WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

8 ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัว แม้ระยะสั้นยังผันผวน แต่มองตลาดฯปรับลงมากแล้ว ,Bond Yield สหรัฐฯอ่อนตัวลง

      นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว แม้ว่าระยะสั้นจะยังมีความผันผวนสูง แต่ตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ได้ลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ซึ่งการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลออกมาชะลอตัว ทำให้มองกันว่าอนาคตธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย

         นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราราคาหุ้นก็มีน่าสนใจในแง่ของ Valuation ด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะอิงไปทางบวก พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ และติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 3/61 ของยุโรปในวันที่ 30 ต.ค.นี้

      พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,650 จุด

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดร่วงเกือบ 300 จุดเมื่อวันศุกร์

      ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างอัลฟาเบทและอเมซอนได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก และได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 3

      ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,323.61 จุด เพิ่มขึ้น 139.01 จุด, +0.66% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,593.59 จุด ลดลง 5.26 จุด, -0.20% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,955.79 จุด เพิ่มขึ้น 238.16 จุด, +0.96% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,515.43 จุด เพิ่มขึ้น 26.25 จุด, +0.28% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,026.68 จุด ลดลง 0.47 จุด, -0.02% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,989.63 จุด เพิ่มขึ้น 17.61 จุด, +0.59% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,682.55 จุด ลดลง 0.51 จุด, -0.03%

      ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทรายใหญ่ทั้งสองแห่งได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.4% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้เป็นการประมาณการครั้งที่ 1 ของกระทรวงฯ

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดร่วง 296.24 จุด ผลประกอบการอัลฟาเบท-อเมซอนอ่อนแอฉุดหุ้นเทคโนฯดิ่งหนัก

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (26 ต.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างอัลฟาเบทและอเมซอนได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก และได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดด้วยเช่นกัน

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,688.31 จุด ร่วงลง 296.24 จุด หรือ -1.19% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,167.21 จุด ลดลง 151.12 จุด หรือ -2.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,658.69 จุด ลดลง 46.88 จุด หรือ -1.73%

     ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 3% ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 3.9% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 3.8%

      ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทอเมซอน และอัลฟาเบท โดยอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 3.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.404 หมื่นล้านดอลลาร์

       ทางด้านอเมซอนเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 5.66 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อเมซอนคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 4 ของบริษทจะอยู่ในช่วง 6.65 - 7.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 7.379 หมื่นล้านดอลลาร์

       ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 4 ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับอเมซอน เนื่องจากเป็นไตรมาสที่มีเทศกาลวันหยุดและทางบริษัทเคยทำยอดขายได้จำนวนมาก ขณะที่อเมซอนระบุว่า การที่บริษัทปรับขึ้นค่าแรงในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

                ผลประกอบการที่อ่อนแอของอัลฟาเบทและอเมซอนส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นอเมซอน ร่วงลง 7.8% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 1.8% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 4.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.7% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 3.7% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 2.7% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.7%

                นอกจากนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทรายใหญ่ทั้งสองแห่งยังได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า GDP ประจำไตรมาส 3 ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.4% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของผู้บริโภค ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้เป็นการประมาณการครั้งที่ 1 ของกระทรวงฯ

                ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 1.6% ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.2%

                สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 98.6 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.0 หลังจากแตะระดับ 100.1 ในเดือนก.ย.

                ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!