WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

SET9ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นโลกหลังดาวโจนส์ร่วงแรง-น้ำมันปรับลงต่อเนื่อง
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเข้านี้ต่างปรับตัวลงถ้วนหน้า ตามดัชนีหุ้นดาวโจนส์ที่ร่วงลงไปถึง 600 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัท ลูเมนตัม โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเลเซอร์จับภาพ 3 มิติในฟีเจอร์ faceID ที่ใช้ผลิต iPhone ปรับลดประมาณผลประกอบการจากการลดคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่ ส่งผลให้หุ้นแอปเปิลลงไป 5% และยังมีการคาดการณ์ยอดขายของ iPhone XR จะลดลงด้วย
 
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวลง 11 วันติดต่อกัน โดยล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ได้หลุดระดับ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลไปล้ว โดยมองกันว่าราคาน้ำมันปรับลงเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และซาอุดิอาระเบียก็ออกมาระบุว่าจะรักษาเสถียรภาพการผลิตน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อ และเช้านี้น้ำมันฟิวเจอร์สก็ปรับตัวลงด้วย
 
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ให้ติดตาม MSCI ประกาศการทบทวนน้ำหนักการลงทุน และติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 14 พ.ย.คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/61 ในช่วงโค้งสุดท้าย
 
พร้อมให้แนวรับ 1,633 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 พ.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,387.18 จุด ลดลง 602.12 จุด (-2.32%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,200.87 จุด ลดลง 206.03 จุด (-2.78%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,726.22 จุด ลดลง 54.79 จุด (-1.97%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 384.64 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 30.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 540.88 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 111.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 32.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 40.24 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 9.48 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 พ.ย.61) 1,654.85 จุด ลดลง 13.67 จุด (-0.82%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 916.34 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 พ.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 พ.ย.61) ปิดที่ 59.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.4%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ย.61) ที่ 3.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.09/10 แนวโน้มแกว่งแคบ รอความชัดเจน กนง.พุธนี้ -จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- รฟท.ลั่นลงนามผู้ชนะประมูลไฮสปีดเทรนภายใน 31 ม.ค.62 หลังปิดรับซองบิ๊กเอกชน เข้าร่วม 2 กลุ่ม "ซีพี" ถือหุ้นใหญ่ 70% นำทีมกลุ่มกิจการ ร่วมค้าและพันธมิตร 5 ชาติ เผยข้อเสนอพิเศษเน้นพัฒนาชุมชนควบคู่ ขณะที่ "บีเอสอาร์" มั่นใจ 100% ชนะประมูล ระบุเจรจาพาร์ทเนอร์นอกวงเตรียมหนุน มั่นใจสู้ศึกได้
 
- สภาธุรกิจตลาดทุนเสนอ "สมคิด" ตั้งกองทุนใหม่แทน LTF ให้เครดิตภาษี 20% ของเงินลงทุนแต่ไม่เกิน 1 แสน
- แบงก์ชาติคาดการณ์สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ปี 61 ขยายตัวได้ 6-8% หลังจากไตรมาส 3/61 ขยายตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 6.3% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสจาก 2.93% ขยับมาอยู่ที่ 2.94% ด้านธปท. ประเมินทะลุ 3% หรือไม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและนโยบายคุม NPL ของสถาบันการเงิน
 
- "อุตตม" ย้ำยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทุกมิติให้เข้มแข็ง แต่จำเป็นจะต้องเกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ย้ำหากไม่อยากให้ประเทศถอยหลังต้องปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยีโดยเฉพาะ 5G ที่กำลังจะมา พัฒนากำลังคน และขับเคลื่อนอีอีซี เชื่อมโยงภูมิภาค ขณะเอกชนคาดหวังการเมืองไทยจะก้าวสู่ความสงบ แนะเร่งกระจายรายได้ลดเหลื่อมล้ำ
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- GULF (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าอิง IAA Consensus 76 บาท คาดการณ์กำไร Q3/61 โตสูง Y-Y ทั้งจากการดำเนินงานปกติที่มี COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม และกำไร FX ตามเงินบาทแข็งค่าราว 2% เมื่อเทียบกับ Q2/61 แนวโน้มการเติบโตระยะยาวเป็นบวก จากการมีสัญญา PPA โรงไฟฟ้าใหม่ทยอย COD เพิ่มทั้งในและต่างประเทศ คือเวียดนาม คิดเป็น Equity capacity growth เฉลี่ยเพิ่มปีละ 19.5% CAGR ในช่วงปี 61-67 และมีศักยภาพได้กำลังผลิตเพิ่มอีกในต่างประเทศ ด้าน NVDR ซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่อง เดือน พ.ย.61 ซื้ออีก 3.5 ล้านหุ้น ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 40.35 ล้านหุ้น
 
- PTT (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 58 บาท ผลประกอบการ Q3/61 เป็นไปตามคาด และยังคงแข็งแกร่งแม้มีรายการพิเศษจากภาษีกำไรโอนสินทรัพย์ให้ PTTOR แนวโน้มผลประกอบการปกติ Q4/61 คาดปรับขึ้น QoQ  ด้านเทคนิคแกว่ง sideway ในกรอบ 48-52 บาท
 
- MAJOR (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 30 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี มองว่าลงมามากเกินไปหากเทียบกับแนวโน้มกำไรที่ยังสามารถเติบโตได้ โดยมีมุมมอง Conservative กับกำไรมาโดยตลอดอยู่แล้ว โดยประเมินไว้เพียง 934 ล้านบาท (+17.5% YoY) สูงสุดในรอบ 3 ปี ณ ราคาหุ้นปัจจุบันเราคาดว่าจะมี Dividend yield ที่ระดับ 5.7% มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
 
-อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!