- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 31 October 2018 12:55
- Hits: 1816
ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้ม ดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามภูมิภาค จับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ/เล็งแรงหนุน TFFIF เข้าเทรดวันแรก
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวขึ้นหลังปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ตลาดฯก็ยังรอดูการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำจีน และผู้นำสหรัฐฯในการประชุมนอกรอบ G20 ซึ่งผลการเจรจาจะดีหรือไม่ดี คงจะต้องผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย.นี้ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ ในส่วนของสงครามการค้าตอนนี้ก็เริ่มเห็นถึงผลกระทบบ้างแล้วทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูตัวเลขส่งออกในเดือนต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร หลังเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่าด้วย อย่างไรก็ดี ให้เลือกลงทุนหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายของภาครัฐฯ
นอกจากนี้ วันนี้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund)'TFFIF'จะเข้าเทรดในตลาดฯด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645-1,655 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,874.64 จุด พุ่งขึ้น 431.72 จุด (+1.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,161.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.36 จุด (+1.58%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,682.63 จุด เพิ่มขึ้น 41.38 จุด (+1.57%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 112.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 167.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 62.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.57 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 28.39 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ต.ค.61) 1,638.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด (+0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,332.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ต.ค.61) ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ต.ค.61) ที่ 4.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.28 แนวโน้มอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ มองกรอบวันนี้ 33.20-33.35 จับตาข้อมูลศก.สำคัญ
- นักวิเคราะห์ห่วงเงินบาท ผันผวนหนัก เผย 1 เดือนอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ขณะ "หยวน" ทุบสถิติร่วงสุดรอบ 10 ปี ผวาสงครามการค้าลาม แนะจับตาทุนนอก ส่อไหลออกไทยหลังผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐฯเตรียมรีดภาษีจีนเพิ่ม กดค่าเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนลง
- ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนแรง แต่ตลาดหุ้นไทย ถือว่าปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ เหตุเศรษฐกิจไทย กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตแข็งแกร่ง ชี้จังหวะดีสะสมหุ้นราคาถูก
- ครม.อนุมัติเพิ่ม 4 โครงการใหญ่อีอีซี วงเงินอีกกว่า 4 แสนล้านบาท ยืนยันญี่ปุ่น-จีน ปักธงลงทุน
- สศอ.เผยดัชนีเอ็มพีไอเดือน ก.ย.ลดลง 2.6% ครั้งแรกรอบ 16 เดือน จากส่งออกรถยนต์หดตัว ผลพวงทางอ้อมนักท่องเที่ยวจีน
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดชี้อานิสงส์เลือกตั้ง-เศรษฐกิจไทยแกร่ง เพิ่มโอกาสปี 62 ประเทศไทยได้ปรับเรตติ้งประเทศเป็น A ถือเป็นครั้งแรกก่อนวิกฤต ต้มยำกุ้งปี 40 คาดจีดีพีปีนี้โต 4.3% เหตุกังวลนักท่องเที่ยวจีนลด จี้รัฐแก้ไขด่วน
*หุ้นเด่นวันนี้
- TFFIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเสนอขายหน่วยละ 10 บาท ทั้งนี้ TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่มของทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์-วงแหวนรอบนอก) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ระยะทางรวม 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ (RTA) โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคมยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเป็นผู้บริหารจัดการทางพิเศษดังกล่าว นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังเข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- EPG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 9.6 บาท ราคาหุ้นลดลงกว่า 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน อีกทั้งปัจจุบันยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการใน Q3 ปี 61/62
- BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 21 บาท คาดกำไรปกติ Q3/61 ทำ All Time High ที่ 345 ล้านบาท +38.1% Q-Q, +14.1% Y-Y จาก High Season, WMC ที่โตสูงจากผู้ป่วยต่างชาติ, รายได้ฝั่งประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น, และอัตรากำไรที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ +17% Y-Y อยู่ที่ 1,077 ล้านบาท และปีหน้า +15% Y-Yอยู่ที่ 1,240 ล้านบาท ด้าน NVDR ซื้อหุ้นเพิ่มในปีนี้ 62% Y-Y อยู่ที่ 203 ล้านหุ้น สูงสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ 213 ล้านหุ้นในปี 2556
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 400 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะทำข้อตกลงกับจีน เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,569.56 จุด เพิ่มขึ้น 112.27 จุด, +0.52% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,573.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, +0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,752.83 จุด เพิ่มขึ้น 167.30 จุด, +0.68% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,588.86 จุด เพิ่มขึ้น 62.75 จุด, +0.66% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,022.84 จุด เพิ่มขึ้น 8.15 จุด, +0.40% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,978.99 จุด เพิ่มขึ้น 12.54 จุด, +0.42% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,691.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, +0.32% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,032.63 จุด เพิ่มขึ้น 16.57 จุด, +0.24% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,817.49 จุด เพิ่มขึ้น 28.39 จุด, +0.49%
ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า เขาคิดว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนกำลังติดต่อสหรัฐเพื่อจัดการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และปธน.ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า โดยจีนหวังว่าสหรัฐจะดำเนินการเจรจาการค้าในลักษณะที่เท่าเทียมกัน และด้วยความจริงใจ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนต่อไป เนื่องจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลล์ หากการเจรจาระหว่างเขา และปธน.สี จิ้นผิง ประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ การประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ซึ่งหากการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเกิดขึ้นจริง ก็จะถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมที่กรุงปักกิ่งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดบวก 9.53 จุด ขานรับผลประกอบการ บีพี
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,035.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.53 จุด หรือ +0.14%
หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.013 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บีพียังประกาศจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 10.25 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนหุ้นโอคาโด กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ พุ่งขึ้น 5% และหุ้นโครเกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก ดีดตัวขึ้น 6%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดทรงตัว หลังรายงานชี้ศก.ยูโรโซนขยายตัวเล็กน้อยใน Q3
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา หลังจากมีรายงานว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 3 ของยูโรโซนขยายตัวเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนร่วงลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเพียง 0.01% ปิดที่ 355.53 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,287.39 จุด ลดลง 48.09 จุด หรือ -0.42% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,978.53 จุด ลดลง 10.82 จุด หรือ -0.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,035.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.53 จุด หรือ +0.14%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีการขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2557 หลังจากที่มีการเติบโต 0.4% ในไตรมาส 2
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 0.4% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส
ทางด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนร่วงลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดยแตะระดับ 109.8 ในเดือนต.ค. จากระดับ 110.9 ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การร่วงลงของดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในเดือนต.ค. เป็นการดิ่งลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
เมื่อพิจารณารายประเทศ ความเชื่อมั่นลดลงในเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี แต่เพิ่มขึ้นในสเปน
ส่วนความเชื่อมั่นในอังกฤษ ซึ่งอยู่นอกยูโรโซน ขยับขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นในธุรกิจค้าปลีกและภาคบริการ ซึ่งช่วยชดเชยการร่วงลงในภาคอุตสาหกรรม
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ร่วงลง 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซาในไตรมาส 3
ส่วนหุ้นบริติช ปิโตรเลียม (บีพี) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.8 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.013 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บีพียังประกาศจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 10.25 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 431.72 จุด รับทรัมป์ส่งสัญญาณพร้อมทำข้อตกลงการค้าจีน,ผลประกอบการสดใส
ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะทำข้อตกลงกับจีน เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโคคา โคล่า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,874.64 จุด พุ่งขึ้น 431.72 จุด หรือ +1.77% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,161.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.36 จุด หรือ +1.58% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,682.63 จุด เพิ่มขึ้น 41.38 จุด หรือ +1.57%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า เขาคิดว่าสหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงทางการค้าครั้งใหญ่กับจีน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนกำลังติดต่อสหรัฐเพื่อจัดการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และปธน.ทรัมป์ นอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า โดยจีนหวังว่าสหรัฐจะดำเนินการเจรจาการค้าในลักษณะที่เท่าเทียมกัน และด้วยความจริงใจ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนต่อไป เนื่องจากปธน.ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลล์ หากการเจรจาระหว่างเขา และปธน.สี จิ้นผิง ประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ การประชุม G20 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ซึ่งหากการประชุมสุดยอดระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิงเกิดขึ้นจริง ก็จะถือเป็นการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมที่กรุงปักกิ่งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 5.2% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 0.3% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 9.3% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.7%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.05% หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 4.14% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.16% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.26% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.23%
หุ้นกลุ่มขนส่งปรับขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นแคนซัส ซิตี้ เซาเทิร์น พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 1.01% และหุ้นไรเดอร์ ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.6%
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 27.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 25 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.44 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.42 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโคคา-โคล่า พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 58 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 8.25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจะมีกำไรที่ระดับ 55 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ 8.17 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 137.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2543 ปี จากระดับ 135.3 ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 136.0
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ดุลการค้าเดือนก.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.
อินโฟเควสท์