WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-อิงบวก เล็งรับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น-ลุ้นทำ Window Dressing
 
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงในทางบวก เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่เช้านี้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์ได้ปรับตัวขึ้น อีกทั้งยังอาจจะได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ด้วยซึ่งก็มองน่าจะทำเป็นรายตัว
 
สำหรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นไปตามที่คาดไว้ คือเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในธ.ค.นี้ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) และเงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ในทิศทางที่ทรงตัว เนื่องจากตลาดฯได้รับรู้ไปแล้ว
 
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในคืนนี้ โดยเฉพาะตัวเลข GDP งวดไตรมาส 2/61 ซึ่งจะประกาศเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
 
พร้อมให้แนวรับ 1,745 จุด ส่วนแนวต้าน 1,755-1,760 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,385.28 จุด ลดลง 106.93 จุด (-0.40%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,905.97 จุด ลดลง 9.59 จุด (-0.33%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,990.37 จุด ลดลง 17.10 จุด (-0.21%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 87.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 95.64 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.42 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.47 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 5.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.77 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ย.61) 1,749.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด (+0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 98.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.ย.61) ปิดที่ 71.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 71 เซนต์ หรือ 1%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ย.61) ที่ 5.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.43 ทรงตัวจากวานนี้ แม้เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด มองกรอบวันนี้ 32.40-32.50
- "ศิริ" ยืนยันปตท.สผ. มีสิทธิยื่นเสนอ ถือหุ้นโควตารัฐ 25% มั่นใจ 2 รายเดิม ทั้ง ปตท.สผ.และเชฟรอนฯ ลงแข่งประมูลบงกช-เอราวัณสร้างรายได้เข้ารัฐ 8 หมื่นล้านใน 10 ปี ด้านคณะอนุกรรมการฯ เตรียมพิจารณา 3 ซองเอกสาร ยื่นแข่งประมูลแหล่งเอราวัณและบงกช คาดใช้เวลา 1 เดือน ก่อนเสนอแพ็คเกจให้ ครม.เคาะ ธ.ค.นี้ตามแผน นักวิชาการชี้ทั้ง 2 รายมีโอกาสชนะทั้งคู่
 
- บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท.เล็งเปิดประมูลดิวตี้ฟรี ต.ค.นี้ รอผลข้อพิพาทอาคารผู้โดยสาร 2 ประมูลรวดเดียว 6 แสนตารางเมตร
 
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจไทย สวนทางอาเซียน เตือนผลกระทบจากสงครามการค้า
- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เคาะประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ประมูลวันที่ 20 ต.ค. 2561
 
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดขายหน่วยกอง "ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์" 13 ต.ค.นี้ เผยอัตราปันส่วนแบ่งปีแรกอยู่ที่ 4.75-5.3% คาดได้ข้อสรุปราคาแท้จริง 16-19 ต.ค.นี้ ชี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างทำ บุ๊คบิ้วดิ้ง ลั่นผลโรดโชว์นักลงทุน ตอบรับดี มั่นใจขายเกลี้ยง ด้าน กลุ่มประกัน เตรียมเงินรอลงทุน หวังผลตอบแทนสูงกว่า 5%
 
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปีนี้สินเชื่อเกินกว่า 4.8-5.3% จับตาไตรมาสสุดท้ายแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้น ธปท.ออกมาตรการคุมสินเชื่อบ้าน
*หุ้นเด่นวันนี้
- MACO (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 2.54 บาท การรวม 2 บริษัทลูกใหม่เข้าไป ทำให้ประมาณการกำไร 3 ปีนี้ (61-63) จะถูกปรับปรุงขึ้นเฉลี่ย 11-23% ทำให้โมเมนตัมกำไรยังคงสวยทั้งในไตรมาส 3 และปี 2562 ขณะเดียวกัน MACO ยังมี Valuation ที่มีส่วนลดจากกลุ่มถึง -36% ขณะที่ EPS growth ปี 2562 คาดจะเติบโตได้ 23.5% YoY (vs กลุ่มทั่วโลก 0% YoY) จากการขยายธุรกิจมาต่อเนื่อง และการพัฒนาสื่อของตนไปสู่ระบบดิจิตอล
 
- ROBINS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 76 บาท เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนและสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งเนื่องจาก ROBINS มีสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่ Valuation ถูกสุดของกลุ่ม (PE 23 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 26-28 เท่า)
 
- CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 93 บาท อยู่ระหว่างทำเทนเดอร์ GLAND จากผู้ถือหุ้นอื่นในราคาหุ้นละ 3.10 บาท (25 ก.ย.-31 ต.ค.) หลังซื้อหุ้น 50.43% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ไปแล้ว เงินที่ใช้ 1-2 หมื่นลบ.มาจากการกู้ทั้งหมด ไม่เพิ่มทุน  การซื้อ GLAND ซึ่งมีที่ดิน อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในกรุงเทพที่เป็น new CBD ส่วนใหญ่เป็น free hold ทำให้พอร์ตของ CPN แข็งแรงขึ้นมาก ด้านราคาหุ้นยัง laggard SET50 ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ราว 2%
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ แถลงการณ์ของที่ประชุมเฟดยังได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
 
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,946.43 จุด ลดลง 87.36 จุด, -0.36% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,805.79 จุด ลดลง 1.02 จุด, -0.04% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,912.51 จุด เพิ่มขึ้น 95.64 จุด, +0.34% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,973.77 จุด ลดลง 0.42 จุด, -0.00% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,331.70 จุด ลดลง 7.47 จุด, -0.32% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,244.20 จุด เพิ่มขึ้น 5.10 จุด, +0.16% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,795.95 จุด ลดลง 2.77 จุด, -0.15%
 
ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค.
 
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
 
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 3.93 จุด รับเงินปอนด์อ่อนหนุนบริษัทข้ามชาติ
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของอังกฤษ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
 
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,511.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด หรือ +0.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
 
หุ้นเอ็นเอ็มซี เฮลธ์ และหุ้นโครดา อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 3.1% และ 2.4% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 3.6% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ดิ่งลง 2.5% โดยก่อนหน้านี้หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทแบร์ริค โกลด์ ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัทแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ด้วยวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
 
นักลงทุนจับตาการประมาณการครั้งสุดท้ายของตัวเลข GDP อังกฤษประจำไตรมาส 2 ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ส่วนเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ได้เปิดเผยการประมาณการเบื้องต้นของ GDP ไตรมาส 2 โดยระบุว่า ขยายตัว 0.4% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของภาคก่อสร้าง, ค้าปลีก และการบริการ
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรปในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของอังกฤษ
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้นประมาณ 0.3% ปิดที่ 385.06 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,385.89 จุด เพิ่มขึ้น 11.23 จุด หรือ +0.09% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,512.73 จุด เพิ่มขึ้น 33.63 จุด หรือ +0.61% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,511.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.93 จุด หรือ +0.05%
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
 
หุ้นเดมเลอร์ ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากบริษัทออกแถลงการณ์ว่า นายดีเทอร์ เซทเช ซีอีโอของบริษัทจะลาออกจากตำแหน่งภายหลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเสร็จสิ้นลง
 
ส่วนหุ้นบริษัทอื่นๆที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้น RWE ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของเยอรมนี ดีดตัวขึ้น 2% หุ้นไบเออร์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 1.2%
 
หุ้นแอร์บัส ปรับตัวขึ้น 3.2% ขณะที่หุ้นแอร์ ลิควิด ซึ่งเป็นบริษัทด้านอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.2%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 3.6% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ดิ่งลง 2.5% โดยก่อนหน้านี้หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทแบร์ริค โกลด์ ประกาศเข้าซื้อกิจการของบริษัทแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ด้วยวงเงิน 6.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทเหมืองทองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์
 
สำหรับความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ เตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทสกาย ให้แก่บริษัทคอมแคสต์ ในสัดส่วน 39% โดยสกายเป็นบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป
 
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่า นายรูเพิร์ต เมอร์ด็อค จะยังคงถือหุ้นของตนเองที่มีอยู่ในบริษัทสกายหรือไม่ ภายหลังจากที่คอมแคสต์สามารถคว้าชัยในการซื้อกิจการสกายด้วยวงเงินที่สูงกว่า โดยคอมแคสต์ได้เสนอซื้อกิจการสกายด้วยวงเงิน 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าวงเงินในข้อเสนอของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ถึง 10% โดยฟ็อกซ์เสนอซื้อหุ้นสกายที่ระดับเพียง 15.67 ปอนด์ ขณะที่คอมแคสต์เสนอที่ระดับ 17.28 ปอนด์
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 106.93 จุด หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ แถลงการณ์ของที่ประชุมเฟดยังได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,385.28 จุด ลดลง 106.93 จุด หรือ -0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,905.97 จุด ลดลง 9.59 จุด หรือ -0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,990.37 จุด ลดลง 17.10 จุด หรือ -0.21%
 
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดยังได้ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
 
แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่เหนืออัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในระยะยาวต่อไปอีก 2 ปี และเฟดมีความจำเป็นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ในแถลงการณ์การประชุมล่าสุด เฟดได้ตัดข้อความ "จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย" ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
 
นักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์เทรดดิ้งกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการได้ไม่นาน ได้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น หลังจากนักลงทุนเริ่มพิจารณาถึงการที่เฟดได้ตัดคำว่า "จุดยืนด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย" ออกไปจากแถลงการณ์การประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งบ่งชี้ว่า วงจรของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระบบเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับมาอีกครั้ง
 
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเฟดส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
 
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวลง นำโดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 1.3% ขณะที่หุ้นเป๊ปซี่โค ลดลง 0.4%
 
หุ้นไนกี้ ร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงินปีนี้ แม้ยอดขายได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทได้เลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ก็ตาม
 
หุ้นดูปองท์ ร่วงลง 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์อินทิเน็ทได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดูปองท์
หุ้นคอมแคสต์ ปรับตัวลง 0.08% ขณะที่หุ้น-ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ดีดตัวขึ้น 1.02% จากข่าวที่ว่า ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ เตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท สกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป แก่บริษัท คอมแคสต์ ในสัดส่วน 39%
 
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 1.3% หลังจากซีอีโอของฟอร์ดได้แสดงความกังวลว่า การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทถึง 1 พันล้านดอลลาร์
 
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่ดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนส.ค. แตะระดับ 629,000 ยูนิต หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคากลางของบ้านใหม่ในช่วงเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 320,000 ดอลลาร์
 
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO14318

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!