WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค จับตาประชุม WTO กรณีจีนยื่นขอคว่ำบาตรสหรัฐฯ
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับขึ้นอย่างสดใส ตอบรับความกังวลที่ลดลงจากประเด็นสงครามการค้า หลังจากที่จีนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯน้อยกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ออกมาดีด้วย
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมองค์การการค้าโลก (WTO) ในเรื่องของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทางจีนจะขออำนาจในการคว่ำบาตรสหรัฐฯ ซึ่งก็ต้องรอดูผลว่าจะออกมาอย่างไร
พร้อมให้แนรับ 1,740-1,745 จุด ส่วนแนวต้าน 1,760 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,656.98 จุด พุ่งขึ้น 251.22 จุด (+0.95%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,930.75 จุด เพิ่มขึ้น 22.80 จุด (+0.78%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,028.23 จุด เพิ่มขึ้น 78.19 จุด (+0.98%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 173.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 234.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.69 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 26.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.98 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 49.84 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ย.61) 1,752.11 จุด เพิ่มขึ้น 2.31 จุด (+0.13%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 108.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ย.61) ปิดที่ 70.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 32 เซนต์ หรือเกือบ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ย.61) ที่ 6.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.42 อ่อนค่าจากวานนี้ แต่แนวโน้มทรงตัว ตลาดรอผลการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
- "อภิศักดิ์"ห่วงกนง. ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ดึงทุนนอกไหลเข้ากดดันบาทแข็ง ชี้ยังไม่แก้ปัญหาเงินเฟ้อต่ำด้วย เผยยังกระทบความสามารถชำระหนี้เอสเอ็มอี  ขณะเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน "นักวิเคราะห์" ชี้แนวโน้มระยะสั้นแข็งต่อเนื่อง เตือนยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้า อาจฉุดค่าเงินผันผวนได้
- กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมมือ ส.อ.ท.เร่งขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 หวังยกระดับอุตสาหกรรมภาคการผลิต 5-6 แสนรายก้าวสู่ระดับอุตสาหกรรม 3.0-4.0 ในอีก 10 ปีข้างหน้าหรือปี 2570 พร้อมโชว์ผลสำรวจระดับอุตสาหกรรมยืนยันทิศทางดีขึ้น ผู้ประกอบการตื่นตัวยันพร้อมลงทุนปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกับนักลงทุนต่างชาติ และบริษัทด้านการบินระดับโลกพบว่า กลุ่มทุนจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุนกิจการด้านอากาศในประเทศไทยเนื่องจากถือเป็นฮอตสปอต(Hotspot) การบินของโลก ซึ่งไทยจำเป็นจะต้องก้าวเป็นศูนย์กลางซ่อมอากาศยาน (MRO) ของอาเซียนเพื่อรองรับตลาดการบินที่เติบโตอย่างมากในภูมิภาคแทบจะสูงสุดในโลก
*หุ้นเด่นวันนี้
- ASK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 26.20 บาท ระยะสั้นได้แรงหนุนจาการที่กรมการขนส่งทางบกไม่ยืดอายุการใช้งานรถตู้ที่กำหนดไว้ 10 ปี ทำให้รถตู้กว่า 1,800 คันที่จะหมดอายุ 1 ต.ค. นี้ ถ้าจะวิ่งต่อต้องออกรถใหม่ เป็นบวกกับ ASK ที่จะทำให้สินเชื่อเช่าซื้อเร่งตัวขึ้นตาม
- TKN (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 21.5 บาท คาดกำไร H2/61 จะโตทั้ง yoy และ hoh จากการเข้าสู่ช่วง High season, กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากการเริ่มผลิตของโรงงานใหม่ (เฟส3) และได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลง
- SCB (หยวนต้าฯ) "เก็งกำไร"เป้า 153 บาท มองบวกต่อกลุ่มธนาคาร ทั้งจากการทยอยรายงานสินเชื่อเดือนส.ค.ที่ขยายตัวเป็นส่วนใหญ่ และสัญญาณของกนง.ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสขึ้นในปลายปีนี้ เป็นบวกต่อ NIM ของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ นอกจากนี้หุ้นกลุ่มธนาคารได้ประโยชน์โดยตรงจากประเด็นการเลือกตั้ง มั่นใจทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เป็นบวกต่อการขยายตัวของ
สินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดพุ่งขึ้นหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิลและไมโครซอฟท์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,848.63 จุด เพิ่มขึ้น 173.70 จุด, +0.73% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,733.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด, +0.17% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 27,712.35 จุด เพิ่มขึ้น 234.68 จุด, +0.85% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,857.10 จุด เพิ่มขึ้น 25.69 จุด, +0.24% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,332.04 จุด เพิ่มขึ้น 8.59 จุด, +0.37% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,206.94 จุด เพิ่มขึ้น 26.51 จุด, +0.83% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,811.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.98 จุด, +0.44% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,184.57 จุด เพิ่มขึ้น 49.84 จุด, +0.70%
ทั้งนี้ นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการแสดงความเห็นของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพี มอร์แกน เชส ซึ่งกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในขณะนี้ เป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในทางการค้า ไม่ใช่การทำสงครามการค้า
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 36.20 จุด รับยอดค้าปลีกอังกฤษพุ่ง,ดาวโจนส์ทำนิวไฮ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,367.32 จุด เพิ่มขึ้น 36.20 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค. ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2%
หากเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.3% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
หุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเหมืองรายใหญ่แห่งนี้ได้ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนมูลค่ารวม 3.2 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษ ในประเด็นที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า ข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับ Brexit นั้น ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะบ่อนทำลายระบบตลาดเดี่ยวของ EU
นายทัสค์กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ หลังจากที่ EU จัดการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการ 2 วันเพื่อหารือข้อเสนอ Brexit ของฝ่ายอังกฤษ
ทั้งนี้ นายทัสค์หวังว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในการเจรจากับอังกฤษในเดือนหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจว่า EU จะมีการจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย.หรือไม่ เพื่อทำการสรุป และให้การยอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับข้อตกลง Brexit  โดยหาก EU มีการตัดสินใจจัดการประชุมสุดยอดนัดพิเศษในเดือนพ.ย. ก็จะมีการจัดการประชุมในวันที่ 17-18 พ.ย.
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับดาวโจนส์ทำนิวไฮ,หุ้นแบงก์พุ่งหนุนตลาด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.5% แตะที่ระดับ 382.63 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,326.48 จุด เพิ่มขึ้น 107.46 จุด หรือ +0.88%  ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,451.59 จุด เพิ่มขึ้น 57.85 จุด หรือ +1.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,367.32 จุด เพิ่มขึ้น 36.20 จุด หรือ +0.49%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 210,000 ราย
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นนอร์เดีย แบงก์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นสเวนส์กา แฮนเดลส์แบงเคน พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นบังโค ซานตานเดร์ เพิ่มขึ้น 1.7% และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 2.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเดมเลอร์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นโฟล์คสวาเกน เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นวอลโว่ พุ่งขึ้น 2.2%
นักลงทุนจับตาการประมูลซื้อกิจการของบริษัทสกาย  ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป โดยคณะกรรมการกำกับการซื้อกิจการ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระของอังกฤษ ระบุว่า ทางคณะกรรมการฯจะจัดการประมูลซื้อกิจการบริษัทสกายในวันนี้ ซึ่งบริษัทที่จะเข้าร่วมการประมูลได้แก่ บริษัทคอมแคสต์ และบริษัท ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนสปิดพุ่ง 251.22 จุด ทำนิวไฮ นลท.คลายกังวลสงครามการค้า,หุ้นอุตสาหกรรมหนุนตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดพุ่งขึ้นหลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นแอปเปิลและไมโครซอฟท์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,656.98 จุด พุ่งขึ้น 251.22 จุด หรือ +0.95% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,930.75 จุด เพิ่มขึ้น 22.80 จุด หรือ +0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,028.23 จุด เพิ่มขึ้น 78.19 จุด หรือ +0.98%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่นับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสหรัฐและจีนต่างก็เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่ไม่มากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการแสดงความเห็นของนายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพี มอร์แกน เชส ซึ่งกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในขณะนี้ เป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในทางการค้า ไม่ใช่การทำสงครามการค้า
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทโบอิ้งและแคทเธอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศนั้น ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลต่อข้อพิพาทการค้า โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นโบอิ้ง ปรับขึ้น 0.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้น 3M ปรับตัวขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวก โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.7% แอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดีดตัวขึ้น 0.9%
หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 1.1% หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายสินค้าทางออนไลน์ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นับตั้งแต่ไนกี้ตัดสินใจเลือกโคลิน แคเปอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนน์เนอร์ส ในลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ให้แสดงในโฆษณาชุดใหม่ของไนกี้ ภายใต้แคปเปญ "Just Do It"
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำ ทะยานขึ้น 6.6% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดจำนวนพนักงานลง 3% ตามแผนการกระตุ้นรายได้ของบริษัท
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดตัวขึ้น 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดตัวขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 210,000 ราย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต
 
--อินโฟเควสท์ 
OO14081

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!