WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวขึ้นตามตลาดตปท.,ราคาน้ำมันขยับขึ้นหนุนหุ้นพลังงาน-กองทุนในประเทศซื้อต่อเนื่อง
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเช้านี้จะแกว่งตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากแรงหนุนของเม็ดเงินภายในประเทศที่มียังมีเข้ามา โดยเฉพาะกองทุนภายในประเทศที่ซื้อต่อเนื่องในปริมาณที่ค่อนข้างมาก รวมถึงตลาดยังมีความคาดหวังต่อการจัดงาน Thailand Focus ที่มีขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้น่าจะช่วยผลักดันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ก็น่าจะเป็นแรงหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีได้อย่างต่อเนื่องด้วย รวมถึงความคืบหน้าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ก็จะยังเป็นแรงผลักดันให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและนิคมอุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวด้วย
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการเมื่อคืนนี้ต่างปรับตัวขึ้น ขานรับการที่สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ทำให้ตลาดมีความคาดหวังต่อการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป แต่ยังต้องติดตามประเด็นดังกล่าวต่อเนื่องด้วย
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,709-1,705 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,729-1,730 จุด และ 1,735 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ส.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,049.64 จุด เพิ่มขึ้น 259.29 จุด (+1.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,896.74 จุด เพิ่มขึ้น 22.05 จุด (+0.77%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,017.90 จุด เพิ่มขึ้น 71.92 จุด (+0.91%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 168.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 259.62 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 44.12 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.84 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.21 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 16.92 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.34 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ส.ค.61) ที่ระดับ 1,717.24 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด (+0.79%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 599.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ส.ค.61) ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ส.ค.61) ที่ 5.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.52/53 แข็งค่าจากวานนี้หลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 32.40-32.56
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมหารือสมาคมธนาคารไทย เรื่องการขยายวงเงินในการโอนเงินฟรีผ่านระบบพร้อมเพย์ จากวงเงิน 5,000 บาท/ครั้ง เพิ่มเป็น 7 แสนบาท ภายใน 1-2 เดือน โดยจะประเมินผลเพื่อพิจารณาขยายวงเงินเป็น 2 ล้านบาทในระยะต่อไป เพื่อรองรับการทำธุรกรรมขนาดใหญ่และรองรับธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ (Net Settlement) ในระยะต่อไป
- ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ยสท.สรุปรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ 50% จากที่เคยซื้อปีที่ผ่านมาหลังจาก ที่กระทรวงการคลังแจ้งอย่างไม่เป็นทางให้ ยสท. รับทราบว่าจะขยายการปรับเพิ่มขึ้นภาษีบุหรี่ตามราคาจาก 20% เป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ออกไปอีก 2 ปี เป็นวันที่ 1 ต.ค. 2564 ทำให้ ยสท. มียอดขายบุหรี่มากพอที่จะรับซื้อใบยาจากผู้ปลูกชาวไร่ได้
- รมว.พลังงาน ระบุความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่ ปี 2560-2579 คาดเสร็จตามกำหนดภายในเดือนกันยายนนี้ แน่นอน
- รมว.พาณิชย์ ระบุขณะนี้ภาคเอกชนได้ประเมินสถานการณ์ส่งออกไทยในปี 61 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกกว่า 257,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 9% แบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัว 11% และภาคเกษตรและเกษตรแปรรูปขยายตัว 5% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ 8% อย่างไรก็ตามในเดือน ต.ค.นี้ กระทรวงฯจะประชุมกับทูตพาณิชย์ทั่วโลกเพื่อประเมินปรับเป้าหมายส่งออกอีกครั้ง
- รฟม.จ่อชงบอร์ด 31 ส.ค.นี้ ไฟเขียวเปิดประมูลก่อสร้าง และงานเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มเหนือ-ใต้ วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท มั่นใจคลอดทีโออาร์ทันปีนี้ พร้อมเตรียมเดินหน้าโมโนเรลส่วนต่อขยายสายสีชมพูเข้าเมืองทองธานี นายกฯ ห่วงค่าเวนคืนพุ่ง เป็นอุปสรรคโครงการรัฐ
- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมข้อเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาการคลายล็อกให้พรรคการเมืองว่าขณะนี้ 6 ข้อเสนออยู่ที่  พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.แล้ว ซึ่งในวันที่ 28  ส.ค.ที่จะประชุม คสช.ก็ไม่ทราบว่าจะมีการหยิบขึ้นมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาหรือไม่ สำหรับ 6 ข้อประกอบด้วย 1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.สามารถดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกและ 6.การแก้ไขข้อบังคับพรรคการเมืองให้สามารถเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้สามารถจัดประชุมใหญ่
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐาน 232 บาท หลังมองกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ที่ 9.2 พันล้านบาท สูงกว่าตลาดคาด 10% ปัจจัยเด่นในไตรมาสนี้คือคุณภาพสินเชื่อที่ปรับดีขึ้นอย่างมาก ด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL ratio) ที่ปรับดีขึ้นอย่างมาก QoQ (ดีกว่าคาด) จาก 4.66% เป็น 4.04% เป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่สูงของธนาคารและการตัดบัญชี กอปรกับการก่อตัวของ NPL โดยรวมที่ลดลง คาดว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2561 คิดเป็น 51.2% ต่อประมาณการกำไรปี 2561
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 34 บาท บอร์ด รฟม.จะพิจารณาอนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้ม 31 ส.ค.นี้ รูปแบบ PPP Net Cost คาด BEM มีโอกาสสูงเข้าประมูลเนื่องจากเป็นผู้ให้บริการเดินรถรถไฟฟ้าใต้ดินรายเดียว และมีบางสถานีของสายสีส้มเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงิน รวมถึง CK จะได้รับอานิสงส์จากการรับงานก่อสร้างต่อจากบริษัทลูก และปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวจะเป็น Catalyst บวกกับกลุ่มรับเหมาจากความชัดเจนในการเร่งประมูลงานจำนวนมากก่อนการเลือกตั้งปีหน้า ยังคงคาดกำไรปีนี้ของ BEM ที่ 3,709 ล้านบาท +19% Y-Y
- BJC (หยวนต้าฯ) แนะ"สะสม"ให้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท มุมมองบวกหลังวานนี้ +2.6% เทียบกับ CPALL +0.4% และ SET Commerce +1.1% สะท้อน Momentum ที่แข็งแกร่ง และแรงหนุนการปรับพอร์ตจาก CPALL เข้า BJC แทน ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q61 เติบโต QoQ จาก SSSG ที่พลิกกลับเป็นบวก YoY จาก 2Q61 ที่ -0.5% YoY และคาดบวก YoY ต่อเนื่องถึง 4Q61 ซึ่งเป็น High Season หนุนกำไรปี 2561 เติบโต +31% YoY เป็น 6.9 พันล้านบาท เติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับสหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,967.74 จุด เพิ่มขึ้น 168.10 จุด, +0.74% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,782.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.39 จุด, +0.05% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,530.89 จุด เพิ่มขึ้น 259.62 จุด, +0.92% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,946.33 จุด เพิ่มขึ้น 44.12 จุด, +0.40% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,312.14 จุด เพิ่มขึ้น 12.84 จุด, +0.56% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,244.26 จุด เพิ่มขึ้น 18.64 จุด, +0.58% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,811.39 จุด ลดลง 0.21 จุด, -0.01%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA
ปธน.ทรัมป์ได้แถลงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า "เราจะเรียกว่า 'ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก' โดยเราจะยกเลิกชื่อ 'ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)' เนื่องจากชื่อนี้มีความหมายแฝงที่ไม่ดี เพราะสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างมากจาก NAFTA เป็นเวลาหลายปี" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโกจะช่วยสนับสนุนบรรดาเกษตรกรและผู้ผลิตของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางกำลังใช้มาตรการเพื่อหนุนค่าเงินหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะ "ป้องกันปัจจัยผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน และทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดดีดขึ้น 14.27 จุด ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมยืนยันเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการสามวันช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องในวันหยุดธนาคาร
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,577.49 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด หรือ +0.19% และขยับขึ้น 0.3% ในรอบสัปดาห์
ดัชนีหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับหุ้นทั่วยุโรป และตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ได้ส่งสัญญาณเฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ขณะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว
นายพาวเวลระบุในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง วานนี้ว่า เขาคาดว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมองหาจุดสมดุลในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไป
"ตามที่รายงานการประชุมของเฟดระบุไว้ ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม"
นายพาวเวลยังกล่าวแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และคาดว่าเฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อ โดยเขาระบุว่า เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง
นายพาวเวลคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคครัวเรือน ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ การสร้างงานในระดับสูง รายได้ที่เพิ่มขึ้น และการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวที่สดใสต่อไป
อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์วานนี้ นายพาวเวลไม่ได้ระบุถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่เมื่อวันก่อน เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันกรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
ทั้งนี้ หุ้นเหมืองปรับตัวขึ้นนำตลาด นำโดยหุ้นอันโตฟากัสตา บริษัทเหมืองแร่ทองแดง พุ่ง 3.55% เป็นแกนนำหุ้นบวก หุ้นเกลนคอร์พุ่ง 3.3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 2.54%
ส่วนหุ้นลบนำโดย อเมริกัน โทแบคโค บริษัทยาสูบข้ามชาติ ร่วง 3.42% หุ้นโอคาโด กรุ๊ป ร้านขายของชำออนไลน์ ร่วง 3.14% และเบิร์กลีย์ กรุ๊ป โฮลดิงส์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1.76%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับสหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคี
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีดีดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 385.56 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,479.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.60 จุด หรือ +0.86% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,538.31 จุด เพิ่มขึ้น 143.79 จุด หรือ +1.16% *ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 27 ส.ค. เนื่องในวัน "Summer Bank Holiday"
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA
ปธน.ทรัมป์ได้แถลงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า "เราจะเรียกว่า 'ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก' โดยเราจะยกเลิกชื่อ 'ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)' เนื่องจากชื่อนี้มีความหมายแฝงที่ไม่ดี เพราะสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างมากจาก NAFTA เป็นเวลาหลายปี"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานของ Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดีดตัวสู่ระดับ 103.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. รวมทั้งเป็นการพุ่งขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีได้รับแรงหนุนจากการคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เห็นพ้องกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ในการยกเลิกการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ต่อรถยุโรป
หุ้นบลูชิพของเยอรมนีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเดมเลอร์ ดีดตัวขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นคอนทิเนนทัล ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ พุ่งขึ้น 3%
หุ้นเมโทร ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของเยอรมนี ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 12% หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของเมโทรได้เปิดเผยแผนการตัดขายหุ้นจำนวน 10% ให้กับกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.ของฝรั่งเศส,  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของเยอรมนีจากสถาบัน GfK, อัตราว่างงานเดือนส.ค.และยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของเยอรมนี ส่วนยูโรสแตทจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค.และอัตราว่างงานเดือนก.ค.ของกลุ่มยูโรโซน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 259.29 จุด ขานรับสหรัฐ-เม็กซิโกบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคี
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่เหนือระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,049.64 จุด เพิ่มขึ้น 259.29 จุด หรือ +1.01% ขณะที่ Nasdaq ปิดที่ 8,017.90 จุด เพิ่มขึ้น 71.92 จุด หรือ +0.91% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,896.74 จุด เพิ่มขึ้น 22.05 จุด หรือ +0.77%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลง NAFTA
ปธน.ทรัมป์ได้แถลงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า "เราจะเรียกว่า 'ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก' โดยเราจะยกเลิกชื่อ 'ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)' เนื่องจากชื่อนี้มีความหมายแฝงที่ไม่ดี เพราะสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างมากจาก NAFTA เป็นเวลาหลายปี" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโกจะช่วยสนับสนุนบรรดาเกษตรกรและผู้ผลิตของทั้งสองประเทศ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก โดยหุ้นในกลุ่มรถยนต์นั้น ฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ทะยานขึ้น และหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 3.5%
ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 1.5% และหุ้น 3M เพิ่มขึ้น 1.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นและช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดที่เหนือระดับ 8,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดีดขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส (AMD) ทะยานขึ้น 5.3%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางกำลังใช้มาตรการเพื่อหนุนค่าเงินหยวน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะ "ป้องกันปัจจัยผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน และทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ ปิดตลาดร่วงลง 1.1% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ยกเลิกแผนในการนำบริษัทออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ขณะที่หุ้นทิฟฟานี ผู้ผลิตเครื่องประดับชั้นนำของสหรัฐ ร่วงลง 1.3% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้ ส่วนหุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ (Chipotle Mexican Grill) แบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง ดิ่งลง 4.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นชิโปเล่
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
 
--อินโฟเควสท์ 
OO12991

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!