นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นฟื้นตัวหลังเมื่อวานนี้ปรับตัวลงมากไป เนื่องจากสถานการณ์ระหว่างอินเดีย และปากีสถานไม่น่าจะยืดเยื้อ หลังจากที่ปากีสถานยอมที่จะปล่อยตัวนักบินของอินเดีย และจะร่วมมือกับอินเดียล่าตัวมือระเบิด อีกทั้งทางสหรัฐฯ, จีน และรัสเซีย ก็พยายามไกล่เกลี่ยให้ยุติปัญหา

 

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่การฟื้นตัวของตลาดฯอาจจำกัดแถวแนวต้าน 1,660 จุด เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ยังไม่แน่นอน และรอดูความชัดเจน อย่างเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังต้องรอติดตามความชัดเจน อีกทั้งทาง MSCI ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้น A-Share ของจีนจาก 5% เป็น 20% ซึ่งก็จะไม่เป็นผลดีต่อ Emerging Market

 

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐฯ โดยให้แนวรับ 1,650-1,645 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ก.พ.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.00 จุด ลดลง 69.16 จุด (-0.27%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,784.49 จุด ลดลง 7.89 จุด (-0.28%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,532.53 จุด ลดลง 21.98 จุด (-0.29%)

 

Ads by AdAsia

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 104.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 13.45 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 83.42 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.85 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 7.28 จุด

 

ส่วนตลาดหุ้นไต้หวัน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการในวันนี้

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ก.พ.62) 1,653.48 จุด ลดลง 11.79 จุด (-0.71%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,179.76 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.62

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ก.พ.62) ปิดที่ 57.22 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.5%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ก.พ.62) ที่ 3.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.57 อ่อนค่าจากวานนี้ตามภูมิภาค หลังมีแรงซื้อดอลล์จากตัวเลขศก.สหรัฐฯออกมาดี

- "แบงก์ชาติ" เผยทุนนอกไหลเข้าซื้ออสังหาฯ ในไทยเดือนม.ค. ดึงยอดบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายพลิกเป็นบวก ขณะเศรษฐกิจม.ค.โตต่อเนื่อง อานิสงส์จากกำลังซื้อในประเทศ ส่วนภาคส่งออกหดตัวต่อเนื่อง ผลพวงเศรษฐกิจโลก-จีนชะลอ สั่งทีมงานเกาะติดปัญหา ด้าน "วิรไท" ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง เหตุแบงก์เร่งปล่อยกู้เกินพอดี

 

- คลัง เรียกร้อง ธปท.ใช้นโยบายการเงินพยุงเศรษฐกิจ หลังไม่สามารถใช้นโยบายการคลังได้ เนื่องจากติด พ.ร.บ.เลือกตั้ง

- บีโอไอผนึก 5 สถานทูตประเทศตลาดใหม่หนุนนักธุรกิจไทยลงทุนต่างประเทศ ด้านพาณิชย์แนะผู้ประกอบการไทยศึกษาสิทธิประโยชน์การค้าไทย-ญี่ปุ่นให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าส่งออก

 

- รมว.คลังพร้อมเตรียมใช้เงินกองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบงก์ใหม่ที่เกิดจากการควบรวม "ทหารไทย-ธนชาต" มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เชื่อสงครามอินเดีย-ปากีสถาน กระทบท่องเที่ยวไทยระยะสั้น มั่นใจ 1-2 วัน สายการบินเปิดเส้นทางปกติ ขณะที่แบงก์ชาติ บอกเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบ

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10 บาท ประเด็นการรวม TMB และ TBANK แม้ยังต้องรอความชัดเจน แต่คาดว่าอันดับเครดิตของ THANI ยังไม่ถูกกระทบ พร้อมคาดกำไรปี 2562 ที่ 1.82 พันลบ. +11% Y-Y มีโอกาสกลับรายการสำรองส่วนเกินในอนาคต เพราะสำรองทั่วไปฯรองรับเกณฑ์ IFRS 9 เพียงพอแล้ว และจ่ายปันผลเป็นหุ้น 4:1 และเงินสดอีก 0.29 บาท/หุ้น ขึ้น XD 7 มี.ค. 62

 

- TOP (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 90 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว คาดงบ Q1/62 พลิกเป็นบวก จากค่าการกลั่นเริ่มฟื้นตัวสู่ระดับ 3.3$/bbl เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 1.5$/bbl ในช่วงต้นปี นอกจากนี้ คาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบหลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากระดับ 40$/bbl สู่ระดับ 55-60$/bbl ในปัจจุบัน

 

- EA (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้าเชิงกลยุทธ์ 51 บาท ได้โอกาสสะสมรอบใหม่ เชื่อโครงการแบตเตอริ่ลิเทียม ไออน  ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มผลิตเฟสแรกต้นปีหน้า และจะเป็น Key หลักในการเติบโตครั้งใหม่ของ EA ที่สำคัญ เชื่อว่าโครงการนี้จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ตลาดคาด เพราะปัจจุบันราคาวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ EA จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบนด์ "MINE MPV" ที่ใกล้พร้อมจะจำหน่ายแล้วไปแสดงในงาน Bangkok International Motor Show และเปิดจองรถและเริ่มส่งมอบได้ต้นปีหน้า ด้านราคาหุ้นไม่แพง เพราะ EA เป็นหุ้นที่มี ROE สูงถึง 35% ขณะที่ราคาหุ้นเทรดกันที่ PE 25 เท่า ในปี 2562 และ PEG ต่ำกว่า  1 เท่า (ราคาปิดวันก่อน 47.75 บาท)