WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

16ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ซึมลง เหตุขาดปัจจัยใหม่หนุน-รอดูหลายปัจจัยตปท.-Fund Flow ยังไหลออก
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ซึมลง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่หนุน และยังต้องรอดูหลายปัจจัยในต่างประเทศ อย่างเรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และเรื่องงบประมาณของอิตาลีที่มีแนวโน้มทางสหภาพยุโรป (อียู) อาจจะไม่ให้ผ่าน ซึ่งอาจจะต้องไปปรับแก้ใหม่
 
นอกจากนี้เงินทุนต่างประเทศยังไหลออกต่อเนื่อง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิมาก และในตลาดฟิวเจอร์ก็ได้ทำ Short ไว้มากเหมือนกัน
 
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อยราว 0.2% พร้อมให้แนวรับ 1,665-1,650 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675-1,682 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,444.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.89 จุด (+0.26%), ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,767.78 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.04%),  ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,449.03 จุด ลดลง 36.11 จุด (-0.48%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 157.87 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 15.17 จุด,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 106.93 จุด,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 47.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.20 จุด,ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.88 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ต.ค.61) 1,667.91 จุด ลดลง 15.00 จุด (-0.89%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 6,179.22 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ต.ค.61) ปิดที่ 69.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.7%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ต.ค.61) ที่ 5.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.60 ทรงตัว ตลาดรอติดตามตัวเลขส่งออกของไทย-การประชุม ECB
- โลกป่วน 5 ปัจจัยเสี่ยง สงครามการค้า เฟดขึ้นดอกเบี้ย น้ำมันดิบโลกทะยาน ภัยไซเบอร์ ความตึงเครียดสหรัฐ-ซาอุฯ ส่อฉุดเศรษฐกิจไทยปลายปีนี้ถึงปีหน้าแผ่ว "สมคิด"สั่งพึ่งดีมานด์ในประเทศ เบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ เตรียมออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปีนี้ ขณะนักเศรษฐศาสตร์ห่วงโลก ผันผวน กระทบจีดีพีไทย
 
- นักวิเคราะห์คาด ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น จากปัจจัยความขัดแย้งด้านภูมิศาสตร์ การเมืองในหลายพื้นที่ของโลก การคว่ำบาตรอิหร่านของรัฐบาลสหรัฐ ขณะกระทรวงพลังงานตั้งรับราคาน้ำมันโลก คงมาตรการ 3 แนวทางคุมดีเซลไม่เกิน 30 บาท
 
- ต่างชาติเทขายหุ้นไทยไม่หยุด เผยปีนี้ขายรวมกว่า 2.58 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้ผลจากทุนนอกปรับพอร์ตหันลงทุนพันธบัตรสหรัฐ หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี พุ่งแตะ 3.2% แจงไทยเป็นตลาดที่ถูกขายออกมากสุดอันดับ 4 ในภูมิภาค นักวิเคราะห์ คาดแรงขายลากยาวถึงพ.ย. แต่มูลค่าส่อน้อยลง
 
- อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผยช่วงปลายปีที่ผลผลิตมันสำปะหลังจะออกสู่ตลาด กรมจะลงพื้นที่หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และกรมศุลกากร เพื่อหาแนวทางการกำกับดูแลการนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลังด้อยคุณภาพเข้าสู่ประเทศ เน้นการควบคุมรถบรรทุกน้ำหนักที่เกินกว่าปริมาณที่ระบุไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า หากป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลดีกับราคาหัวมันสด ที่เกษตรกรจะได้รับในฤดูเก็บเกี่ยวที่ใกล้จะมาถึงนี้
 
- ก.ล.ต.เผยมีแนวคิดที่จะเปิดให้บลจ.จัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ หลังเห็นผู้ลงทุนสนใจอยากลองลงทุนเพิ่มมากขึ้น หวังดึงมืออาชีพเข้ามาช่วยกลั่นกรองและกระจายความเสี่ยง ฟากนายกสมาคมบลจ.มองความต้องการยังจำกัดเฉพาะกลุ่ม และการตีมูลค่าสินทรัพย์ยังทำได้ยาก คาดต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิด
 
- กรมท่าอากาศยานชงคมนาคมเข็นสนามบินหัวหินเปิดประมูลให้เอกชนบริหาร หวังเร่งพัฒนาขีดความสามารถรองรับไทยแลนด์ริเวียร่า มั่นใจเข้า ครม.พร้อมทันรัฐบาลชุดนี้ ระบุศักยภาพด้านการท่องเที่ยวจะดูดความสนใจเอกชนแห่ประมูลแน่น
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 24.10 บาท คาดกำไรปกติ Q3/61 ที่ 221 ล้านบาท +21% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ทรงตัว Y-Y จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูง ก่อนจะไปกระชากแรงอีกครั้งใน Q4/61 เพราะชิ้นส่วนเครื่องจักรการเกษตรกลับมาเพิ่มขึ้น และมีการส่งมอบชิ้นส่วนให้กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ Tier 1 ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่มาจากการผลิตชิ้นส่วนให้รถกระบะ ซึ่งยอดขายมักเร่งตัวขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้ง ด้าน PE2561-2562 ต่ำเพียง 9-10 เท่า ค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 12 เท่า
 
- SVI (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 6.3 บาท ราคาปรับตัวลงเป็นโอกาสทยอยซื้อ คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ Q1/61 และจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องอีกใน Q3/61 และ Q4/61 จากยอดขายและมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น
 
- PTTEP (ไอร่า) เป้า 159 บาท ยังได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง โดยคาดผลการดำเนินงานปกติของ PTTEP ในช่วง Q3/61 มีผลกำไรสุทธิ 12,237 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบ ราคาก๊าซและปริมาณการผลิตที่สูงขึ้น และได้รับผลบวกจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท ในรูปของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึง Deferred tax from Functional currency ขณะที่ปริมาณผลิตในช่วง Q3/61 คาดอยู่ที่ 308 kboed เพิ่มขึ้น 1.7% qoq คาดการผลิตมีสัดส่วนก๊าซและน้ำมันดิบอยู่ที่ 70% : 30% แนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 78 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 4 ปี จากการผลิตที่ลดลงจากเวเนซุเอลา และการแซงชั่นอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้การผลิตของอิหร่านลดลงเช่นกัน และอยู่ระหว่างรอยื่นประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ โดยคาด PTTEP มีความได้เปรียบในการประมูลเนื่องจากเป็นผู้ประกอบการเดิม และเงื่อนไขการประมูลให้น้ำหนักกับความมั่นคงต่อเนื่องของการผลิตและการจ้างงานคนไทยด้วย
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ นักลงทุนวิตกเศรษฐกิจจีน
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,374.21 จุด ลดลง 157.87 จุด, -0.70% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,565.64 จุด เพิ่มขึ้น 15.17 จุด, +0.59% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,668.33 จุด เพิ่มขึ้น 106.93 จุด, +0.42% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,871.30 จุด ลดลง 47.96 จุด, -0.48% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,143.08 จุด ลดลง 13.18 จุด, -0.61% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,057.31 จุด ลดลง 5.20 จุด, -0.17% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,730.26 จุด ลดลง 1.88 จุด, -0.11%
 
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้ออกมาให้คำมั่นว่ารัฐบาลจีนจะให้การสนับสนุนภาคเอกชนอย่างจริงจัง ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่รัฐบาลจีนต้องการบรรเทากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
 
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายสีได้สนับสนุนให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการพัฒนาธุรกิจและดำเนินการตามแนวทางทางที่เป็นจริงเพื่อให้ธุรกิจมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยนายสีได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวผ่านทางจดหมายที่ส่งถึงบริษัทเอกชนที่มีส่วนร่วมในโครงการบรรเทาความยากจน
 
นายสียังกล่าวด้วยว่า ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การนวัตกรรม การจ้างงาน และการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ ยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 22.81 จุด สวนทางภูมิภาค
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) สวนทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ร่วงลงจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งเรื่องงบประมาณระหว่างอิตาลีกับสหภาพยุโรป (EU)
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 22.81 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 7,049.80 จุด
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ กรุ๊ป ทะยาน 3.76% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์นบวก 3.11% หุ้นยูนิลีเวอร์บวก 3.11% หุ้นอีซี่เจ็ท ร่วงลง 6.32%
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกสวนทางกับตลาดอื่นๆในยุโรปที่ปิดในแดนลบ หลังมีรายงานว่าสหภาพยุโรปอาจปฏิเสธข้อเสนองบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลี โดย Der Spiegel ซึ่งเป็นสื่อของเยอรมนี รายงานว่า EU ได้ปฏิเสธแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลอิตาลี และกำลังส่งจดหมายแจ้งผลการพิจารณางบประมาณของอิตาลีไปยังกรุงโรม
 
ทางด้านนายกุนเทอร์ ออตติงเจอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการงบประมาณของ EU กล่าวว่า รายงานของสื่อมีความคลาดเคลื่อน แต่เขายอมรับว่า ในความเห็นของเขา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ EU จะขอให้อิตาลีแก้ไขร่างงบประมาณ
 
รัฐบาลอิตาลีได้ส่งร่างงบประมาณแก่ EU เมื่อคืนวันจันทร์ โดยรัฐบาลอิตาลีต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า
 
EU กำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก
 
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาเรื่องการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit) ว่าจะมีความคืบหน้าหรือไม่ โดยรายงานล่าสุดระบุว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้แสดงความพร้อมที่จะพิจารณายืดระยะเวลาในการดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างสมบูรณ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลาเจรจาการค้าได้มากขึ้น
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ เหตุวิตกความขัดแย้งอิตาลี-EU
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งเรื่องงบประมาณระหว่างอิตาลีกับสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 361.24 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,553.83 จุด ลดลง 35.38 จุด หรือ -0.31% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,084.66 จุด ลดลง 32.13 จุด หรือ 0.63% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,049.80 จุด เพิ่มขึ้น 22.81 จุด หรือ 0.32%
 
ทั้งนี้ มีรายงานว่าสหภาพยุโรปอาจปฏิเสธข้อเสนองบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลี โดย Der Spiegel ซึ่งเป็นสื่อของเยอรมนี รายงานว่า EU ได้ปฏิเสธแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลอิตาลี และกำลังส่งจดหมายแจ้งผลการพิจารณางบประมาณของอิตาลีไปยังกรุงโรม
 
ทางด้านนายกุนเทอร์ ออตติงเจอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการงบประมาณของ EU กล่าวว่า รายงานของสื่อมีความคลาดเคลื่อน แต่เขายอมรับว่า ในความเห็นของเขา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ EU จะขอให้อิตาลีแก้ไขร่างงบประมาณ
 
รัฐบาลอิตาลีได้ส่งร่างงบประมาณแก่ EU เมื่อคืนวันจันทร์ โดยรัฐบาลอิตาลีต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า
 
ทั้งนี้ EU กำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 64.89 จุด ขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (19 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลง
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 64.89 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 25,444.34 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 1.00 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 2,767.78 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 36.11 จุด หรือ 0.48% ปิดที่ 7,449.03 จุด
 
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ทะยาน 8.8% หุ้นเพย์พาลทะยาน 9.4% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสบวก 3.8% หุ้นสเก็ตเชอร์สพุ่ง 13.8% หลังบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
 
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์และอินเทลปรับตัวลงกว่า 2% หุ้นอีเบย์ร่วงลง 8.87%
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งได้ช่วยหนุนดาวโจนส์ให้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดี อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจนั้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 3.4% จากเดือนส.ค. แตะระดับ 5.15 ล้านยูนิต
 
เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ของปีก่อนหน้าแล้ว ยอดขายบ้านมือสองลดลง 4.1%
นักเศรษฐศาสตร์จาก NAR เปิดเผยว่า สาเหตุของการปรับตัวลดลงของยอดขายบ้านมือสองทั่วสหรัฐนั้น มาจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงราคาบ้านที่สูงขึ้น โดยราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 258,100 ดอลลาร์ในเดือนก.ย.
 
สต็อกบ้านในตลาดอยู่ที่ระดับ 1.88 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 1.91 ล้านยูนิตเมื่อเดือนส.ค. แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.86 ล้านยูนิต
 
เมื่อพิจารณายอดขายบ้านและสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 4.4 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.3 เดือนเมื่อเดือนส.ค. และยังเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.2 เดือนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
 
--อินโฟเควส
OO15252

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!