WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าอ่อนลงจากความกังวลสงครามการค้า-สถานการณ์ค่าเงินตลาดเกิดใหม่ยังกดดัน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับตัวอ่อนลง จากความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน จากกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจีน 2.0 แสนล้านเหรียญ และยังขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านเหรียญ อีกทั้งยังรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับแคนนาดา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯจะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป รวมถึงเทรนด์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ก็ยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายหุ้น และยังมีผลต่อค่าเงินที่ผันผวนในตลาด Emerging Market ต่อไป
ให้แนวรับ 1,675 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด ( (7 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.54 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,871.68 จุด ลดลง 6.37 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,902.54 จุด ลดลง 20.18 จุด หรือ -0.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 53.41 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 51.20 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.19 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 7.13 จุด ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพยังดีเปอร์ตวนอากง
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.ย.61) 1,689.49 จุด ลดลง 4.45 จุด (-0.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 751.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.ย.61) ปิดที่ 67.75 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.ย.61) ที่ 6.17  ดอลลาร์/บาร์เรล
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)เปิดเผยว่า สนข. จะเร่งพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 12 สายทางให้แล้วเสร็จภายในปี 68 จากเดิมกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 72 ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม 10 เส้นทาง และรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของ กทม.อีก 2 เส้นทาง คื อสายสีเทา(วัชรพล-พระรามเก้า) และสายสีฟ้า (ดินแดง-สาธร) ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่บริการกว่า 680 ตารางกิโลเมตร มีระยะทางรวม 509 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้ารวม 312 สถานี เพื่อบริการประชาชน 5.13 ล้านคน/วัน จากปัจจุบันให้บริการ 1 ล้านคน/วัน และทำให้กระทรวงคมนาคมเปิดให้บริการรถไฟฟ้าเร็วกว่ากำหนดถึง 4 ปี
- รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะสรุปกรอบร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2018) พ.ศ.2561-80 ให้เสร็จภายใน ก.ย.นี้ จากนั้นจะนำเสนอขอความเห็นชอบกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต่อไป
- อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมมีความพร้อมที่จะดำเนินการโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ปี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2562 เข้ากองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเพิ่มเติมอีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอใช้เป็นสวัสดิการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการได้ตลอดทั้งปีงบประมาณวันที่ 1 ต.ค. 2561-30 ก.ย. 2562 หลังจากที่ผ่านมามีการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ ออกมาใช้แล้วเกินกว่า 4 หมื่นล้านบาท
- อธิบดีกรมการค้าภายใน ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ได้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กรณีบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (จีพีเอสซี)เข้าซื้อหุ้นเพื่อควบรวมกิจการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โกลว์ พลังงาน ว่าสามารถขออนุญาตกับสำนักงาน กกพ. ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าชี้ขาดว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทาง การค้า พ.ศ. 2560 หรือไม่
*หุ้นเด่นวันนี้
- CK (เคจีไอ)"ซื้อ" และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย SoTP กลางปี 2562 ที่ 30.00 บาท เราจะจับตาความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเนื่องจาก CK เป็นหนึ่งในกลุ่ม consortium ที่ยื่นประมูลโครงการนี้
- EA (กสิกรไทย)"ซื้อ" เป้า 42 บาท ผู้บริหารคาดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานที่จังหวัดชัยภูมิจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนดคือในไตรมาส 4/61, EA ก่อตั้งบริษัทย่อยคือ AMITA Taiwan เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่โดย EA ถือหุ้นอยู่ 70% 3. EA เพิ่งประกาศว่าบริษัทย่อยคือ Con Dao (SG) ในประเทศสิงคโปร์เตรียมที่จะลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนใหม่ในต่างประเทศทั้งโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์และ energy storage(ESS) และตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าคือผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ซึ่งใช้ไฟฟ้าจากดีเซลอยู่ในขณะนี้
- SPA (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ" เป้า 18.10 บาท ยังมีมุมมองเป็นบวกกับธุรกิจใหม่ของบริษัท "Stretch me by Let’s Relax" โดยคาดว่าจะช่วยบริษัทในการขยายฐานลูกค้าและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพานักท่องเที่ยว และคาดกำไรของ SPA ใน FY18F ที่เติบโต 30.5% จากยอดขายต่อสาขาที่เติบโตต่อเนื่องและการขยายสาขา
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลัง ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,253.65 จุด ลดลง 53.41 จุด, -0.24% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,698.01 จุด ลดลง 4.29 จุด, -0.16% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,922.27 จุด ลดลง 51.20 จุด, -0.19% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,277.35 จุด ลดลง 4.23 จุด, -0.19% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,131.20 จุด ลดลง 3.19 จุด, -0.10% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,591.51 จุด ลดลง 7.13 จุด, -0.09% ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพยังดีเปอร์ตวนอากง
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐเล็งทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 41.26 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,277.70 จุด ลดลง 41.26 จุด หรือ -0.56%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยหุ้นอันโตฟากัสตา บริษัทเหมืองแร่ทองแดง ปรับตัวลดลง 2.87% หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ข้ามชาติ ปรับตัวลดลง 2.73% และหุ้นเกลนคอร์ ปรับตัวลดลง 2.68%
นอกจากนี้ หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ กรุ๊ป เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ยังปรับตัวลดลง 1.35% หลังจากพบว่าทางสายการบินถูกแฮกเกอร์โจมตีจนทำให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้าจำนวนหลายแสนคน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย รับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันถึง 3 วัน อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.08% แตะที่ระดับ 373.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.22 จุด เพิ่มขึ้น 8.38 จุด หรือ +0.16% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,959.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,277.70 จุด ลดลง 41.26 จุด หรือ -0.56%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากฝั่งสหรัฐ มักมีอิทธิพลต่อบรรยากาศการซื้อขายในฝั่งยุโรป
อย่างไรก็ดี การซื้อขายยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
หุ้นดอยซ์แบงก์ตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 1.45% หลังมีข่าวผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากจีนเตรียมขายหุ้นของทางธนาคารในสัดส่วน 7.6%
หุ้นอีเลียด ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของฝรั่งเศส ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.34% ส่วนหุ้นสวีดิช ออร์แฟน ไบโอวิทรัม บริษัทเภสัชภัณฑ์ของสวีเดน ปรับตัวลดลง 8.30%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ หลังทรัมป์ขู่เก็บภาษีสินค้าจีนอีก 2.67 แสนล้าน
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังถูกกดดัน หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของแรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.54 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,871.68 จุด ลดลง 6.37 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,902.54 จุด ลดลง 20.18 จุด หรือ -0.25%
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาสหรัฐ หรือเมื่อวานนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว หลังการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวลดลง 0.49% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลดลง 0.54% หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลง 0.81% และหุ้นอเมซอนปรับตัวลดลง 0.32%
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ดิ่งลงถึง 6.30% หลังจากมีข่าวการลาออกของผู้บริหาร 2 รายของบริษัท รวมทั้งมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา ได้สูบบุหรี่ใส่กัญชา และจิบวิสกี ขณะที่ออกรายการสนทนากับนายโจ โรแกน ผ่านทางระบบ podcast
 
--อินโฟเควสท์
OO13551

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!