WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

14ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ลุ้นเก็งกำไรงบฯแบงก์ Q3/61, ราคาน้ำมันขึ้นหนุนหุ้นพลังงาน-ปิโตรฯ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่ง Sideway บวกลบไม่มาก แต่มีโอกาสที่ปรับขึ้นเล็กน้อย แม้คาดว่าจะไม่มีการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (window dressing) ในวันทำการสุดท้ายของสิ้นไตรมาส 3/61 หลังดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมาแล้วราว 5% หลังจากที่ไทยมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดอาจจะมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/61 ของกลุ่มแบงก์ที่จะทยอยออกมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ต.ค.โดยตลาดคาดการณ์ว่ากำไรปกติจะปรับตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ดอกเบี้ยตามการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง แต่จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนจากการแข่งขันเรื่องค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นเมื่อวานนี้ และยังทรงตัวในระดับสูง น่าจะยังเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีด้วย
ขณะเดียวกันตลาดก็ได้ซึมซับปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 0.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก หลังจากที่ได้ปรับขึ้นภาษีระหว่างกันไปแล้วบางส่วนก่อนหน้านี้ ทำให้ความกังวลของตลาดผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ น่าจะทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนมากขึ้น ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัวลงหลังจากที่มียอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราว 2.1 แสนล้านบาท และแรงขายเริ่มผ่อนคลายในช่วงเดือนนี้ โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีแรงซื้อสลับเข้ามาด้วย ที่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่ยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หลายแห่งที่มีปัญหาเรื่องค่าเงิน
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,742 จุด และแนวต้านบริเวณ 1,760 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ก.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.93 จุด เพิ่มขึ้น 54.65 จุด (+0.21%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,914.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด (+0.28%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,041.97 จุด เพิ่มขึ้น 51.60 จุด (+0.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 283.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.49 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 163.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 14.05 จุด,  ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.73 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 6.92 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ก.ย.61) 1,752.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด (+0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,740.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ก.ย.61) ปิดที่ 72.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ก.ย.61) ที่ 5.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.42 ทรงตัวจากวานนี้ นักลงทุนรอดูตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธปท.และสหรัฐฯในวันนี้
- ธปท.ออกโรงคุมสินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ ออกเกณฑ์ห้ามคิดดอกเบี้ยบวกค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ไม่เกิน 28% ตามเกณฑ์สินเชื่อบุคคล พบปัจจุบันมีผู้ประกอบการทำธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถอยู่แล้วในตลาดกว่า 1 พันราย คิดดอกเบี้ยโอเวอร์ถึง 65% พร้อมจัดระเบียบเกณฑ์กำกับดูแล กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 5-50 ล้านบาท กำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 28% เริ่มพฤศจิกายนนี้
- สคร.ระบุรัฐบาลตั้งเป้าผลตอบแทน"ทีเอฟเอฟ" 3 ปีแรกขั้นต่ำ ปีละ 5% หวังจูงใจรายย่อยซื้อหน่วยลงทุน กำหนดราคาจองซื้อที่ 10 บาทต่อหน่วย เริ่มขาย 13-16 ต.ค.นี้ เผย "เทมาเส็ก" สนใจร่วมลงทุน
- คลังแจงเฟดขยับดอกเบี้ย ไม่ส่งผลกระทบกับตลาด เป็นไปตามที่คาด พร้อมระบุยังไม่ถึงเวลาที่ไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จี้ธปท.ดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์หลังมองเห็นสัญญาณเสี่ยง
- สหรัฐขู่ตัดสิทธิ์จีเอสพีสินค้าได้ พร้อมบี้แก้ปัญหาแรงงาน 7 ข้อตามมาตรฐานสากล พร้อมเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูเครื่องในที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้าง ด้านพาณิชย์ยันไทยแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง ส่วนเปิดนำเข้าหมูต้องรอผลวิเคราะห์ผลดี-ผลเสีย อีก 8 เดือน
- สศค.เผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ส.ค.61 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภค ซึ่งสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตร ซึ่งสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคสำคัญ
- ตลท.ยังไม่ได้เสนอให้ตั้งกองทุนพยุงหุ้น แต่เป็นเพียงการให้ความคิดเห็นในลักษณะการวิจารณ์งานวิจัยในการสัมมนาประจำปีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเสนอแนวทางว่า การป้องกันช็อกที่มาจากการเชื่อมโยงของระบบการเงิน คือ ต้องสร้างเครื่องมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยป้องกันไม่ให้ลุกลามจนกระทบในภาพรวม รวมทั้งเสนอความเห็นให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่ให้สภาพคล่องฉุกเฉินกับตลาดทุนกรณีเกิดวิกฤติที่ช็อกตลาดทำให้ราคาสินทรัพย์ หรือสภาพคล่องปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยหน่วยงานกลางนี้มีหน้าที่ลดผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
- กบง.เตรียมหารือวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมัน ส่วนจะอุดหนุนดีเซลเพิ่มมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับที่ประชุม โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันอุดหนุนดีเซล B7 ที่ 15 สตางค์ต่อหน่วย และB20 ที่ 3.10 บาทต่อหน่วย
- อธิบดีกรมโยธาธิการ เผยร่างผังเมืองอีอีซีคลอดพ.ย.นี้ เผยแนวคิดเมืองใหม่อยู่รอบสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงรัศมี 4 กม. ปรับพื้นที่เกษตรเสื่อมโทรมมาใช้ประโยชน์ พร้อมเปิดให้พื้นที่ให้อุตสาหกรรมใหม่ รองรับกิจการที่ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม
"คณิศ"เน้นพัฒนาฉะเชิงเทรา 4 ด้าน เล็งชงกพอ.เคาะ 4 เมกะโปรเจค 4 ต.ค.นี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- GFPT (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท เชื่อราคาหุ้นฟื้นขึ้น 20% จากจุดต่ำยังเป็นแค่ช่วงต้น ๆ เพราะยังต่ำกว่าช่วงกลางปี 60 ราว 30% ไม่ได้สะท้อนคาดการณ์การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งหมดในปี 62 ที่จะเริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้แรงหนุนจากหลายปัจจัย เช่น ราคาเนื้อไก่ภายในประเทศผ่านจุดต่ำขึ้นมา ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ปริมาณการส่งออกเนื้อไก่แข็งแกร่ง และการอนุญาตให้นำเข้าเนื้อไก่ของไทยในจีน ทั้งนี้ จากการที่อุตสาหกรรมเนื้อไก่ในประเทศไทยจะยังคงมุ่งสู่ทิศทางขาขึ้นต่อไปอีกในระยะกลาง จึงประเมินว่ากำไรปี 62 จะฟื้นแข็งแกร่งที่ 56% YoY เป็น 1.7 พันล้านบาท
- KTB (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมายที่ 23.30 บาท ภายใต้ทิศทางดอกเบี้ยกลับสู่ขาขึ้น คาดธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ KTB และ BBL จากสัดส่วนสินเชื่ออิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูงถึง 88% และ 85% ของสินเชื่อรวม ตามลำดับ แต่คาดสินเชื่อปี 61 ของ KTB ไม่โดดเด่น ส่วนหนึ่งจากปรับลดสินเชื่อเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น แต่คาดตั้งสำรองหนี้ลดลงจาก 44,000 ล้านบาทเมื่อปี 60 เป็น 32,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิปีนี้ที่ 31,100 ล้านบาท เติบโต 39% และยังมี Upside หากประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จกว่า 4,300 ไร่ วันที่ 17 ต.ค.61
- TOP (เอเอสแอล) ให้ราคาเหมาะสมที่ 108 บาท โดยคาดกำไรปกติ Q3/61 ฟื้นตัวจากค่าการกลั่นฟื้นตัวจาก Singapore และ GRM QTD ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.2% หลังแรงกดดันจากปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเริ่มลดลง รวมไปถึงการหยุดซ่อมโรงกลั่นทั้วโลกในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีในกลุ่มอะโรเมติกส์ปรับเพิ่มแข็งแกร่ง เป็นผลจากกำลังการผลิตกลุ่ม Downstream ในภูมิภาคทยอยเริ่มดำเนินการผลิต และยังได้ประโยชน์จากโรงงาน PTA ที่เพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 24,080.01 จุด เพิ่มขึ้น 283.27 จุด, +1.19% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,794.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.49 จุด, +0.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,879.06 จุด เพิ่มขึ้น 163.39 จุด, +0.59% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,050.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.90 จุด, +0.14% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,356.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.70 จุด, +0.03% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,250.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.05 จุด, +0.43% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,795.91 จุด ลดลง 2.73 จุด, -0.15% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,313.67 จุด ลดลง 6.92 จุด, -0.09%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากขยายตัวเพียง 2.2% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้
ขณะเดียวกัน เฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ โดยระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.1% จากเดิมที่ 2.8% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่ 2.4%
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: เงินปอนด์อ่อน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 33.95 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ขณะเดียวกันนักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,545.44 จุด เพิ่มขึ้น 33.95 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นบริษัทข้ามชาติที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเพียร์สัน พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นโคคาโด กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 2.7%
นักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขณะนักลงทุนซึมซับผลประชุมเฟด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนซึมซับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 386.38 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,435.59 จุด เพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ +0.40% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,540.41 จุด เพิ่มขึ้น 27.68 จุด หรือ +0.50% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,545.44 จุด เพิ่มขึ้น 33.95 จุด หรือ  +0.45%
นักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้
เฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ โดยระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.1% จากเดิมที่ 2.8% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่ 2.4%
หุ้น Hennes & Mauritz ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ พุ่งขึ้น 11.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดการณ์
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 10.16% ขณะที่หุ้นไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์และเวชภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี ปรับตัวขึ้น 1.9% และหุ้นโฟล์คสวาเกน ดีดตัวขึ้น 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ โดยหุ้นยูนิเครดิต หุ้นบังโค บีเอ็มพี และหุ้นยูเนียน เดอ บองช์ อิตาเลียนา ต่างก็ปรับตัวลงในช่วง 0.4-2.1%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ โดยเยอรมนี,ฝรั่งเศส,ยูโรโซนจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ส่วนอังกฤษจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งสุดท้าย)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 54.65 จุด รับข้อมูลศก.สดใส,นักลงทุนซึมซับผลประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ขณะที่นักลงทุนซึมซับผลการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.93 จุด เพิ่มขึ้น 54.65 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,914.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด หรือ +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,041.97 จุด เพิ่มขึ้น 51.60 จุด หรือ +0.65%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากขยายตัวเพียง 2.2% ในไตรมาสแรก
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 6 เดือน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
นอกจากนี้ นักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้
เฟดได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ โดยระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่การใช้จ่ายในภาคครัวเรือน และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของภาคธุรกิจได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.1% จากเดิมที่ 2.8% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.5% จากเดิมที่ 2.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของแอปเปิลสู่ระดับ 272 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นอัลฟาเบท ต่างก็พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวขึ้น 1.9% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดตัวขึ้น 0.7%
หุ้น Saleforce.com ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ พุ่งขึ้น 1.3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2561
หุ้นแมคคอร์มิค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทอาหารรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
หุ้นเทสลา ปรับตัวลง 0.7% หลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ยื่นฟ้องนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา จากกรณีที่นายมัสก์ได้ทวีตข้อความก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด
ทั้งนี้ นายมัสก์ได้ทวีตข้อความในวันที่ 7 ส.ค.ว่า เขามีแผนที่จะนำบริษัทเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด โดยเขามีแหล่งเงินทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ ซึ่งข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นแตะ 387.46 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 214,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO14382

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!