WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงขาขึ้น เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯหลังราคาน้ำมันพุ่งแรง
 
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up โดยคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนที่ผ่านมาได้พุ่งขึ้นแรง เนื่องจากตลาดบ้านเรามีน้ำหนักจากหุ้นน้ำมันค่อนข้างมาก
 
นอกจากนี้ ได้รับอานิสงส์จากที่สหรัฐฯบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียได้ตอบรับไปในระดับหนึ่งแล้วเมื่อวานนี้ และเช้านี้ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ก็เกิด Sell on fact
 
อย่างไรก็ดีตลาดฯอาจจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่ใกล้จะทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 ในช่วงกลางเดือนนี้ ซึ่งฝ่ายวิจัยก็คาดว่ากลุ่มแบงก์ในไตรมาส 3/61 จะมีกำไรเติบโต 6.7% yoy จากการตั้งสำรองลดลงหลังเลื่อนใช้เกณฑ์ IFRS9 แต่จะลดลง 5% qoq เนื่องจากไตรมาส 2/61 มีกำไรจากการขายสินทรัพย์มาก
 
พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ โดยให้แนวรับ 1,754 จุด ส่วนแนวต้าน 1,770 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,651.21 จุด พุ่งขึ้น 192.90 จุด (+0.73%), ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,924.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด (+0.36%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,037.30 จุด ลดลง 9.05 จุด (-0.11%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 130.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 72.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 2.91 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.27 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 2.65 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 15.33 จุด
 
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ (2 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ต.ค.61) 1,760.47 จุด เพิ่มขึ้น 4.06 จุด (+0.23%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 476.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 ต.ค.61) ปิดที่ 75.30 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ต.ค.61) ที่ 6.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.33 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.20-32.40 ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง
- "สมคิด" จี้ "ฟิทช์" ปรับเพิ่ม เรทติ้งไทย หลังเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง สร้างสมดุลดีขึ้น การเมืองชัดเจน ย้ำไม่แฟร์ หากมองแต่ปัจจัยการเมือง พร้อมระบุฮ่องกงสนลงทุนโครงการไซเบอร์พอร์ต ส่งผู้เชี่ยวชาญช่วยดูระบบการเงิน ขณะเงินบาทไทยแข็งค่าสวนทางภูมิภาค ลุ้นข่าวฟิทช์ปรับเรทติ้งส์ ทั้งเงินเฟ้อสูงกว่าคาด
 
- "อุตตม"เตรียมเสนอ กพอ.เคาะ 5 โครงการ เร่งดันโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 5 ปี 1.9 หมื่นล้าน วางระบบดิจิทัล 3 จังหวัด 1,000 ตร.กม. เน็ตเร็วกว่า 4G 100 เท่า ลดค่าบริการ loT 30% รองรับ 1 ล้านอุปกรณ์ต่อ 1 ตร.กม. เล็งออก ทีโออาร์เมืองการบินอู่ตะเภา ศูนย์ซ่อม บำรุงอากาศยาน ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ค.นี้
 
- คลังสั่งเร่งเบิกจ่ายงบ ปี 2562 หวังกระตุ้นบริโภคโค้งสุดท้าย เอกชนยันไตรมาส 4 กำลังซื้อฟื้น
- ตลาดหลักทรัพย์เล็งแก้เกณฑ์เครื่องหมาย "เอสพี" เปิดโอกาสผู้ลงทุนขายหุ้นได้ กรณีไม่ยอมชี้แจงข้อมูล ชี้ถือเป็นสัญญาณที่พิจารณาได้ว่าบริษัทเริ่มมีปัญหา ขณะข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว เผยอยู่ระหว่างเฮียริ่งผู้เกี่ยวข้อง ด้าน "นิเวศน์" ย้ำต้องพิจารณาให้รอบคอบ ยอมรับบางกรณีเปิดให้ซื้อขายดีกว่า
 
- "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อเดือน ก.ย. เพิ่ม 1.33% สูงขึ้นเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน เหตุราคาพลังงานเพิ่ม 8.10% สูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 22 ระบุปรับค่ากลางเงินเฟ้อทั้งปีใหม่เป็น 1.25% หลังทิศทางราคาน้ำมันสูงขึ้น
 
- ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่น ก.ย.ทรงตัวมอง 3 เดือนข้างหน้าเชื่อมั่นลดลง กังวลต้นทุนพุ่ง และความผันผวนราคาน้ำมันโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- ORI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 25.40 บาท ราคาหุ้นลงรับรู้ประเด็นแบงก์คุมสินเชื่อไปหมดแล้ว ซึ่งมองว่า ORI ถูกกระทบจำกัด เพราะเน้นตลาดกลาง-บนที่มีการปฏิเสธสินเชื่อต่ำ ในทางตรงข้าม ทิศทางดอกเบี้ยทีเริ่มขึ้นกลับหนุนยอดขายให้เร่งตัวช่วงแรก พร้อมคาดกำไรปกติปี 2561-62 โตแกร่งที่สุดในกลุ่มเฉลี่ย 69% ต่อปี มี Backlog รองรับแล้ว 91% และ 56% ตามลำดับ และถ้าหัก Dilution จากหุ้นปันผล กำไรต่อหุ้นปี 61-62 ยังโตได้ 10% Y-Y และ 31% Y-Y ระยะยาวจึงมีโอกาสได้ปันผลฟรี
 
- MTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า consensus สูงสุด 56 บาท วันนี้มีประชุมนักวิเคราะห์คาดชี้แจง ธปท.ออกกฏระเบียบใหม่ และ preview งบ Q3/61 มองตลาดตอบรับเชิงบวกและงบอาจมี upside จากที่ตลาดคาดไว้
 
- WHA (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 5 บาท เชื่อว่าจากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในพื้นที่อีอีซี (คาดว่าจะประมูล และประกาศ TOR ใน 4Q61) จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในด้านการลงทุน, การคมนาคม และหนุนให้ยอดขายที่ดินในนิคมฯมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2H61 แต่อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 3.7 พันล้านบาท (+13%) จากยอดขายที่ดินที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.0 พันไร่ และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในปี 2562 ที่ 1.4 พันไร่ภายหลังที่มีการเลือกตั้ง และความชัดเจนแนวทางสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นมีโอกาสจะกลับไประดับ +2SD ที่เคยเทรดในปี 2558 ได้ จากยอดขายที่ดินในปี 2561-62 ที่สูงขึ้น และใกล้เคียงกับยอดขายในปี 2558
 
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนเช้านี้ ขณะตลาดจับตาข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีน
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ โดยตลาดหุ้นบางแห่ง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก ได้บรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ แต่ตลาดหุ้นหลายแห่งเปิดในแดนลบ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ออกมายอมรับว่า การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 24,376.17 จุด เพิ่มขึ้น 130.41 จุด, +0.54% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,237.41 จุด เพิ่มขึ้น 15.33 จุด, +0.21% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,792.73 จุด เพิ่มขึ้น 0.27 จุด, +0.02% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 5,947.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.65 จุด, +0.04%
 
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,716.16 จุด ลดลง 72.36 จุด, -0.26% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,248.50 จุด ลดลง 6.96 จุด, -0.21%  ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,048.89 จุด ลดลง 2.91 จุด, -0.03% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,338.28 จุด ลดลง 0.60 จุด, -0.03%
 
ตลาดหุ้นบางแห่งในเอเชียดีดตัวขึ้นตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากนางคริสเตียน ฟรีแลนด์ รมช.ต่างประเทศแคนาดา และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "แคนาดาและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกับเม็กซิโกแล้ว โดยข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเรียกว่า "ข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา" (United States-Mexico-Canada Agreement) หรือ USMCA จะเข้ามาแทนที่ข้อตกลงการค้าอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ซึ่งถูกใช้มานานกว่า 24 ปี
 
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นหลายแห่งปรับตัวลงหลังจากนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า การเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า แม้ว่าสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าฉบับใหม่กับเม็กซิโกและแคนาดาแล้วก็ตาม
 
ทั้งนี้ นายคุดโลว์กล่าวว่า การเจรจากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่พอใจต่อสถานการณ์การเจรจาในขณะนี้กับจีน ขณะเดียวกันนายคุดโลว์เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์อาจพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งจะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 14.53 จุด หลังหุ้น ไรอันแอร์ ร่วงหนัก
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) โดยหุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ประท้วง อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของสหราชอาณาจักรดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,495.67 จุด ลดลง 14.53 จุด หรือ -0.19%
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากผลกระทบของราคาน้ำมันพุ่ง และเหตุการณ์ประท้วงของพนักงาน
 
หุ้นอีซี่เจ็ท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ปรับตัวลง 7% ขณะที่หุ้นเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดิ่งลง 3.4% ส่วนหุ้นรอยัล เมล์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไปรษณีย์รายใหญ่ของอังกฤษ ทรุดตัวลงอย่างหนักถึง 18%
 
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 53.0 ในเดือนส.ค. โดยการดีดตัวของดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และปริมาณการผลิต
 
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว โดยดัชนีปรับตัวอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 26 ติดต่อกัน
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับข่าวสหรัฐ,เม็กซิโก,แคนาดาบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนนักลงทุนให้เข้าช้อนซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่ร่วงลงก่อนหน้านี้ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอิตาลีฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 384.64 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,506.82 จุด เพิ่มขึ้น 13.33 จุด หรือ +0.24% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,339.03 จุด เพิ่มขึ้น 92.30 จุด หรือ +0.75% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,495.67 จุด ลดลง 14.53 จุด หรือ -0.19%
 
ส่วนดัชนี FTSE MIB ตลาดหุ้นอิตาลี ดีดตัวขึ้น 0.6% แตะที่ระดับ 20,839 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้า หลังจากนางคริสเตียน ฟรีแลนด์ รมช.ต่างประเทศแคนาดา และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "แคนาดาและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกับเม็กซิโกแล้ว โดยข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเรียกว่า "ข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา" (United States-Mexico-Canada Agreement) หรือ USMCA เป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ได้รับการแก้ไขให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับศตวรรษ์ที่ 21"  ทั้งนี้ ข้อตกลง USMCA จะเข้ามาแทนที่ข้อตกลง NAFTA ซึ่งถูกใช้มานานกว่า 24 ปี
 
ทั้งนี้ ผู้นำของสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา จะลงนามในข้อตกลง USMCA ภายในสิ้นเดือนพ.ย. และหลังจากนั้นจะมีการนำข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสเพื่อให้การอนุมัติต่อไป
 
หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นขานรับข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ของสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา โดยหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นซ้าบ ทะยานขึ้น 2.7% และหุ้นเดมเลอร์ เพิ่มขึ้น 1%
 
หุ้น Linde AG ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 5.5% หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลจีนได้อนุมัติการควบรวมกิจการระหว่าง Linde AG และบริษัท Praxair Inc.
 
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 11% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากผลกระทบของราคาน้ำมันพุ่ง และเหตุการณ์ประท้วงของพนักงาน
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 53.2 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559 โดยต่ำกว่าตัวเลขดัชนี PMI เบื้องต้นที่ระดับ 53.3 และต่ำกว่าระดับ 54.6 ในเดือนส.ค.
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 192.90 จุด รับข่าวสหรัฐ,เม็กซิโก,แคนาดาบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ขานรับข่าวสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ โดยข่าวความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.8%
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,651.21 จุด พุ่งขึ้น 192.90 จุด หรือ +0.73% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,924.59 จุด เพิ่มขึ้น 10.61 จุด หรือ +0.36% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,037.30 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.11%
 
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้า หลังจากนางคริสเตียน ฟรีแลนด์ รมช.ต่างประเทศแคนาดา และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "แคนาดาและสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกับเม็กซิโกแล้ว โดยข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเรียกว่า "ข้อตกลงสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา" (United States-Mexico-Canada Agreement) หรือ USMCA เป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ได้รับการแก้ไขให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับศตวรรษ์ที่ 21"  ทั้งนี้ ข้อตกลง USMCA จะเข้ามาแทนที่ข้อตกลง NAFTA ซึ่งถูกใช้มานานกว่า 24 ปี
 
ทั้งนี้ ผู้นำของสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา จะลงนามในข้อตกลง USMCA ภายในสิ้นเดือนพ.ย. และหลังจากนั้นจะมีการนำข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาคองเกรสเพื่อให้การอนุมัติต่อไป
 
หุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมได้แรงหนุนจากข่าวการบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ทะยานขึ้น 2.3% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 0.8%
 
ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 0.8% และหุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.7%
 
บริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ทะยานขึ้น 7.1% ขานรับข่าวการปลดนายจอห์น แฟลนเนอรี ออกจากตำแหน่งประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท โดยคณะกรรมการบริหารของ GE มีมติปลดนายแฟลนเนอรีออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจต่อความล่าช้าในการปฏิรูปบริษัท และได้ประกาศแต่งตั้งนายลอว์เรนซ์ คัลป์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทดานาเฮอร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนนายแฟลนเนอรี
 
หุ้นเทสลา มอเตอร์ พุ่งขึ้น 17.3% หลังจากมีรายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา สามารถบรรลุข้อตกลงในการยุติคดีกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ซึ่งจะทำให้นายมัสก์สามารถดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทต่อไป โดยนายมัสก์ยินยอมจ่ายค่าปรับจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ให้แก่ SEC หลังจากที่นายมัสก์ได้ทวีตข้อความในวันที่ 7 ส.ค.ว่า เขามีแผนที่จะนำบริษัทเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยเขามีแหล่งเงินทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นในราคา 420 ดอลลาร์ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นแตะ 387.46 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
 
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.8% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ปรับตัวขึ้น 1.3% และหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.8%
 
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.2% ขณะที่หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
 
อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ของมาร์กิตสวนทางกับผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 59.8 ในเดือนก.ย. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.4 หลังจากแตะระดับ 61.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2547
 
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
 
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,  ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค., ดุลการค้าเดือนส.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.
 
--อินโฟเควสท์
OO14491

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!