WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET51ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยนอกปท. แต่ยังมีลุ้น LTF-RMF และ Window Dressing มาช่วยหนุน
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบ โดยยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยนอกประเทศ ทั้งเรื่องความกังวลเศรษฐกิจโลก, สงครามการค้า, หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์แล้ว และมีกระแสข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็อยากจะปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบตามดาวโจนส์ที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาติดลบไปกว่า 400 จุด และวันนี้หลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการ ส่วนตลาดในยุโรปก็ปิดทำการบางตลาด
 
อย่างไรก็ดี บ้านเรายังมีลุ้นแรงหนุนจากเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ,กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่น่าจะเข้ามามากในสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสิ้นปี และก็ยังมีลุ้นทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ด้วย
 
พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,585 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,600 ถัดไป 1,610-1,615 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,445.37 จุด ร่วงลง 414.23 จุด (-1.81%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,416.62 จุด ลดลง 50.80 จุด (-2.06%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,332.99 จุด ลดลง 195.41 จุด (-2.99%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 9.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 238.02 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 30.14 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 11.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 19.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.29 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันเฉลิมพระชนมพรรษาองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการในวันนี้เช่นกัน เนื่องในวันหยุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ธ.ค.61) 1,595.33 จุด ลดลง 0.77 จุด (-0.05%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,074.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ธ.ค.61) ปิดที่ 45.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.6%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ธ.ค.61) ที่ 3.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.65 แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ หลังดอลล์อ่อนค่าเหตุนลท.กังวลภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐฯ
- "ผู้ว่าธปท."มั่นใจกลไกดอกเบี้ยนโยบายค่อยๆ ส่งผ่านไปยังแบงก์พาณิชย์ เชื่อแบงก์ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ที่ได้รับสิทธิพิเศษเป็นกลุ่มแรก หวังสกัดความเสี่ยงใช้เงินลงทุนผิดประเภท ขณะที่"แบงก์เล็ก-แบงก์ต่างชาติ"เตรียมขยับดอกเบี้ยเงินฝากตามออมสิน ป้องกันเงินไหลออก ยันดอกเบี้ยขึ้นไม่เพิ่มภาระภาคครัวเรือน ห่วงคนไทยไม่สนเสี่ยงแห่ฝากเงินสหกรณ์ เตือนตลาดทุน-เงินผันผวนรุนแรง
 
- "แบงก์ชาติ" หนุนธนาคารพาณิชย์ ควบรวมกิจการรับมือโลกธุรกิจ-เทคโนโลยีเปลี่ยน แบงก์อยู่แบบเดิมลำบาก แต่การควบรวมต้องมีแผนงานชัดเจน ดูแลผู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะลูกค้าเชื่อหากตกผลึกจะต้องยื่นให้ธปท.พิจารณาลำดับแรก ก่อนส่งเรื่องให้รัฐมนตรีคลังอนุมัติ
 
- "พาณิชย์" เผยธุรกิจตั้งใหม่ในพื้นที่อีอีซี 11 เดือน 6,645 ราย เพิ่ม 6.75% อสังหาริมทรัพย์ยังมาแรง ตามด้วยก่อสร้างอาคาร ภัตตาคารและร้านอาหาร ด้านหอการค้าไทยคาดเศรษฐกิจภาคตะวันออกปี 62 จะคึกคักอีกมาก ดันจีดีพีเพิ่มขึ้นอีก 1% หรือ 1.5 แสนล้านบาท จากการลงทุนภาครัฐ เอกชน ท่องเที่ยวขยายตัว
 
- "คมนาคม" ยันไม่ล้ม ไม่เปลี่ยน รถไฟสีแดง"หัวลำโพง-มหาชัย" ชี้รถไฟฟ้ารางเบา หรือแทรม เป็นระบบเล็กใช้วิ่งในเขตเมือง ไม่เหมาะกับรถไฟฟ้าชานเมือง ที่ต้องใช้ความเร็วและขนผู้โดยสารได้มาก "ชัยวัฒน์" เผยกำลังปรับแบบลอดแม่น้ำเจ้าพระยา เสนอ EIA เห็นชอบ
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 238 บาท คาดกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 4.16 หมื่นล้านบาท ยังเห็นการเติบโตราว 3%Y-Y เนื่องจากคาดการณ์ Credit cost ที่ลดลงและ NIM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ตามอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนราคาหุ้นที่ลงมาซื้อขายบน PBV ปี 2562 เพียง 1.14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีย้อนหลังที่ 1.4 เท่า น่าจะตอบรับความกังวลต่อเป้า NPL Ratio ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่ง Credit cost ที่ธนาคารปรับเป้าลง สะท้อนว่ายังควบคุมได้และไม่ได้กังวลมากนัก
 
- KTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 42 บาท รับข่าวดีบอร์ดเตรียมอนุมัติให้ KTC รุกธุรกิจสินเชื่อพิโก และนาโนไฟแนนซ์ เพิ่มช่องทางรายได้และค่าธรรมเนียมให้กับ KTC ส่วนแนวโน้มกำไรคาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการตั้งสำรองที่ลดลงในอนาคตจากผลของมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9
 
- BEM (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 11.30 บาท จะได้รับผลดีจากการจะได้ต่ออายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ออกไปจากเดิมที่จะต้องหมดอายุลงปี 2563 การได้เปรียบทางคดีความที่มีกับการทางพิเศษ (กทพ) นำไปสู่การเจรจาในเชิงบวกเพื่อลดข้อพิพาท คาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ BEM ได้ประมาณ 2.3 บาทต่อหุ้น ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟความเร็วสูง BEM ยังมีโอกาสเติบโตในอนาคตจากการตัดสินใจร่วมทุนร่วมกับกลุ่ม CP เพื่อเข้าประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลประมูลอย่างเป็นทางการ ในเบื้องต้นกลุ่มพันธมิตร CP มีความได้เปรียบด้วยการเสนอราคาต่ำกว่ากลุ่ม BTS อยู่ระหว่างชี้แจงข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติมให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมถึงการเตรียมเข้าลงทุนในรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม) หรือรถไฟฟ้าสีม่วงส่วนต่อขยาย BEM ยังมีแผนขยายธุรกิจพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ผ่านบริษัทลูก คือ BMN โดยจะมีการพัฒนารูปแบบสื่อโฆษณาตลอดจนการเพิ่มรายได้ค่าเช่าโดยการเพิ่มร้านค้าปลีกในสถานี
 
--อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!