WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคหลัง Bond Yield-เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า รับผลศก.สหรัฐฯออกมาดี
 
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ (Bond Yield) ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.18% และเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้นด้วย รับผลจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดี ซึ่งก็เป็นลบต่อ Emerging Market
 
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้แรงขายของตลาดบ้านเรามีออกมาค่อนข้างมาก พร้อมให้ติดตามวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีแนวนโยบายเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง และในวันศุกร์นี้ก็ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
 
พร้อมให้แนวรับ 1,735-1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,828.39 จุด เพิ่มขึ้น 54.45 จุด (+0.20%) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,025.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด (+0.32%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,925.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด (+0.07%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 61.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 20.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 37.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.49 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 20.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.49 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 131.10 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ (4 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ต.ค.61) 1,741.96 จุด ลดลง 6.13 จุด (-0.35%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 972.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 ต.ค.61) ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ต.ค.61) ที่ 5.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.58 อ่อนค่าจากวานนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนดอลล์แข็ง มองกรอบวันนี้ 32.50-32.65
- "แบงก์ชาติ" เตรียมออกมาตรการคุมสินเชื่อบ้าน เปิดแถลงบ่ายวันนี้ หลังพบหนี้เสียพุ่งต่อเนื่อง พบแบงก์ปล่อยกู้สูงกว่าเกณฑ์ "แอลทีวี" เพิ่มเกือบ 50% วงการสถาบันการเงินคาด ธปท. จ่องัด 3 มาตรการคุม โดยขยับแอลทีวีบ้านหลังที่สอง เข้มภาระหนี้ต่อรายได้ คุมวงเงินรีไฟแนนซ์ ด้านนักวิเคราะห์ ชี้ผู้ประกอบการกู้ซื้อบ้านทำออฟฟิศ ต้นเหตุเอ็นพีแอลบ้านหรูพุ่ง
 
- ธปท.ห่วงนักท่องเที่ยวจีนหายวูบ เหตุสะเทือนใจเหตุการณ์เรือล่ม แถมเงินบาทแข็งค่าทำนักท่องเที่ยวรัสเซียหด
- แบงก์ชาติห่วงราคาน้ำมันสูงแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- สคร.เผยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยลงทุนกองทุน TFF ตั้งแต่ 12-19 ต.ค.นี้ เตรียมสรุปผลความต้องการของนักลงทุนสถาบัน 5 ต.ค.นี้ กำหนดราคาหน่วยลงทุนไว้ที่ 10 บาทต่อหน่วย กำหนดให้จองซื้อขั้นต่ำรายละ 1 หมื่นบาท
 
- กนง.มองเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปียังขยายตัวต่อเนื่อง ประเมินจีดีพี 4.4% ห่วงนโยบายกีดกันของอเมริกากระทบการค้าโลกและส่งออกไทย ชี้ผลกระทบเรือล่มน้อยกว่าที่คาดการณ์แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังติดลบ มองภาคอสังหาริมทรัพย์มีความเปราะบางเพิ่มขึ้น
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- EKH (หยวนต้า) "ซื้อเก็งกำไร" เป้า 6.80 บาทเนื่องด้วย 1) ราคาหุ้น ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้น 19% ในรอบ 2 เดือน ทำให้ราคา ณ ปัจจุบันเหลือ Upside เพียง 12% เท่านั้น แม้ว่า 2) นักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงยังไม่กระทบต่อธุรกิจลูกค้า IVF ที่ยังเติบโตได้ดี 3) แนวโน้มผลประกอบการใน Q3/61 คาดทำสถิติสูงสุด จากการเข้าสู่ High Season โรคระบาดที่มากขึ้น และผลบวกจากการเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก  และ 4) สำหรับปี 2562 คาดกำไรดีต่อเนื่อง จากการขยายพื้นที่ให้บริการศูนย์โรคไต  และเปิดศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่รองรับลูกค้าที่หนาแน่น
 
- PTTGC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 110 บาท ได้ Sentiment เชิงบวกจากโรงงาน NATPET ในซาอุฯที่เกิดเหตุไฟไหม้ ขณะที่ แนวโน้มกำไร Q3/61 ที่ชะลอจากการปิดซ่อมเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้หมดแล้ว ซึงถ้ามองข้ามไป Q4/61 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นยาวไปถึง Q1/62 จากโรงงานกลับมาผลิตได้ตามปกติ และ GRM ฟื้นตัวรับ High Season ปลายปี พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2561 +9.5% Y-Y เป็น 4.3 หมื่นลบ. และ +7% Y-Y เป็น 4.6 หมื่นลบ. ในปี 2562 ด้าน PE แค่ 8.5 เท่า และปันผลสูง 5.4% เหมาะลงทุนช่วงตลาดผันผวน
 
- GFPT (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 16.6 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/61 เพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยมีราคาไก่ที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยหนุนหลัก และได้ผลบวกจาก high season ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าอ่อนตัวลง หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง
 
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
 
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 26,635.01 จุด ลดลง 456.25 จุด, -1.68% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 24,054.80 จุด ลดลง 56.16 จุด, -0.23% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,792.44 จุด ลดลง 3.86 จุด, -0.21%
 
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยแอตแลนติก แมกาซีน เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ว่า เฟดมีแนวทางการดำเนินงานขององค์กรก่อนที่จะปรับอัตราดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นการปรับดอกเบี้ยในทิศทางของการดำเนินนโยบายคุมเข้มหรือผ่อนคลายก็ตาม
 
ในช่วงการถามตอบระหว่างการประชุม ซึ่งดำเนินรายการโดยจูดี้ วู้ดรัฟ แห่งสถานีโทรทัศน์ PBS นั้น นายพาวเวลกล่าวว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากซึ่งเฟดเคยเห็นว่ามีความจำเป็นในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะอ่อนแอนั้น ขณะนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว และไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในเวลานี้
 
ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ย.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ เนื่องจากรายได้จากการบริหารสินทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ณ สิ้นเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 4.03 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดระดับใหม่ เพิ่มขึ้น 1.87 พันล้านดอลลาร์จากระดับของเดือนส.ค.
 
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลงในเดือนส.ค. เนื่องจากกำไรที่ได้จากการบริหารจัดการทุนสำรองต่างประเทศนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นด้วย
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 35.73 จุด หลังตลาดคลายกังวลสถานการณ์อิตาลี
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) หลังจากรัฐบาลอิตาลีให้คำมั่นว่าจะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงในปี 2563-2564 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในอิตาลี
 
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.28 จุด เพิ่มขึ้น 35.73 จุด หรือ +0.48%
 
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปรับฐานขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิตาลี หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิตาลีได้แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลอิตาลีจะกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 ไว้ที่ 2.4% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) แต่รัฐบาลจะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2563 ลงเหลือ 2.1% และลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2564 ลงเหลือ 1.8% ของตัวเลข GDP
 
หุ้นไอทีวี สื่อรายใหญ่ของอังกฤษ ทะยานขึ้น 3.77% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนี FTSE 100 ขณะที่หุ้นคิงฟิสเชอร์ และหุ้นชโรเดอร์ พุ่งขึ้น 3% และ 2.85% ตามลำดับ
 
หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหราชอาณาจักรปรับตัวลดลงแตะ 53.9 ในเดือนก.ย. จากระดับ 54.3 ในเดือนส.ค.
 
ดัชนีที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของอังกฤษมีการขยายตัว ขณะที่ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 จะสะท้อนถึงภาวะหดตัว
มาร์กิตระบุว่า การปรับตัวลดลงของดัชนี PMI ภาคบริการสหราชอาณาจักร เป็นผลจากการชะลอตัวลงของยอดคำสั่งซื้อใหม่ ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป และทิศทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ตลาดคลายกังวลหลังรบ.อิตาลีลดเป้าหมายขาดดุลงบประมาณ
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีตตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลีให้คำมั่นว่าจะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงในปี 2563-2564
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 383.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,491.40 จุด เพิ่มขึ้น 23.51 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.28 จุด เพิ่มขึ้น 35.73 จุด หรือ +0.48% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการวันพุธที่ 3 ต.ค. เนื่องในวันรวมชาติเยอรมัน
 
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิตาลีได้แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลอิตาลีจะกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 ไว้ที่ 2.4% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) แต่จะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2563 ลงเหลือ 2.1% และลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2564 ลงเหลือ 1.8% ของตัวเลข GDP
 
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบังโค บีพีเอ็ม ซึ่งเป็นธนาคารของอิตาลี พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ ธนาคารของสเปน เพิ่มขึ้น 1.8% และหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ดีดตัวขึ้น 0.8%
 
หุ้นเทสโก้ ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
หุ้นแอสตัน มาร์ติน ผู้ผลิตรถยนต์หรู ดิ่งลง 4.7% หลังจากเปิดตัวซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ 54.7 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 54.4 เมื่อเดือนส.ค.
 
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนี อยู่ที่ 55.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. และดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของฝรั่งเศส อยู่ที่ 54.8 ในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 55.4 เมื่อเดือนส.ค.
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 54.45 จุด รับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนพุ่งเกินคาด,หุ้นแบงก์หนุนตลาด
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดาและเม็กซิโก
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,828.39 จุด เพิ่มขึ้น 54.45 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,025.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,925.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ +0.07%
 
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 230,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 168,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานในเดือนก.ย.ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 185,000 ตำแหน่ง
 
ทั้งนี้ การจ้างงานภาคเอกชนในเดือนก.ย.มีการเพิ่มขึ้นในวงกว้างทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่, กลาง และเล็ก โดยตัวเลขการจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 184,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 46,000 ตำแหน่ง
 
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 3.084% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 1.01% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.9%
 
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงได้แรงซื้อส่งเข้าหนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากการบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐ-แคนาดา-เม็กซิโกได้ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 1.53% หุ้น 3M ขยับขึ้น 0.2% และหุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.8%
 
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในเครือของ GM
 
หุ้นไมเคิล คอร์ส ผู้ผลิตกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของสหรัฐ ทะยานขึ้น 3% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไมเคิล คอร์ส อันเนื่องมาจากไมเคิล คอร์สประกาศทุ่มเงิน 2.1 พันล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ จิอันนี เวอร์ซาเช่ เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์หรูสัญชาติอิตาลี
 
หุ้นเจซี เพนนี ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 3.9% หลังจากทีมบริหารของบริษัทประกาศแต่งตั้ง จิล ซอลเต ให้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของเจซี เพนนี โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้
 
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 2% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 2.04% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 0.2%
 
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นและเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ขยับขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2% หลังจากที่ร่วงลงติดต่อกันสองวันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 61.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการสร้างดัชนีดังกล่าวในปี 2551 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58.0 จากระดับ 58.5 ในเดือนส.ค.
 
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของดัชนีภาคบริการของ ISM สวนทางกับการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ชะลอตัวสู่ระดับ 53.5 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนส.ค. และได้ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
 
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
 
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,  ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. และดุลการค้าเดือนส.ค.
 
--อินโฟเควสท์
 
OO14583

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!