล้านบาท หนุนกำไรปกติปี 2562 จะสูงถึง 1,689 ล้านบาท เติบโต 30%