- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 27 November 2018 12:57
- Hits: 4523
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวเล็งขานรับราคาน้ำมันดิบ-ดาวโจนส์ขึ้น เก็งผลเจรจาสหรัฐฯ-จีนออกมาดี
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากวานนี้ จากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นกว่า 2% และดาวโจนส์บวกได้กว่า 300 จุด จากคาดการณ์ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนปลายสัปดาห์นี้จะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันขยับตัวขึ้นได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการมองราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงลึกแล้วถึง 30% นับจากที่ขึ้นไปสูงสุดในเดือน ต.ค. และ"โกลด์แมน แซคส์"ออกมาคาดการณ์ว่าหลังประชุม G20 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น 17% รวมไปถึงมีการคาดว่าการประชุมกลุ่มโอเปคในวันที่ 6 ธ.ค.อาจจะมีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง
อย่างไรก็ดี วอลุ่มเทรดของดลาดโดยรวมอาจจะยังไม่มาก ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย
พร้อมให้แนวรับ 1,624 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,640.24 จุด พุ่งขึ้น 354.29 จุด (+1.46%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,081.85 จุด เพิ่มขึ้น 142.87 จุด (+2.06%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,673.45 จุด เพิ่มขึ้น 40.89 จุด (+1.55%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 155.98 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 10.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 30.81 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 36.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.27 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ย.61) 1,630.77 จุด เพิ่มขึ้น 8.67 จุด (+0.53%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 847.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ย.61) ปิดที่ 51.63 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ย.61) ที่ 4.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.02/04 ทรงตัวจากวานนี้ ไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 33.00-33.10
- แบงก์ชาติมั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โตเกิน 4% แม้ไตรมาส 3 โตต่ำคาด จับตาผลกระทบสงครามการค้า หวั่นปีหน้ากระทบส่งออกหนักขึ้น ย้ำแม้ไทยมี"4 กันชน"เศรษฐกิจแกร่ง แต่เตือนระวังไม่ควรชะล่าใจ เหตุพึ่งพาดอกเบี้ยต่ำนาน ด้าน "ทีเอ็มบี"หั่น"จีดีพี"ปีนี้เหลือ 4% ประเมินปีหน้าเสี่ยงร่วงแตะ 3.5% หากรายได้เกษตรยังไม่ฟื้นตัว
- "อุตตม" สั่งจัดหนักมอบของขวัญปีใหม่ให้ภาคอุตสาหกรรม และ SMEs เตรียมชง ครม.เดือน ธ.ค.นี้ แย้มเลิกต่ออายุใบ รง.4 ทุก 5 ปีมาแน่ ส่วนรายกลางรายย่อยเตรียมช่วยปลดล็อกเพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น พร้อมประกาศอัดฉีดเพิ่มเต็มสูบ หากเอกชนมีแผนพัฒนาสตาร์ทอัปและช่วยเหลือชุมชนในการลงทุนอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้าน ธพว.แย้มตั้งกองทุนใหม่ 1.8 พันล้านเสริมแกร่ง SMEs เป็น 1 ในชุดของขวัญปีใหม่
- รมว.ท่องเที่ยวฯชี้ภาวะทัวร์จีน วูบจบแล้วตั้งแต่สิ้น ต.ค.เผย 10 เดือนแรกเข้าไทยยังน่าพอใจ โชว์ตลาดฮ่องกงเติบโต 25% นำเม็ดเงินมาใช้จ่ายพุ่ง 31% กลุ่มเอสเอ็มอีวอนชะลอขึ้นดอกเบี้ยหลังเลือกตั้ง
- ตลาดหลักทรัพย์ โชว์กำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน 9 เดือนแรกปี 61 แตะ 7.59 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 13.27% ชี้หมวด พลังงาน-ปิโตรเคมี-แบงก์-บริการ กำไรพุ่ง ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4 ยังเติบโตดี ย้ำไม่ปรับเป้ามาร์เก็ตแคปไอพีโอ ด้าน "ภากร" ลั่นพื้นฐานไทยแกร่ง หุ้นร่วงเป็นโอกาสเหมาะเข้าลงทุนยาว
- ครม.เห็นชอบ โอนเดินรถสายสีเขียว รฟม.-กทม.เตรียม เซ็น MOU 3 ธ.ค.61 ก่อนเปิดทดลองเดินรถ 6 ธ.ค.นี้ ฟรี 4 เดือน ขณะที่ รฟม.เปิดลานจอดรถสถานีเคหะฯ ให้ใช้ฟรีเช่นกัน ยันบริหาร Park & Ride ตามแนวรถไฟฟ้าเอง
- มหาวิทยาลัยหอการค้าเสนอตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% อีก 6 เดือน เว้นจังหวะให้เอสเอ็มอีได้ปรับตัวรับต้นทุนทางการเงินที่ทะยานขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 238 บาท ราคาหุ้นที่ลงมาซื้อขายบน PBV ปี 62 เพียง 1.14 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปีย้อนหลังที่ 1.4 เท่า น่าจะตอบรับความกังวลต่อเป้า NPL Ratio ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ซึ่ง Credit cost ที่ธนาคารปรับเป้าลง สะท้อนว่ายังควบคุมได้และไม่ได้กังวลมากนัก พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 62 ที่ 4.16 หมื่นลบ. ยังเห็นการเติบโตราว 3%Y-Y เนื่องจากคาดการณ์ Credit cost ที่ลดลงและ NIM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% ตามอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
- MTC (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 58 บาท เก็งกำไรก่อนที่ดัชนี MSCI จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดย MTC ได้รับคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global standard รอบใหม่
- KTB (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 23 บาท เป็นหนึ่งใน top pick กลุ่มธนาคารเนื่องจากคาดว่าจะมีผลกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในปีนี้และปีหน้าประมาณ 30%yoy และ 11%yoy ตามลำดับ เป็นผลจากสินเชื่อภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นและได้ผลบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น
- BCH (เคทีบี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 21.4 บาท เติบโตต่อเนื่องจากการขยายโรงพยาบาลและจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิ Q3/61 ที่ 357 ล้านบาท โต 18% YoY และ 43% QoQ โตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ ทำสถิติสูงสุดใหม่ ใกล้เคียงที่คาด จากรายได้คนไข้เงินสดและประกันสังคมปรับตัวเพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดมาจากรายได้ของ WMC ปรับตัวขึ้น ซึ่งปกติลูกค้าจะเป็นระดับ High margin ทั้งนี้ประมาณการกำไรสุทธิใน 9M61 คิดเป็น 74% ของทั้งปี จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61-62 เท่าเดิม ที่ 1,114 และ 1,343 ล้านบาท เติบโต 22% และ 21% ตามลำดับ
-อินโฟเควสท์