- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 13 December 2018 13:21
- Hits: 4865
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ดีดขึ้นช่วงสั้นตามตลาดตปท. จากคลายกังวลทิศทางดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำ
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะดีดตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้นราว 0.2-0.5% จากคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาต่ำ
อนึ่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารปรับตัวขึ้น
นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตลาดบ้านเราคงจะปรับขึ้นไปไม่ได้มาก เนื่องจากยังติดอยู่ที่ Fund Flow ยังคงไหลออกอยู่ อีกทั้งยังต้องติดติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ธ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,527.27 จุด พุ่งขึ้น 157.03 จุด (+0.64%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,651.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด (+0.54%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,098.31 จุด เพิ่มขึ้น 66.48 จุด (+0.95%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 152.38 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 26.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 231.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.87 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ธ.ค.61) 1634.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด (+0.08%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,144.02 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.62 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ธ.ค.61) ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 50 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ธ.ค.61) ที่ 2.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.71/73 แนวโน้มแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 32.68-32.78 ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- "อภิศักดิ์"เตือนรับมือ 3 ปัจจัยเสี่ยง "ดอกเบี้ยขึ้น-เลือกตั้งป่วน-สงครามการค้า" ย้ำสหรัฐ ถอนเงินกลับ ดันดอกเบี้ยขยับแน่ ชี้แม้พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่งแต่เลี่ยงไม่พ้น พร้อมระบุนักลงทุนเริ่มกังวล หลังเลือกตั้งการเมืองป่วน จับตาสงครามการค้ายืดเยื้อกระทบส่งออก
- "อุตตม" ลงพื้นที่ขอนแก่นเตรียมผลักดันพื้นที่อีสานตอนกลางและบนสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ หรือไบโอฮับ นำร่องเพิ่มมูลค่า "อ้อย" เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่ม หลังเอกชนแห่สนใจลงทุนเพียบต่อยอดจากอีอีซี ยันชาวไร่อ้อยได้รับเงินปัจจัยการผลิตที่รัฐบาลเตรียมสนับสนุนเพิ่มเติม 50 บาทต่อตันโดยเตรียมจ่ายล็อตแรก ก.พ.นี้
- หวั่นศึกการค้าฉุดส่งออก เอดีบีลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้า แต่ยังโตได้ในกรอบ 4% ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลดคาดการณ์จีดีพีของไทยปีนี้ลงเหลือ 4.3% จากเดิมที่ 4.5% และลดของปีหน้าอยู่ที่ 4.1% จากเดิม 4.3% เนื่องจากแรงฉุดภาคส่งออกจากปัญหาการค้าโลก แม้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในประเทศจะยังเติบโตดี ซึ่งสะท้อนผ่าน
- ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือน พ.ย. 2561 ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากคลายกังวลราคาน้ำมันมาตรการรัฐหนุน
- 'ขุนคลัง' ยอมรับไตรมาสสุดท้ายจีดีพีโตถดถอย ต้นเหตุสงครามการค้าสหรัฐ-จีน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบภาคส่งออก ชี้นักลงทุนต่างชาติวิตกเหตุหลังเลือกตั้ง 'สนธิรัตน์' เผยร้านธงฟ้าประชารัฐเงินสะพัดแล้วกว่า 4.8 หมื่นล้าน
- บีโอไอเปิดยอดขอรับการส่งเสริมลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล ม.ค.-ก.ย.2561 รวม 135 โครงการ มูลค่ากว่า 1.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 405% พร้อมอนุมัติ 'ทรู' ทุ่ม 1.58 พันล้านบาท ตั้งดิจิทัลพาร์คแห่งแรกในประเทศ สนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0
*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 104 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/61 คาดว่าจะทรงตัว Q-Q ที่ 1.8 พันลบ. โดยคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วนคาดการณ์กำไรทั้งปี 2561 อยู่ที่ 7.1 พันลบ. +15.8% Y-Y และคาดการณ์ปี 2019 ที่ 7.6 พันลบ. +7% Y-Y จุดเด่นคือปันผล 7-8% ต่อปี (จ่ายปีละครัง) และความผันผวนของผลการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำ และระยะสั้นได้แรงหนุนจากยอดจองรถในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่สูงสุดในรอบ 5 ปี
- TPIPP (เคทีบี) "ซื้อ" เป้า 7.50 บาท จากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาระยะยาวรองรับ ในขณะเดียวกันปริมาณขยะที่มีแนวโน้มมากขึ้นในอนาคตได้มาพร้อมปัญหาการจัดการส่งผลให้แนวโน้มอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า WTE ยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการใหม่ที่ทางบริษัทได้มาจะเป็น Upside ให้กับประมาณการ นอกจากนี้เราประเมิน TPIPP จะสามารถจ่ายปันผลได้ราว 0.4-0.5 บาทต่อหุ้นในปี 2018-19 หรือเทียบเท่า Dividend yield ที่ 6-8% เป็นระดับที่น่าสนใจ พร้อมประมาณการกำไรปกติปี 2561 ที่ 4.1 พันล้านบาท (+72% YoY) ใน Q4/61 จะเป็นช่วงพีคของปีหลังโครงการ TG7 รับรู้รายได้เต็มไตรมาสและมีโรงไฟฟ้า TG8 กำลังการผลิต 150MW COD เพิ่มเติม (กกพ.อนุมัติแล้ว)จากปัจุบันกำลังการผลิตรวม 290MW
- AAV (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า Consensus 4.83 บาท ได้อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงส่งผลบวกต่อต้นทุนการดำเนินงานลดลง (น้ำมันคิดเป็น 30% ของต้นทุนรวม) มอง AAV ได้ผลบวกมากสุดในธุรกิจสายการบิน เนื่องจากเป็นสายการบินที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าราคาน้ำมันไว้น้อยที่สุด (4% ของปริมาณที่ต้องการใช้)
-อินโฟเควสท์