WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET47ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบหลังไร้ปัจจัยบวก-ยังต้องติดตามความชัดเจนกรณี Brexit
 
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา แต่ดัชนีฯคงจะปรับตัวลงได้ลำบาก จากที่ดู Position ของนักลงทุนต่างชาติได้มีการปิดสถานะ Short ที่ตลาดฟิวเจอร์ส ทำให้ Downside น่าจะจำกัด
 
อย่างไรก็ดี จะยังต้องติดตามความชัดเจนต่อสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ต่อไป หลังเมื่อคืนนี้รัฐสภาอังกฤษคว่ำร่างข้อตกลง Brexit  ขณะที่เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ติดลบแค่ 27 จุด ทำให้คาดว่าจะไม่น่าจะมีอะไรมากนัก ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก และลบ
 
อนึ่ง สำหรับในขั้นตอนต่อไปของสถานการณ์ Brexit รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไร้ข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบ ก็จะทำการลงมติในวันพฤหัสบดีว่าจะเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.
 
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,554.66 จุด ลดลง 96.22 จุด (-0.38%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,791.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.22 จุด (+0.30%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,591.03 จุด เพิ่มขึ้น 32.97 จุด (+0.44%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 77.92 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 3.41 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 12.06 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.20 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 21.92 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 มี.ค.62) 1,627.59 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด (+0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,062.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 มี.ค.62) ปิดที่ 56.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 มี.ค.62) ที่ 4.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.65 ทรงตัวจากวานนี้ ยังรอความชัดเจนต่อสถานการณ์ Brexit คาดกรอบวันนี้ 31.60-31.80
- ทอท.เดินหน้าประมูล ดิวตี้ฟรีรวมสัญญา 4 สนามบิน ยื่นซอง 30 เม.ย.นี้ ยืนยันไม่แยกสัญญารายสินค้า เหตุบริหารจัดการยาก ชี้เปิดกว้างพิคอัพเคาน์เตอร์ จ่อประมูลต่อเนื่องในปีนี้ "ประสงค์" ยัน ประมูลดิวตี้ฟรี 1 ราย เหมาะสมสุด "สมาคม ผู้ค้าปลีกไทย" ฉงนประมูลรายเดียว ค้านหลักสากล ยันเปิดประมูลแยกกลุ่มสินค้าเหมาะสุด
 
- "สยามพิวรรธน์" เปิดโรดแมพ 5 ปี วางยุทธศาสตร์ผู้นำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประกาศเดินหน้าขยายอาณาจักรไทย-ต่างประเทศ เตรียมเงินกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท  มุ่งปักหมุดเมืองระดับโลก เล็งซื้อกิจการ อสังหาฯ ค้าปลีก ลุยธุรกิจใหม่ "อาคารสำนักงาน-โลจิสติกส์-เทคโนโลยี" ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 5 หมื่นล้านบาท ปี65
 
- ปลัดคลังเผยข้อสรุปเพิ่มทุน"ทีเอ็มบี" เบื้องต้น ให้สิทธิ์ผู้ถือหุ้นเดิมรับซื้อสัดส่วน 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ เผยอยู่ระหว่าง ทำดิวดิลิเจนซ์ หาราคายุติธรรม ขณะบอร์ด ทีเอ็มบี แจงยังต้องพิจารณาอีกครั้งหลังทำ ดิวดิลิเจนซ์ ด้าน นักวิเคราะห์ แนะเลี่ยงลงทุน รอความชัดเจนเรื่องราคาเพิ่มทุน
 
- อานิสงส์เลือกตั้ง-สงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย คงดอกเบี้ยหนุนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 2 ลุ้นเศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ราวกลางไตรมาส 3 และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เศรษฐกิจจะโตได้ราว 4%
 
- ครม.เคาะปรับรูปแบบสนับสนุนดอกเบี้ยบ้านล้านหลัง หลังเห็นตัวเลขผู้มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 แห่ขอใช้สิทธิ์ตรึม โยกเงินมาช่วยเป็น 40,000 ล้านบาท จากเดิมแค่ 20,000 ล้านบาท พร้อมของบปี 62 เพิ่ม 789.66 ล้านบาท ใช้อุ้มระยะแรก
 
- หอการค้าไทยเล็งลดเป้าจีดีพีปีนี้หั่นเหลือแค่ 3.8% จากเดิมประเมินไว้ 4-4.5% เหตุสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจทรุด เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และรัฐบาลชุดปัจจุบันไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้แล้ว
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- GSC (บมจ.โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยเสนอขาย IPO ที่ 1.70 บาท/หุ้น  บริษัทฯดำเนินธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล (Call Center Service) โดยให้บริการรับสายเรียกเข้า และบริการโทรออกไปยังกลุ่มเป้าหมายของผู้ว่าจ้าง มีการให้บริการ ณ สำนักงานของบริษัท และการจัดหาเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานของผู้ว่าจ้าง และธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ (Collection Service) โดยบริษัทฯ เป็นผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558(รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งบริษัทฯ จะให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ทางโทรศัพท์ การส่งจดหมาย และการส่งข้อความ SMS เท่านั้น
 
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 88 บาท ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หนุนประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ CPALL ยังมี Growth story จากโอกาสได้สิทธิเปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว
 
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7.60 บาท คาดกำไร Q1/62 โต Y-Y ต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และศูนย์ IVF ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วนศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ 54 เตียงที่จะเปิดใน Q2/62 ตอกย้ำความเป็นโรงพยาบาลแม่และเด็กตัวจริง พร้อมมองหุ้นกลุ่ม โรงพยาบาลกลับมานำตลาด แต่ EKH ยัง laggard กลุ่มอยู่ 2% และแกว่งตัวที่แนวรับสำคัญแถว 5.20-5.40 บาท
 
- BCP (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 39 บาท คาดผลประกอบการปีนี้จะโตเด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่นที่ 84% YoY  โดยคาดกำไร Q1/62 เติบโตเด่น QoQ จาก Stock และดีต่อไปยัง Q2 จากค่าการกลั่นที่เริ่มฟื้นตัว จากแผนหยุดซ่อมบำรุงที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือน พ.ค. และสำหรับ H2/62 คาดจะได้รับผลบวกจากการเก็บสำรองน้ำมันดีเซลก่อนเริ่มบังคับใช้ข้อกำหนด IMO ในปี 2563  อีกทั้ง Valuation ยัง ๆ ไม่แพง ด้วย PE  9.9 เท่า, PBV 1.0 เท่า และผลตอบแทนปันผล 5%
 
--อินโฟเควสท์
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!