WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET32ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งสร้างฐาน กังวลศก.จีนชะลอ ,ปัจจัยในปท.กดดันจากคาดปีนี้กำไรบจ.หดตัว-รัฐเร่งประมูล 5G
 
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังปรับขึ้นต่อไม่ได้เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นในต่างประเทศที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างแรง สะท้อนต่อปัญหาเศรษฐกิจภายในที่ล่าสุดได้กำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ที่ 6-6.5% ซึ่งตลาดมองว่าเป็นการลดลงจากปีก่อน อย่างไรก็ตามการที่ MSCI ประกาศเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน และการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในของจีน ก็น่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าไปจีนมากกว่าไทยในช่วงนี้เช่นกัน
 
นอกจากนี้ปัจจัยภายในประเทศ ยังมีแรงกดดันจากแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะลดลงในปีนี้ และการที่รัฐบาลจะเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) เพื่อมาใช้ประมูล 5G ในช่วงที่ธุรกิจโทรคมนาคมของไทยยังไม่ดีนัก ซึ่งการเร่งประมูลคลื่นใหม่ก็จะทำให้เกิดภาระแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงตลาดยังรอติดตามสถานการณ์การเมืองที่ในวันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักษาชาติด้วย
 
พร้อมให้แนวรับที่ 1,630 จุด และแนวต้านที่ 1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,806.63 จุด ลดลง 13.02 จุด (-0.05%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,576.36 จุด ลดลง 1.21 จุด (-0.02%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,789.65 จุด ลดลง 3.16 จุด (-0.11%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 67.25 จุด,ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.18 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 41.65 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 22.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิด ลดลง 2.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.64 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 มี.ค.62) 1,639.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด (+0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,731.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 มี.ค.62) ปิดที่ 56.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.05%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 มี.ค.62) ที่ 3.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.77 แข็งค่าจากวานนี้ตามแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 31.70-31.85
- กสทช.ไฟเขียวเรียกคืนคลื่นความถี่ย่าน 2600 เมกะเฮิรตซ์ 190 เมกะเฮิรตซ์ จาก อสมท กองทัพบก และกองทัพไทย เดินหน้าลุยประมูล 5จี พร้อมตั้งงบจ้างที่ปรึกษา ประเมินมูลค่าคลื่นเตรียมชดใช้ เยียวยา จัดงบ 68 ล้านบาท ตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5จี ในจุฬาฯ
 
- ครม.ไฟเขียวรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศิริราช กรอบวงเงินกว่า 6.6 พันล้านบาท ระยะทาง 4.3 กม. ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางเข้า-ออกกรุงเทพฯชั้นใน ขณะที่คมนาคมมั่นใจก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนกำหนด เปิดให้บริการได้ภายในปี 65
 
- ครม.คลอดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าเหลือ 0% เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63-31 ธ.ค. 65กระตุ้นให้ผู้ผลิตลงทุนเร็วขึ้น ส่วนรถยนต์กระบะที่ปล่อยฝุ่นพีเอ็มไม่เกิน 0.005 กรัม ได้สิทธิลดภาษี 05.-2% ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอน หนุนสร้างรถยนต์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
 
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ชี้ค่าเงินบาทแข็งค่า ฉุดความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการ เผยสถานการณ์การส่งออกเดือน ม.ค.มีการส่งออกรวม 18,994 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 5.7% คาดทั้งปียังขยายตัวได้ที่ 5%
 
- กลุ่มโบรกเกอร์ "อ่วม" กำไรสุทธิปี 61 วูบ 34% เหลือ 2 พันล้านบาท ผลจากการแข่งขันรุนแรง "มนตรี" ชี้ พิษโรบอทเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อขายได้เร็วกว่า ทำนักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบ ส่งผล วอลุ่มซื้อขายลด เตรียมนำเรื่องถกสมาคมโบรกเกอร์ ด้าน "ก้องเกียรติ" ยอมรับการแข่งขันรุนแรง ทั้งอยู่ในช่วงเริ่มสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมจึงต้องรอเวลาสร้างรายได้
 
- สบน. แจงการปรับแผนก่อหนี้สาธารณะ ปีงบฯ 62 เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-พัฒนาคน-พัฒนาอุตสาหกรรมเพิ่ม เผย "คมนาคม" ทำแผนฟื้นฟู ขสมก. เพื่อเสนอ ครม. แล้ว เตรียมให้รัฐรับภาระดอกเบี้ย 3 พันล้านบาทต่อปี และหาก EBITDA ของ ขสมก. ไม่ติดลบ โยกหนี้มาให้รัฐบาลรับภาระแทน ตามแผนฯ คาดจะเห็นภาพในปี 66
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (ไอร่า) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 32.50 บาท จากความสามารถในการทำกำไรที่เข้าสู่ระดับปกติ และฐานะการเงินที่อยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมกับศักยภาพและโอกาสในการรับงานจากโครงการต่างๆ ที่ STEC มีแผนเข้าร่วมประมูล โดยคาด Backlog ล่าสุด ยังอยู่ในระดับสูง ประมาณ 105,000 ล้านบาท คาดเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 4 ปีข้างหน้า แม้ไม่มีมูลค่างานใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม STEC ยังมีโอกาสในการรับงาน จากโครงการต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน โดย STEC คาดรับงานใหม่ในปี 62 ประมาณ 35,000 ล้านบาท
 
- SPA (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.80 บาท คาดกำไรสุทธิ 1Q62 จะฟื้นตัวอย่างโดดเด่นกลับไประดับที่ 56+/- ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสุดสูงสุดใหม่ของบริษัท ผลักดันมาจากสาขาที่เปิดเมื่อปลายปี 2561 จำนวน 2 สาขา สาขาใหม่ต้นปี 2562 อีก 2 สาขา และ การปรับราคาค่าบริการขึ้น อีกทั้งการเป็นบริษัทที่มีต้นทุนคงที่สูงราว 50% ของต้นทุนรวม ดังนั้น เมื่อจำนวนผู้ใช้บริการเร่งตัวขึ้น จะช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นจะเร่งตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด 30.8% ใน 4Q61 สูระดับปกติ 33% ได้ทันที โดยเห็นสัญญาณเชิงบวกแล้วในเดือน ม.ค. 62 จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ SPA ฟื้นตัวเด่น +10% YoY ก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือน ก.พ.
 
- BBL (กสิกรไทย) แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 240 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2561 ที่ 8.1 พันล้านบาท ลดลง 5% YoY และ 11% QoQ ด้วยสาเหตุหลักจากการบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานครั้งเดียว(ตั้งสำรองจากการจ่ายเงินชดเชยเพื่อรองรับการเปลี่ยนนโยบายเกษียณและการปลดพนักงานออกตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่) สำหรับปี 2562 คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้นจาก 2.33% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 2.37% ในปี 2562 และคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิจะเติบโตขึ้นด้วยตัวเลขหลักเดียว (single digit) ด้วยปัจจัยหนุนจากค่าธรรมเนียม bancassurance (BA), กองทุนรวม (AM) และสินเชื่อ
 
-อินโฟเควสท์ 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!