- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 18 February 2019 10:16
- Hits: 3746
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับคืบหน้าเจรจาการค้า-ราคาน้ำมันพุ่งแรง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกัน ตามดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ขานรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่การเจรจายังคงมีต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ที่กรุงวอชิงตัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบก็ได้ขึ้นทะลุ 55 เหรียญฯ/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 เดือนด้วย อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะฟื้นตัวในกรอบจำกัดเนื่องจากตลาดบ้านเราจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.) เนื่องในวันมาฆบูชา และตลาดสหรัฐฯก็จะปิดทำการคืนนี้เนื่องในวันประธานาธิบดี ทำให้นักลงทุนอาจชะลอการลงทุน
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,655 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.พ.62) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,883.25 จุด พุ่งขึ้น 443.86 จุด (+1.74%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,775.60 จุด บวก 29.87 จุด (+1.09%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,472.41 จุด เพิ่มขึ้น 45.46 จุด (+0.61%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 316.69 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 17.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 285.91 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.16 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 19.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.09 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 76.57 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 39.19 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.พ.62) 1,636.94 จุด ลดลง 15.70 จุด (-0.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,001.91 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.พ.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.พ.62) ปิดที่ 55.59 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.พ.62) ที่ 2.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.22 ตลาดรอดูตัวเลข GDP ของไทยวันนี้ มองกรอบ 31.15-31.35
- "คมนาคม" สปีด 2 โปรเจกต์ ปิดดีลประมูลใน เม.ย.นี้ พร้อมเซ็นสัญญารับเหมา ให้ทันในรัฐบาล คสช. ทั้งมอเตอร์เวย์ "บางขุนเทียน-เอกชัย" และ ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนฯ ทะลวงคอขวดลงใต้
- จ่อคิวขึ้นอีก "สรรพสามิต" ดีเดย์ 1 ต.ค.2562 เตรียมขยับภาษีน้ำหวาน ชูน้ำอัดลมกระป๋องขนาด 250 ซีซี ถูกรีดภาษีเพิ่มอีก 10 สตางค์ พร้อมโยนผู้ประกอบการตอบเรื่องขยับราคาขายเพิ่ม
- ศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี ประเมินแนวโน้มทุนเคลื่อนย้ายปีนี้ ส่อไหล ออกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งจากตลาดหุ้น-บอนด์ จากปัจจัยโลกกดดัน แต่เชื่อไม่ส่งผลกระทบมากนัก เหตุไทยยังเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย
- องค์กรนายจ้างฯ แจงปี 2562 แนวโน้มว่างงานคนไทยพุ่งแตะ 5 แสนคน หลังเศรษฐกิจโลกชะลอฉุดภาคการผลิต เมินรับแรงงานเข้าทำงานใหม่ แนะเพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน พัฒนาความรู้สอดคล้องเทคโนโลยี
- อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการศึกษาภาษีรถยนต์เพื่อสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน โดยสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่า หากจะลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เหลือ 0% ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ผลิตในประเทศ 15 รายอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งเสียภาษีสรรพสามิตรถยนต์อีวีอยู่ที่ 2%
*หุ้นเด่นวันนี้
- BAFS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 40 บาท คาดกำไร Q4/61 ที่ 183 ล้านบาท +11% Y-Y ตามจำนวนเที่ยวบินที่ยังโต 5% Y-Y ส่วนทั้งปี 2561 คาดจบที่ 1,052 ล้านบาท +8% Y-Y และการเปิดท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือปีนี้ไม่น่ากังวล เพราะค่าเสื่อมฯและดอกเบี้ยจะค่อยๆขึ้น แต่รายได้จะเร่งตัวมากว่า เนื่องจากค่าบริการถูกกว่าการขนทางรถ 30% ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ปกติราคา BAFS จะเคลื่อนไหวตาม AOT แต่ 1 ปีที่ผ่านมายัง Laggard อยู่ 17% และด้วยความที่เป็นหุ้น Low Beta (0.69 เท่า) จึงน่าสนใจลงทุนช่วงตลาดผันผวน
- IHL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 11.8 บาท คาดกำไรปกติ Q4/61 ที่ 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30%yoy จากรายได้ธุรกิจฟอกหนังที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งให้ปันผลสูงคาดปันผลต่อหุ้น 0.5-0.6 บาท ให้ Dividend yield 6-7% ต่อปี
- THANI (เอเซีย พลัส) เป็นหุ้นปันผลเด่นที่กำไรเติบโต new high ต่อเนื่อง สอดคล้องกับสินเชื่อเช่ารถบรรทุกที่ยังเติบโต ขณะที่แนวโน้มตลาดรถบรรทุกปี 2562 คาดเติบโต 10% จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ขึ้ นกับตัวแปรเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งด้วย และยังเชื่อมั่นว่ากำไรจะดีขึ้นอีกต่อเนื่องจากการลด Credit cost และการบริหาร Spread อย่างเคร่งครัด ราคาหุ้นปรับฐานลงแรงเกินพื้นฐานมาก ทำให้ Dividend yield สูงเกือบ 5%
-อินโฟเควสท์