WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

25ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานหลังพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน-วอลุ่มเทรดไม่มาก-Fund Flow ยังไหลออก
 
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับฐาน โดยเมื่อวานนี้ที่มีหุ้นขนาดใหญ่ OSP เข้าเทรดวันแรก หากตัดออกไปจะเห็นได้ว่าวอลุ่มเทรดของตลาดรวมไม่ถึง 50,000 ล้านบาท ถือว่ายังไม่มาก ทำให้ตลาดฯยืนบวกได้ยาก และปัจจัยพื้นฐานยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดย Fund Flow ยังไหลออก ทำให้ตลาดฯน่าจะปรับฐาน
 
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยปัจจัยที่ยังต้องติดตามเป็นเรื่องของสงครามการค้า และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ส่วนบ้านเราก็ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 3/61 ต่อไป
 
พร้อมให้แนวรับ 1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.68 จุด ลดลง 91.74 จุด (-0.36%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.21 จุด ลดลง 0.71 จุด (-0.03%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.70 จุด ลดลง 2.79 จุด (-0.04%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 30.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.70 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 212.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 3.68 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.71 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.04 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.19 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.79 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ต.ค.61) 1,695.04 จุด ลดลง 2.83 จุด (-0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 3,452.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ต.ค.61) ปิดที่ 69.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.17 ดอลลาร์ หรือ 3%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ต.ค.61) ที่ 4.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.60/62 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังดอลล์แข็ง รับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในรอบหน้า
- "สมคิด"เรียก ททท.- บินไทย สั่งหามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี เล็งให้สิทธิพิเศษวีซ่าที่ขอรับการตรวจลงตรา รับมือตลาดจีนซบ แย้มจ่อบินเยือนจีนคุยร่วมมือเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวต้นเดือน พ.ย.นี้  ด้านเอกชนหนุนดันรายได้ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์-สุขภาพ ชี้โอกาสมหาศาล ระบุมูลค่าตลาดในเอเชียสูงกว่า 5 ล้านล้านบาท
 
- กูรูแนะจับตาความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก หวั่นกระทบถึงไทย "กสิกร"ห่วงดอกเบี้ยขึ้นฉุดฐานะการเงินบางประเทศส่อเบี้ยวหนี้ ชี้"ไทย" แม้โอกาสผิดนัดชำระหนี้ต่ำ แต่อาจโดนผลกระทบทางอ้อมผ่านตลาดการลงทุน ย้ำเงินบาทที่แข็งค่า ทำไทยเสียโอกาสร่วมแสนล้าน ด้าน"เวิลด์แบงก์" ห่วงเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน  กระทบตลาดลงทุนในไทย
 
- "พาณิชย์" ตั้งเป้าส่งออกปี 62 แบบทะเยอทะยาน โต 5-8% มูลค่า 2.68-2.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางสารพัดปัจจัยเสี่ยง ทั้งสงครามการค้า สถานการณ์ภายในของคู่ค้าสำคัญ ภัยพิบัติ ค่าเงินผันผวน ราคาน้ำมันพุ่ง แต่มั่นใจมีแผนรับมือครอบคลุมรอบด้าน เตรียมชง "สมคิด" พิจารณาวันนี้ ขณะที่ภาคเอกชนตั้งเป้าโตที่ 5-7%
 
- กสทช.เดินหน้าเทคโนโลยี 5จี เล็งทดลองระบบปี 2562 พร้อมทำแผนรองรับผลกระทบแรงงาน
- รฟท.กดปุ่มเปิดประมูลพื้นที่บางซื่อหมื่นล้าน ต้นปี 2562 ชูผลตอบแทนลงทุนกว่า 1.5 แสนล้าน ล่อใจเอกชน
- "พาณิชย์" ชง "สมคิด" วันนี้ ไฟเขียวขึ้นบัญชี "มะพร้าวและผลิตภัณฑ์" เป็นสินค้าควบคุม ก่อนใช้มาตรการให้แจ้งก่อนการขนย้าย หวังแก้ปัญหาลักลอบนำเข้า จนฉุด ราคาในประเทศตกต่ำ เผยจะเสนอให้พิจารณาข้อร้องเรียนของชาวสวน ที่ขอให้ชะลอนำเข้า 7 เดือนด้วย
 
- คจร.อนุมัติส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถึงแยกรัชโยธิน และสายสีชมพู จากสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี เข้าบรรจุในแผนแม่บทระบบขนส่งทางราง รับทราบความคืบหน้าสายสีน้ำตาล ทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอนเอ็น 2 ยันแยก โครงสร้างเสาก่อสร้าง นำร่องทางด่วนก่อน
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- BGC (บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สังกัดกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดบรรจุภัณฑ์ โดยเสนอขาย IPO ที่ 10.20 บาท/หุ้น บล.กสิกรไทย แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2562 ที่ 13.50 บาท มองเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจ ด้วยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผล (DY) ที่สูงในระดับ 6% สำหรับปี 2562-63 และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลเป็นรายไตรมาส
 
- PRM (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 9 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/61 โตสูงทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการแก้ไขธุรกิจที่เคยถ่วงและการรวมงบของ Big Sea ส่วนระยะยาวจะได้ประโยชน์จากลงทุนของกลุ่มพลังงาน ทำให้มีความต้องการใช้เรือเก็บน้ำมันและเรือขนส่งน้ำมัน+ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ ค่าระวางเรือขนน้ำมัน VLCC เพิ่มขึ้นกว่า 6% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ส่วน NVDR ที่ขายหนักในช่วงราคาหุ้นขึ้นก็เริ่มกลับมาซื้อ 4 วันทำการติดต่อกัน นอกจากนี้ PE2018-19 ที่ 15-19 เท่า ยังต่ำกว่าภูมิภาคที่ 30 เท่าด้วย
 
- MEGA (กสิกรไทย) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 49 บาท กลุ่มธุรกิจ MegaWeCare มีอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจ Maxxcare จะยังเติบโตในระดับที่ดีในปี 2561 ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ กัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ที่ระดับ 7-8% จากปัจจัยข้างต้นผสานกับ high season ในไตรมาส 4 จึงคาดการณ์กำไรครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 880 ลบ. เติบโต 40% YoY และ 62% HoH
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,871.28 จุด เพิ่มขึ้น 30.16 จุด, +0.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,544.91 จุด ลดลง 16.70 จุด, -0.65% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,674.66 จุด เพิ่มขึ้น 212.40 จุด, +0.83% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,975.46 จุด ลดลง 3.68 จุด, -0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,158.80 จุด ลดลง 8.71 จุด, -0.40% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,064.06 จุด ลดลง 7.04 จุด, -0.23% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,738.40 จุด ลดลง 2.19 จุด, -0.13% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,095.89 จุด ลดลง 3.79 จุด, -0.05%
 
รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 25-26 ก.ย. ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
 
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไปแม้ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 4.80 จุด ตลาดจับตานายกฯอังกฤษแถลงประเด็น Brexit
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เข้าแถลงต่อที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (EU) เรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,054.60 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.07%
นักลงทุนจับตานางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งมีกำหนดแถลงต่อที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (EU) เรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นชายแดนไอร์แลนด์เหนือ
 
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศคาดว่า นายกฯอังกฤษจะไม่สามารถนำเสนอข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับประเด็นที่ยังค้างคานี้ได้ ทั้งที่มีแผนการจัดการประชุมนัดพิเศษเรื่อง Brexit ในเดือนพ.ย. เพื่อที่จะลงนามในเงื่อนไขของข้อตกลงที่ตกลงได้ระหว่าง EU และอังกฤษ
 
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรลดลงสู่ระดับ 2.4% ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.6% หลังจากดีดตัวแตะระดับ 2.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
 
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การชะลอตัวของดัชนี CPI จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตก EU ปฏิเสธข้อเสนองบประมาณอิตาลี ขณะตลาดจับตาประเด็น Brexit
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธข้อเสนองบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ระดับ 363.54 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,144.95 จุด ลดลง 28.09 จุด หรือ -0.54% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,715.03 จุด ลดลง 61.52 จุด หรือ -0.52% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,054.60 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.07%
 
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังจาก Der Spiegel ซึ่งเป็นสื่อของเยอรมนี รายงานว่า EU ได้ปฏิเสธแผนการใช้จ่ายของรัฐบาลอิตาลี และกำลังส่งจดหมายแจ้งผลการพิจารณางบประมาณของอิตาลีไปยังกรุงโรม
 
ทางด้านนายกุนเทอร์ ออตติงเจอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการงบประมาณของ EU กล่าวว่า รายงานของสื่อมีความคลาดเคลื่อน แต่เขายอมรับว่า ในความเห็นของเขา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ EU จะขอให้อิตาลีแก้ไขร่างงบประมาณ
 
รัฐบาลอิตาลีได้ส่งร่างงบประมาณแก่ EU ในคืนวันจันทร์ โดยรัฐบาลอิตาลีต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีหน้า
 
ทั้งนี้ EU กำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก
 
นอกจากนี้ นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมสุดยอดผู้นำ EU โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอ Brexit ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ  อย่างไรก็ดี ผู้นำส่วนใหญ่ของ EU ดูเหมือนไม่มีความหวังว่าที่ประชุมจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นชายแดนของไอร์แลนด์
 
นักลงทุนจับตาดูว่า EU จะมีการจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย.หรือไม่ เพื่อทำการสรุป และให้การยอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับข้อตกลง Brexit ขณะที่นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ระบุว่า หาก EU มีการตัดสินใจจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย. ก็จะมีการจัดการประชุมกันในวันที่ 17-18 พ.ย.
 
หุ้นดาน่อน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลงกว่า 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3  อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้คงตัวเลขคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2561
 
หุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง ดีดตัวขึ้น 3.5% และหุ้นเอสที ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้น 0.8% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 91.74 จุด หลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.68 จุด ลดลง 91.74 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.21 จุด ลดลง 0.71 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.70 จุด ลดลง 2.79 จุด หรือ -0.04%
 
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 25-26 ก.ย. ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
 
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไปแม้ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน
 
หุ้น IBM ร่วงลง 7.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท ขณะที่หุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 3 เช่นกัน
 
หุ้นกลุ่มค้าปลีกชิ้นส่วนรถยนต์ร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นออโต้โซน ดิ่งลง 7.6% และหุ้นแอดวานซ์ ออโต้ พาร์ทส์ ร่วงลง 5.2%
หุ้นเทสลา ดิ่งลง 1.7% หลังจากทะยานขึ้นกว่า 6% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ศาลสหรัฐได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่างนายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในการยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการทวีตข้อความของนายทัสก์ในการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด
 
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารได้ปัจจัยหนุนจากการส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 3.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 0.2%
 
ส่วนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 89 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการเน็ตฟลิกซ์ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.09 ล้านรายในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 673,800 ราย
 
หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 5.9% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ย. โดยดิ่งลง 5.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.201 ล้านยูนิต จากระดับ 1.268 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.220 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.
 
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว จำนวนราว 90% ได้รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
 
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
 
--อินโฟเควสท์ 
OO15134

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!