WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

3ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้เสี่ยงปรับฐาน หลังยังไร้ปัจจัยบวก-มีความไม่แน่นอนในสงครามการค้า
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสเสี่ยงปรับฐาน เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องสงครามการค้า ซึ่งทางสหรัฐฯจะมีการเจรจาการค้ากับแคนาดาในวันที่ 5 ก.ย.นี้ และยังต้องติดตามการประชาพิจารณ์ของสหรัฐฯในเรื่องการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนด้วย ซึ่งต่างก็เป็นปัจจัยกดดันให้กับตลาดฯ
นอกจากนี้ ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) ในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ Fund Flow ยังไหลออกอยู่ และวอลุ่มเทรดโดยรวมที่บาง ทำให้เกิดโอกาสในการปรับฐานได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,710 จุด ส่วนแนวต้าน 1,725 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้ (3 ก.ย.61) ปิดทำการเนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 32.67 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 93.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.17 จุด, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 1.62 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 10.46 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.ย.61) 1,721.21 จุด ลดลง 0.37 จุด (-0.02%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,840.65 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.ย.61
- ตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ (3 ก.ย.61) เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.ย.61) ที่ 6.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.67 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ จับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์นี้
- รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "เปิดประตู สู่จีนใต้" ภายในงานสัมมนา ผ่าขุมทรัพย์แดนจีนใต้ รู้ก่อน รวยก่อน ว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ มีโอกาสที่จะโตเกิน 8% ได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสเติบโตได้ถึง 9% ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีฐานการเติบโตสูงถึง 9% ส่วนหนึ่งได้รับแรงส่งจากการส่งออกไปยังประเทศจีนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- หัวหน้าทีมประสานโครงการรถไฟความเร็วสูง บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า ซีพีกำลังอยู่ระหว่าง การศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาท ซึ่งมีกำหนด ยื่นซองประมูลในวันที่ 12 พ.ย.นี้
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ส.ค. 2561 เท่ากับ 102.27 สูงขึ้น 1.62% เทียบกับเดือน ส.ค. 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 2561 เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.26% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) 2561 เพิ่มขึ้น 1.12%
- ตลาดหลักทรัพย์ฯเดินหน้า ตรวจสอบโบรกเกอร์ทุกราย หวั่นปล่อยให้ ลูกค้าฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ พร้อมสั่งปรับบล.เอเชีย เวลท์ 5.85 ล้านบาท หลังปล่อยลูกค้า ต่างประเทศขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นนั้นอยู่ในความครอบครอง
- ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ (EIC) ได้ปรับเป้าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีนี้เหลือ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มจะชะลอลงจากฐานสูงของราคาน้ำมัน ขณะที่ราคาอาหารสดยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากปริมาณผลผลิตที่ยังสามารถออกสู่ตลาดได้มาก จากสภาวะอากาศที่เอื้ออำนวย
- รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ส.ค.2561 ว่า ปรับลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากระดับ 52 มาอยู่ที่ระดับ 51.4 จากดัชนีการลงทุนและการจ้างงานที่ลดลงเป็นสำคัญ แต่ดัชนีองค์ประกอบเกือบทุกด้านยังคงอยู่เหนือระดับ 50
*หุ้นเด่นวันนี้
- TK (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 14 บาท ได้ Sentiment บวกจากรายงานยอดขายรถมอเตอร์ไซต์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 171,490 คันเพิ่มขึ้น 4%yoy นับเป็นการเพิ่มขึ้น yoy เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
- SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท เช้านี้มีประชุมนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน คาดว่าจะทำให้ตลาดเข้าใจถึงงบ Q2/61 ที่ชะลอชั่วคราว และแนวโน้ม H2/61 ที่จะกลับมาโตเด่นมากขึ้น โดยมีแรงหนุนทั้งสินค้าของ Apple และ Synergy ที่จะเกิดร่วมกับ BAF โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ 750 ล้านบาท +20% Y-Y และปีหน้า 884 ล้านบาท +18% Y-Y ด้าน PE2561-62 เพียง 11-13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของตัวเองที่ 16 เท่า และค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่าอยู่มาก
- KTB (ไอร่า)"โอกาสในการสะสม"แม้คาดสินเชื่อจะเติบโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แต่ภายใต้นโยบายของ KTB ที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น โดยคาดจากสำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาท เมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าหมายสำรองหนี้ในปี 61 ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ +39% อยู่ที่ประมาณ 31,100 ล้านบาท พร้อมคาดเงินปันผล 0.89 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 5.12% อีกทั้งคาดผลประกอบการยังมี Upside หากการประมูลขายที่ดิน AQ สำเร็จ คาด KTB มีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท (EPS ประมาณ 0.60 บาท) คาดเพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าขยับลงวันนี้ วิตกข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีน,ตลาดเกิดใหม่ผันผวน
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,697.08 จุด ลดลง 10.30 จุด, -0.05% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,721.21 จุด เพิ่มขึ้น 8.67 จุด, +0.03% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,810.30 จุด ลดลง 3.28 จุด, -0.18%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตลาดเกิดใหม่ยังคงได้รับแรงกดดันในสัปดาห์นี้ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนหลังจากที่ตุรกีและอาร์เจนตินาพยายามใช้มาตรการต่างๆ หลังจากที่เกิดวิกฤตหนักในเดือนที่ผ่านมา
ธนาคารกลางตุรกีส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยระบุว่าทางธนาคารกลางจะทบทวนนโยบายการเงินในการประชุมเดือนนี้ เพื่อควบคุมความเสี่ยงต่อเสถียรภาพราคา หลังจากมีการเปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อของตุรกีพุ่งแตะระดับ 17.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2546
ทางด้านอาร์เจนตินานั้น ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีการส่งออกครั้งใหม่ รวมทั้งยุบบางกระทรวงเมื่อวานนี้ เพื่อยุติความผันผวนทางเศรษฐกิจ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งน้อยกว่าที่ธนาคารกลางได้ประมาณการไว้เมื่อเดือนก.ค.ว่ามีการขยายตัว 0.7% นอกจากนี้ GDP ไตรมาส 2 ยังชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ซึ่งมีการขยายตัวที่ระดับ 1% โดยมีสาเหตุมาจากตัวเลขการลงทุนด้านการก่อสร้างที่ซบเซาลง
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยายตัวเพียง 1.4% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่มีการขยายตัว 1.5% และยังต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้กำหนดไว้ที่ 2% ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า การดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้นั้น อาจจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 72.18 จุด หลังเงินปอนด์อ่อนหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า ยุโรปจะต้องเตรียมตัวรับมือกรณีที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,504.60 จุด เพิ่มขึ้น 72.18 จุด หรือ +0.97%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน จากระดับ 53.8 ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 25 เดือนในเดือนส.ค. มีสาเหตุจากความไม่มั่นใจของนักลงทุนเกี่ยวกับ Brexit โดยสหราชอาณาจักรอาจถอนตัวจาก EU แบบไม่มีข้อตกลง ซึ่งจะส่งผลให้สหราชอาณาจักรเผชิญผลกระทบในหลายด้าน รวมถึงการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป, ต้นทุนบัตรเครดิตที่ปรับตัวสูงขึ้น, งานเอกสารข้ามชายแดนมีความยุ่งยากมากขึ้น, การขาดแคลนยารักษาโรค, ภาวะไฟฟ้าดับ และอาจต้องหยุดให้บริการทางหลวงพิเศษในเมืองโดเวอร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปยังฝรั่งเศส
ทางด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า ยุโรปจะต้องเตรียมตัวรับมือกรณีที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง พร้อมระบุว่า EU จำเป็นจะต้องรับมือกับทุกสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงกรณีที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง โดยประเด็นชายแดนไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือถือเป็นประเด็นที่มีความเปราะบางมากที่สุด
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของอังกฤษ ปรับตัวลง 0.2% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนายมาร์ค รี้ด เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แทนนายมาร์ติน ซอร์เรลล์
หุ้นเดชร่า ฟาร์มาซูติคัล ดิ่งลง 21% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทเดชร่า ฟาร์มาซูติคัล เป็นผู้ผลิตยาสำหรับรักษาสัตว์
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย ขณะนักลงทุนกังวลเจรจาการค้าสหรัฐ-แคนาดา
ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนดา นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนขาดปัจจัยชี้นำ จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ 3 ก.ย.เนื่องในวันแรงงาน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเพียง 0.07% ปิดที่ 382.51 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,413.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.95 จุด, +0.13% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,504.60 จุด เพิ่มขึ้น 72.18 จุด, +0.97% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,346.41 จุด ลดลง 17.65 จุด, -0.14%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายจะเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้
การทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.ได้สิ้นสุดลง โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ
หุ้นเดชร่า ฟาร์มาซูติคัล ดิ่งลง 21% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทเดชร่า ฟาร์มาซูติคัล เป็นผู้ผลิตยาสำหรับรักษาสัตว์
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของอังกฤษ ปรับตัวลง 0.2% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนายมาร์ค รี้ด เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แทนนายมาร์ติน ซอร์เรลล์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน จากระดับ 53.8 ในเดือนก.ค. โดยการร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 22.10 จุด หลังเจรจาการค้าสหรัฐ-แคนาดาคว้าน้ำเหลว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อวันศุกร์ (31 ส.ค.) หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดาจบลงโดยที่ยังหาข้อยุติไม่ได้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,964.82 จุด ลดลง 22.10 จุด หรือ -0.09% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,109.54 จุด เพิ่มขึ้น 21.17 จุด หรือ +0.26% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,901.52 จุด เพิ่มขึ้น 0.39 จุด หรือ +0.01%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.7% ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.1%
สำหรับการซื้อขายตลอดทั้งเดือนส.ค. ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.2% ดัชนี S&P เพิ่มขึ้น 3% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 5.7%
ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาปิดตลาดในแดนลบ หลังจากที่ปรับตัวแดนบวกในช่วงแรก เนื่องจากตัวแทนเจรจาการค้าของแคนาดาได้ออกมายอมรับว่ายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่กับสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุไว้ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกันในการเจรจา
นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้าของแคนาดา กล่าวต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า แคนาดายังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่กับสหรัฐ
นางฟรีแลนด์กล่าว หลังจากมีข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะไม่ประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับแคนาดา
ด้านนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ยังคงปฏิเสธที่จะผ่อนปรนเงื่อนไขของสหรัฐ แม้ว่านางฟรีแลนด์ได้เสนอที่จะประนีประนอมในการรักษากลไกการแก้ไขข้อพิพาททางการค้าอย่างอิสระภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่
อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดจัดการเจรจาอีกครั้งในวันพุธนี้
หุ้นโคคาโคล่าร่วงลง 0.9% หลังจากที่บริษัทน้ำอัดลมรายใหญ่เปิดเผยว่าจะเข้าซื้อกิจการร้านกาแฟคอสต้า คอฟฟี่ จากบริษัทวิทเบรดในมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นวิทเบรดทะยานขึ้น 14%
 
--อินโฟเควสท
OO13312

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!