- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 26 October 2018 14:00
- Hits: 6868
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้น-เล็งรับแรงซื้อคืน-ดาวโจนส์กลับมาบวก-กบข.ตั้งกองทุนลงทุนหุ้น
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากแรงซื้อคืนจากการทำ Short Covering นอกจากนี้ตลาดต่างประเทศก็ฟื้นตัวขึ้นได้ด้วย โดยดาวโจนส์เมื่อคืนที่ผ่านมาได้บวกกลับขึ้นมาได้
นอกจากนี้ ยังมีข่าวที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จะตั้งกองทุนลงทุนหุ้นที่ผ่านเกณฑ์สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ด้วย รวมไปถึงเมื่อวานนี้กองทุนได้พลิกกลับมาซื้อสุทธิกว่า 4,000 ล้านบาท ถือว่ามากเหมือนกัน โดยเห็นได้ชัดจากแรงซื้อของกองทุน LTF-RMF
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังติดลบ แม้วานนี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สจะอยู่ในแดนบวกได้ แต่เช้านี้ติดลบกว่า 100 จุด และราคาน้ำมันก็อยู่ในทิศทางอ่อนตัวลงด้วย ทำให้การฟื้นตัวของตลาดบ้านเราในวันนี้อาจจะไม่มาก และมองว่าตลาดฯยังมีความผันผวนต่อไป
อย่างไรก็ดี แนะจับตาตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/61 ของสหรัฐฯ และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/61 ต่อไป
พร้อมให้แนวรับ 1,630 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660-1,665 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,984.55 จุด พุ่งขึ้น 401.13 จุด (+1.63%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,705.57 จุด เพิ่มขึ้น 49.47 จุด (+1.86%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,318.34 จุด เพิ่มขึ้น 209.94 จุด (+2.95%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 172.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 37.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 49.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.27 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 8.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ต.ค.61) 1,644.33 จุด เพิ่มขึ้น 20.96 จุด (+1.29%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 4,129.23 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ต.ค.61) ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ต.ค.61) ที่ 5.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.95 อ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 32.95-33.05 จับตา Fund Flow-GDP Q3/61 สหรัฐฯ
- "รัฐบาล"จี้"แบงก์ชาติ"วางมาตรการช่วยเหลือ "เอสเอ็มอี" เพิ่ม เปิดช่อง กลุ่มปรับโครงสร้างหนี้-เอ็นพีแอล เข้าถึงสินเชื่อได้ จากปัจจุบันไม่สามารถปล่อยกู้ได้ พร้อมชู แผนระยะยาวเจียดภาษีนิติบุคคล 1% ตั้งกองทุน อุ้มเอสเอ็มอี ด้าน "สมคิด" สั่งเพิ่มเงินกองทุน ประชารัฐแตะ 1 แสนล้านดูแลคนชรา ขณะ "พลังงาน"กำชับ ปตท.หารือแบงก์กรุงไทย เคลียร์ระบบเครื่องรูดบัตรน้ำมันวินมอเตอร์ไซค์
- สมาคมเอไอทีไอเอมั่นใจ สงครามการค้าจีน-สหรัฐคลี่คลาย หลังการเจรจาของผู้นำ 2 ประเทศในจี 20 มั่นใจเศรษฐกิจจีน โตต่อเนื่องจาก 3 อุตสาหกรรมภายในประเทศ เผยรัฐบาลจีนเตรียมมาตรการรับผลกระทบระยะยาว เล็งเพิ่มปริมาณการค้าจีน-อาเซียน นำทัพนักธุรกิจจีน 10 มณฑล 200 ราย บุกไทย จับคู่ธุรกิจเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
- "อุตตม"สั่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) แก้ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 ยกเลิกอายุ "ใบอนุญาต รง.4" ที่เดิมต้องต่ออายุทุก 5 ปี หวังช่วย"ผู้ประกอบการ"ไม่ต้องยื่นเรื่องขอต่อใบอนุญาต ลดความยุ่งยาก เผย 6 หมื่นโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศได้ประโยชน์ เร่งชง ครม.-สนช.พิจารณา มีผลไม่เกินต้นปีหน้า เป็นของขวัญปีใหม่ "ส.อ.ท." ขานรับเต็มพิกัด
- "ปลัดคมนาคม" เผย เตรียมเสนอ ครม.สัญจรเชียงราย อนุมัติ 5 โครงการใหญ่ เดินหน้าแหลมฉบังเฟส 3, ศูนย์ซ่อม MRO ที่อู่ตะเภา และมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ พร้อมชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม สศช.ดันรถไฟสีแดงต่อขยายและทางคู่เฟส 2 เข้า ครม.ภายในปลายปี มอบนโยบายขับเคลื่อน ทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบปี 62 เร่ง ทล.แก้ปม ค่าเวนคืนบางใหญ่โป่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 110 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/61 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 13,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%qoq และ 32%yoy จากผลกำไรของธุรกิจปิโตรฯสายอะโรเมติกซ์ที่สูงขึ้น ตาม PX spead ที่กว้างขึ้น
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 60 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/61 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 980 ลบ. +8% Q-Q, +51% Y-Y เพราะเป็น High Season ของการปล่อยสินเชื่อ และการเปิดสาขาใหม่อีก 120 แห่ง อยู่ที่ 3,000 แห่ง และคาดจะทะลุ 1 พัลบ. ได้ใน Q4/61 คาดกำไรทั้งปี 3,808 ลบ. +52% Y-Y และปีหน้า 5,388 ลบ. +42% Y-Y และเป็นหุ้นใน SET50 ที่ราคาปรับตัวลงแรงเกิน 5% ในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมา จึงคาดว่าจะเห็นการฟื้นกลับได้เร็วในช่วงตลาดรีบาวด์
- PTTEP (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 160 บาท ผลประกอบการ Q3/61 ต่ำกว่าคาด เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยต่ำ ขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยสูงกว่าคาด แต่แนวโน้มผลประกอบการ Q4/61 คาดปรับตัวขึ้น จากผลบวกทั้งจากปริมาณขายที่คาดเพิ่มขึ้น และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้นตามราคาก๊าซฯ รวมถึงต้นทุนต่อหน่วยที่คาดลดลง QoQ ด้านเทคนิครีบาวด์ แนวต้าน 142 บาท แนวรับ 136 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 400 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,440.84 จุด เพิ่มขึ้น 172.11 จุด, +0.81% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,610.90 จุด เพิ่มขึ้น 7.10 จุด, +0.27% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,031.49 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด, +0.15% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,570.19 จุด เพิ่มขึ้น 49.40 จุด, +0.52% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,066.57 จุด เพิ่มขึ้น 3.27 จุด, +0.16% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,004.35 จุด ลดลง 8.49 จุด, -0.28% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,690.48 จุด เพิ่มขึ้น 3.89 จุด, +0.23%
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินและรถยนต์
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 41.12 จุด เงินปอนด์อ่อนหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,004.10 จุด เพิ่มขึ้น 41.12 จุด หรือ +0.59%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ เทสลา และฟอร์ด มอเตอร์
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับหุ้นบริษัทข้ามชาติที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นสมิธ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านวิศวกรรม พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นโรลส์-รอยซ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 3.81%
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเช่นเดียวกับสกุลเงินยูโรนั้น มาจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ทั้งนี้ ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนในปีหน้า พร้อมกับประกาศเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้ หากข้อมูลที่ ECB ได้รับ ยืนยันถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะกลาง
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งแรง,นักลงทุนจับตางบประมาณอิตาลี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ด้านงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณประจำปี 2562 ของอิตาลี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 355.06 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,307.12 จุด เพิ่มขึ้น 115.49 จุด หรือ +1.03% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,032.30 จุด เพิ่มขึ้น 79.21 จุด หรือ +1.60% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,004.10 จุด เพิ่มขึ้น 41.12 จุด หรือ +0.59%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้กลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ เทสลา และฟอร์ด มอเตอร์
หุ้นยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2561 พุ่งขึ้นเกือบ 32% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินการที่แข็งแกร่งของธุรกิจวาณิชธนกิจ
ส่วนหุ้นบริษัทอื่นๆที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเปอร์โยต์ ดีดตัวขึ้น 6.7% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลน์ส กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.8%
สำหรับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ทั้งนี้ ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนในปีหน้า พร้อมกับประกาศเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.ปีนี้ หากข้อมูลที่ ECB ได้รับ ยืนยันถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะกลาง
สำหรับกรณีการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า เขาไม่สามารถคาดการณ์ระดับหนี้สินของอิตาลี แต่เขามีความเชื่อมั่นว่าอิตาลีจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ EU ในประเด็นการขาดดุลงบประมาณในที่สุด
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ประกาศว่า อิตาลีจะต้องทำการทบทวนข้อเสนอร่างงบประมาณประจำปีหน้า นอกจากนี้ EU ยังได้แสดงความกังวลต่อการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี
รัฐบาลอิตาลีได้เพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า แม้ว่ารัฐบาลชุดเดิมของอิตาลียืนยันรักษาตัวเลขขาดดุลที่ 0.8% ของ GDP และ EU มองว่าร่างงบประมาณปี 2562 ของอิตาลีขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU
ทั้งนี้ EU กำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 401.13 จุด ขานรับผลประกอบการแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (25 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์, เทสลา และคอมแคสต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,984.55 จุด พุ่งขึ้น 401.13 จุด หรือ +1.63% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,705.57 จุด เพิ่มขึ้น 49.47 จุด หรือ +1.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,318.34 จุด เพิ่มขึ้น 209.94 จุด หรือ +2.95%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและแรงขายที่ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย โดยไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2561 ซึ่งถือเป็นไตรมาส 1/2562 ของปีงบดุลบัญชีบริษัทนั้น พุ่งขึ้น 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นไมโครซอฟท์ปิดตลาดพุ่งขึ้น 5.8% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.2% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 7.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 4.4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.6% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 4.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 4.4%
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 9.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 311.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.90 ดอลลาร์/หุ้น เทียบกับที่ขาดทุน 619.4 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.70 ดอลลาร์/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเทสลาสามารถทำกำไรรายไตรมาสเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐในปี 2553
หุ้นคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 65 เซนต์/หุ้น ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 61 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 2.2135 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.1819 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 15.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 21 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ 758 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 702.6 ล้านดอลลาร์
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 9.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินและรถยนต์
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO15429