WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก เล็งแรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้น-หุ้น OSP เทรดวันแรกหนุนวอลุ่มโป่ง
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากที่เมื่อคืนที่ผ่านมาดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นได้มาก จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดี ทำให้เป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันทั่วหน้ากว่า 1%
 
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นมา 3 วันติดต่อกัน ซึ่งก็เป็นผลดีต่อตลาดบ้านเรา ประกอบกับวันนี้หุ้นขนาดใหญ่คือ บมจ.โอสถสภา(OSP) เข้ามาเทรดวันนี้วันแรก น่าจะทำให้วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมน่าจะคึกคัก เป็นบวกต่อตลาดโดยรวม
 
พร้อมให้แนวรับ 1,690 ถัดไป 1,675-1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,705-1,710 ถัดไป 1,720 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,798.42 จุด พุ่งขึ้น 547.87 จุด (+2.17%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.92 จุด เพิ่มขึ้น 59.13 จุด (+2.15%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,645.49 จุด พุ่งขึ้น 214.75 จุด (+2.89%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 257.35 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 27.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 67.33 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 24.32 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 43.55 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.69 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการ เนื่องในเทศกาลชงโหย่ง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ต.ค.61) 1,697.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด (+0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 2,830.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 ต.ค.61) ปิดที่ 71.92 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2%
 
- เงินบาทเปิด 32.55 แข็งค่าจากวานนี้ตามสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ ตลาดรอติดตามรายงานประชุม FOMC-จับตากระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย
- กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยสถิตินักท่องเที่ยวจีน ก.ย. 6.48 แสนคน ติดลบเฉียด 15% รายได้ 3.68 หมื่นล้าน ลดลงกว่า 11% เหตุนักท่องเที่ยวจีนรอความชัดเจนมาตรการปลอดภัย หลังเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต ชะลอการเดินทางก่อนถึงโกลเด้นวีค ขณะ 9 เดือน ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 28.54 ล้านคน โต 8.71% เอกชนจี้รัฐเร่งออกมาตรการฟื้นตลาด หวั่นซึมยาวถึงต้นปีหน้า พลิกจับตลาดเที่ยวเองแทนกรุ๊ปทัวร์
 
- "อีไอซี-กรุงไทย" ฟันธงเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.5% จากปัจจัยหนุน "ส่งออก-ท่องเที่ยว" ส่วนปีหน้าแม้แนวโน้มโตชะลอ แต่การขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศทั้ง "บริโภค-ลงทุน" เริ่มฟื้นแนะจับตาผลกระทบเงินทุนเคลื่อนย้ายกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มั่นใจเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งรับมือได้
 
- ท่าอากาศยานไทยเร่งแก้ข้อพิพาทก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ยันเป็นไปตามคำแนะนำ ICAO
- 2 แบงก์ประสานเสียงลด จีดีพีปี 2562 ลง ไทยพาณิชย์ให้ 4% ด้านกรุงไทยคาดว่าปีหน้าโต 4.3%
- "รฟม.-กทม." ทำความเข้าใจโอนหนี้สายสีเขียวลงตัว คาดชงครม.พ.ย.เซ็น MOU ก่อนเปิดเดินรถ 5 ธ.ค. 61 ขณะที่ รฟม.ยันเงื่อนไขต้องชัดเจน เหตุหนี้ยังต้องรอโอนหลังกทม.กู้เงิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นก.พ.62 เหตุ สบน.สรุปแผนหนี้ปี 62 ไปแล้ว โดยรายงานคืบหน้าคจร.วันนี้ (17 ต.ค.) พร้อมขอเพิ่มส่วนต่อขยาย "โมโนเรลสีเหลืองและสีชมพู" ในแผนแม่บทฯ
 
- ส.อ.ท. เกาะติดสงครามการค้าจีนและสหรัฐฯ ใกล้ชิดหลังสหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนระลอก 2 ไทยหนีไม่พ้นแน่ แม้ปีนี้ยังมองว่าส่งออกจะโตได้ 9-10% แต่ ปีหน้าส่อลดเหลือโต 4-5%
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- OSP (บมจ. โอสถสภา) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยเสนอขาย IPO ที่ 25 บาท/หุ้น โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม เช่น เอ็ม-150, เอ็ม-สตอร์ม, ลิโพวิตัน-ดี, ฉลาม, ชาร์คคูลไบท์, โสมอิน-ซัม, เอ็มเกลือแร่, เอ็ม-เพรสโซ และเปปทีน 2) ธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ที่ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กภายใต้แบรนด์ "เบบี้มายด์" และกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิงภายใต้แบรนด์ "ทเวลฟ์พลัส" นอกจากนี้ บริษัทยังมีการให้บริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน ได้แก่ บริการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายสินค้าให้กับบุคคลภายนอก และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ ลูกอมภายใต้แบรนด์โอเล่ และโบตัน
 
- QH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.90 บาท มองหุ้น laggard มีโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้น leader ในระยะนี้ ซึ่ง QH ดูจะเป็นหุ้น laggard ที่น่าสนใจสุด เพราะแนวโน้มกำไร Q3/61 คาดโตทั้ง Q-Q, Y-Y และได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาฯจำกัด อีกทั้ง ปันผลเฉพาะ H2/61 สูงถึง 3-4% ด้านราคาหุ้น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 7% แย่กว่า SET100 ที่ลง 4% ขณะที่ PE และ PBV ที่ 9 เท่า และ 1.3 เท่า อยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอดีตทั้งคู่
 
- UTP (เอเอสแอล) "ซื้อ"เป้า 14.35 บาท แนวโน้มผลประกอบการ Q3/61 ยังคงเติบโต จากกำลังการผลิตกระดาษใหม่ที่เข้ามาตั้งแต่ปลาย Q3/60 หนุนต่อเนื่องด้วยปริมาณการผลิต และอัตราการทำกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (NPM: H1/60 11.3%, H1/62 19%) ด้านราคาอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับผลประกอบการที่เติบโต โดยปัจจุบัน PE Ratio อยู่ที่ 13x หากเทียบกับ PE Ratio ของค่าเฉลี่ย 1 ปี และ SET Index ที่ 20.4x และ 16.7x
 
- BBL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 245 บาท คาด Q3/61 มีกำไรสุทธิประมาณ 9,069 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11%yoy หดตัว 1%qoq ระยะกลางคาด BBL จะได้ผลบวกมากที่สุดจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นเนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้ารายใหญ่ (Corporate loan) สูงสุดของกลุ่ม
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 500 จุด
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,806.59 จุด เพิ่มขึ้น 257.35 จุด, +1.14% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,574.31 จุด เพิ่มขึ้น 27.98 จุด, +1.10% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,048.43 จุด เพิ่มขึ้น 67.33 จุด, +0.67% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,169.44 จุด เพิ่มขึ้น 24.32 จุด, +1.13% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,077.86 จุด เพิ่มขึ้น 43.55 จุด, +1.44% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,741.53 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด, +0.27% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการเนื่องในเทศกาลชงโหย่ง
 
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านขยับขึ้น 1 จุด อยู่ที่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการก่อสร้างที่ลดลงจากการร่วงลงของราคาไม้
 
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ย. โดยปรับตัวขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
 
ขณะที่สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) รายเดือน ซึ่งพบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นแตะระดับ 7.14 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนตัวเลขการจ้างงานแตะระดับ 5.78 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
 
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 25-26 ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 30.18 จุด รับดาวโจนส์พุ่งแรง
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปและสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,059.40 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด หรือ +0.43%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป โดยได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ที่ดีดตัวขึ้นกว่า 500 จุด หลังจากบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่หลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
 
 
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น คณะรัฐมนตรีอังกฤษได้เปิดฉากการประชุมขึ้นเมื่อวานนี้ โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ พยายามที่จะโน้มน้าวให้ที่ประชุมได้รับทราบและมั่นใจว่า ประเด็นที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น จะไม่กลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้การเจรจาคว้าน้ำเหลว
 
ทั้งนี้ หนึ่งในประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้และมีความสำคัญ ได้แก่ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าและการเดินทางเข้าออกไอร์แลนด์เหนือ ภายหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของ EU แล้ว
 
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับประเด็น Brexit
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ตัวเลขค่าจ้าง ซึ่งไม่นับรวมเงินโบนัส พุ่งขึ้น 3.1% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี
 
นอกจากนี้ ONS ยังเปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้าง ซึ่งรวมเงินโบนัส เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย.-ส.ค. ส่วนจำนวนคนว่างงานลดลง 47,000 คน สู่ระดับ 1.36 ล้านคนในเดือนมิ.ย.-ส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางทศวรรษ 1970 ส่วนจำนวนผู้มีงานทำลดลง 5,000 คน อยู่ที่ระดับ 32.39 ล้านคน
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่งตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะนลท.จับตาประชุมผู้นำ EU
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในประเด็นที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ 364.99 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,059.40 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,776.55 จุด เพิ่มขึ้น 162.39 จุด หรือ +1.40% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,173.05 จุด เพิ่มขึ้น 77.98 จุด หรือ +1.53%
 
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นกว่า 500 จุด หลังจากบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่หลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 3 ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
 
หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 4.7% ขณะที่หุ้นไวร์คาร์ด ผู้ให้บริการด้านการเงิน ปรับตัวขึ้น 3.07%
 
อย่างไรก็ตาม หุ้นคาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของฝรั่งเศส ปรับตัวลง 2.1% ขณะที่หุ้น AXN ซึ่งเป็นบริษัทการเงินของฝรั่งเศส ขยับลง 0.3%
 
ส่วนหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ดิ่งลง 4.6% หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 3.4% และหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ปรับตัวลง 2.29%
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
 
อย่างไรก็ดี ผู้นำส่วนใหญ่ของ EU ดูเหมือนไม่มีความหวังว่าที่ประชุมจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit กับอังกฤษในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความขัดแย้งกันเกี่ยวกับประเด็นชายแดนของไอร์แลนด์
 
นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป เรียกร้องให้นางเมย์ยื่นข้อเสนอใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นเพื่อแก้ไขภาะชะงักงันในการเจรจา นอกจากนี้ นายทัสก์ยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่มีความเชื่อมั่นว่าอังกฤษและ EU จะสามารถบรรลุข้อตกลงในสัปดาห์นี้
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 547.87 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,798.42 จุด พุ่งขึ้น 547.87 จุด หรือ +2.17% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.92 จุด เพิ่มขึ้น 59.13 จุด หรือ +2.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,645.49 จุด พุ่งขึ้น 214.75 จุด หรือ +2.89%
 
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 6.28 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.38 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 8.65 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.40 พันล้านดอลลาร์
 
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 5.7% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น  ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 9.87 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.55 พันล้านดอลลาร์
 
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.05 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.03 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.005 หมื่นล้านดอลลาร์
 
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทเปิดผยรายได้และกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ พร้อมประกาศเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
 
หุ้นอะโดบี ทะยานขึ้น 9.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 6.6% ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ศาลสหรัฐได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่างนายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในการยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการทวีตข้อความของนายทัสก์ในการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด
 
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 2.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 4% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 3.1% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 4.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.2%
 
หุ้นแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.576 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.648 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม กำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทพุ่งขึ้น 27% สู่ระดับ 7.52 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.84 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้รับอานิสงส์จากมาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
 
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านขยับขึ้น 1 จุด อยู่ที่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการก่อสร้างที่ลดลงจากการร่วงลงของราคาไม้
 
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ย. โดยปรับตัวขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ขณะที่สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) รายเดือน ซึ่งพบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน พุ่งขึ้นแตะระดับ 7.14 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนตัวเลขการจ้างงานแตะระดับ 5.78 ล้านตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
 
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบียอย่างใกล้ชิด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เจ้าหน้าที่ตุรกีและซาอุดิอาระเบียเตรียมเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายโมฮัมหมัด อัล-โอไตบี กงสุลใหญ่ซาอุดิอาระเบียประจำนครอิสตันบูล เพื่อหาเบาะแสการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดิอาระเบีย หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตุรกีได้เข้าตรวจค้นสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียเป็นเวลา 9 ชั่วโมง
 
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 25-26 ก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.
 
--อินโฟเควสท์
OO15077

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!