WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

9 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัว-มีลุ้นขึ้นตามตลาดตปท.จับตาประชุมกนง.-ตัวเลขส่งออกของจีน
 
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,700-1,720 จุด โดยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกกัน ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้น
 
อย่างไรก็ดี วันนี้บ้านเราจะต้องติดตามการประชุมการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งวันนี้คาดว่ากนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ถ้ามีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มแบงก์ฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่
 
นอกจากนี้ ให้ติดตามเรื่องคลื่น 1800 และ 900 MHz ว่าจะมีใครเข้าร่วมประมูลบ้าง หลังจากที่ TRUE แจ้งมาแล้วว่าจะไม่เข้าร่วมประมูล และ DTAC ระบุว่าจะเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 MHz แต่ไม่เข้าประมูลคลื่น 900 MHz ต่อไปก็ต้องรอดูทาง ADVANC
 
ด้านปัจจัยนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของจีนงวดเดือนก.ค. ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะ +10% จากงวดปีก่อน ซึ่งต้องจับตาดูเพราะว่าเดือน ก.ค.เป็นเดือนแรกที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน
 
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ส.ค.61)  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,628.91 จุด พุ่งขึ้น 126.73 จุด (+0.50%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,883.66 จุด เพิ่มขึ้น 23.99 จุด (+0.31%) และดัชนี S&P500ปิดที่ 2,858.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.05 จุด (+0.28%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 3.82 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.24 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 224.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 42.63 จุด,  ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.78 จุด, ชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.64 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ส.ค.61) 1,707.26 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด (+0.65%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,246.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ส.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ส.ค.61) ปิดที่ 69.17 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ส.ค.61)  ที่ 6.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.21 แข็งค่าตามหยวน คาดแกว่งในกรอบ 33.15-33.30 รอผลประชุมกนง.วันนี้
- กกร.คงคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4.3-4.8% ส่งออกโต 7-10% เช่นเดิมแม้จะมีปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงน้ำท่วมในขณะนี้มั่นใจจะไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 ขณะที่สภาหอฯยันสงครามการค้าเป็นบวกต่อไทย "ส.อ.ท." สั่งสมาชิกเกาะติดน้ำใกล้ชิดไม่ห่วงโรงงานแต่ห่วงภาคเกษตรหวั่น ฉุดแรงซื้อ
 
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าต่อการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 พบว่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยลดลง 351-2,881 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 0.14-1.13% และกระทบต่ออัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลดลง 0.12-1.02%
 
- กลุ่มทรู แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เข้าร่วมประมูลคลื่น 900 กับ 1800
- DTAC เผยวันนี้จะยื่นเอกสารเข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 MHz แต่ไม่ร่วมประมูลคลื่น 900 MHz
- กสทช.เผยยอดชมรายงานทีวี พบว่า ทีวีดิจิทัลผ่านโครงข่ายภาคพื้นดินเพิ่มสูงขึ้นเป็น 89.42% ขณะที่รับชมผ่านดาวเทียมและเคเบิลลดลงเหลือ 10.58% โดยช่อง 7 ครองแชมป์ค่าความนิยมสูงสุด ช่วงถ่ายทอดสดภารกิจช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง ประชาชนติดตามมากสุด
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 9 บาท คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว เบื้องต้นคาดงบ Q1/62 (เม.ย-มิ.ย) จะมีกำไรสุทธิประมาณ 289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%qoq และ 1%yoy จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ
 
- KTB (ไอร่า) "สะสม"เป้า 21.90 บาท แม้คาดสินเชื่อโตไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ภายใต้นโยบายที่ต้องการปรับลดสินเชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น สินเชื่อโรงสี และสินเชื่อสหกรณ์ เป็นต้น ทำให้คาดกำไรสุทธิโตโดดเด่น สำรองหนี้ 32,000 ล้านบาท ลดลงจาก 44,000 ล้านบาทเมื่อปี 60 (รวมสำรองหนี้ EARTH จำนวน 12,000 ล้านบาท) ขณะที่ KTB ตั้งเป้าสำรองหนี้ปีนี้ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิ +39% อยู่ที่ 31,100 ล้านบาท คาดเงินปันผล 0.89 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ประมาณ 5.12% ผลประกอบการยังมี Upside หากขายที่ดิน AQ สำเร็จส่งผลมีกำไรพิเศษ 8,500 ล้านบาท (EPS ประมาณ 0.60 บาท) เพิ่ม Target Price อีก 0.40 บาท ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
 
- CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.70 บาท คาดกำไรปกติ Q2/61 ที่ 140 ลบ. +18.3% Y-Y จากฤดูฝนที่มาเร็วและการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่ H2/61 ยังดีต่อเนื่องโดยเฉพาะ Q3/61 ที่จะเป็นจุดสูงสุดของปีจาก High Season โดยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนใหญ่ในช่วง 2 ปีที่แล้ว ที่จะส่งผลดีชัดเจนตั้งแต่ปีนี้ โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 679 ลบ. +20% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +10% Y-Y อยู่ที่ 746 ลบ.
 
 
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่ง
 
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,666.56 จุด เพิ่มขึ้น 3.82 จุด, +0.02% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,771.13 จุด ลดลง 8.24 จุด, -0.30% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,473.48 จุด เพิ่มขึ้น 224.60 จุด, +0.80% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,026.07 จุด เพิ่มขึ้น 42.63 จุด, +0.39% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,305.73 จุด เพิ่มขึ้น 5.57 จุด, +0.24% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,336.22 จุด ลดลง 3.78 จุด, -0.11% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,793.16 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด, +0.12% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,737.49 จุด เพิ่มขึ้น 11.64 จุด, +0.15%
 
ทั้งนี้ การที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 80% ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ที่ FactSet เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2551
 
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้
 
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 54.70 จุด รับดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง,ราคาบ้านอังกฤษฟื้นตัว
 
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งสุดในรอบ 8 เดือน
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,718.48 จุด เพิ่มขึ้น 54.70 จุด หรือ +0.71%
 
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจขชองประเทศ
 
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน โดยหุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ทะยานขึ้น 2.2% หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 1.7% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1%
 
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากฮาลิแฟ็กซ์ ซึ่งเป็นธนาคารในเครือลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยว่า ราคาบ้านของอังกฤษพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 8 เดือน หลังจากปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
 
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดบ้านในอังกฤษแข็งแกร่งขึ้น หลังจากเผชิญภาวะซบเซาในช่วงต้นปี
 
 
 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อหุ้นรถยนต์,สินค้าโภคภัณฑ์ หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
 
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคึกคัก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก
 
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 390.49 จุด
 
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,648.19 จุด เพิ่มขึ้น 49.98 จุด หรือ +0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,521.31 จุด เพิ่มขึ้น 44.13 จุด หรือ +0.81% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,718.48 จุด เพิ่มขึ้น 54.70 จุด หรือ +0.71%
 
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโททาล พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นริโอทินโต พุ่งขึ้น 1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ทะยานขึ้น 2.2% หุ้นบีพี ปรับตัวขึ้น 1.7% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 1%
 
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเดมเลอร์ เอจี พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นวอลโว่ ดีดตัวขึ้น 1.2%
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นธนาคารเอชเอสบีซี พุ่งขึ้น 1.1% และหุ้นบังโค ซานตานเดร์ เพิ่มขึ้น 1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีรายงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีก่อนหน้าแล้ว การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5%
 
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีทรงตัวในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ขยายตัว 1.7% ในเดือนพ.ค.
 
ส่วนยอดนำเข้าขยายตัว 1.2% เมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้นจากที่ขยายตัว 0.7% ในเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนมิ.ย.ลดลงแตะ 1.93 หมื่นล้านยูโร จาก 2.04 หมื่นล้านยูโรในเดือนพ.ค.
 
หากเทียบเป็นรายปี ยอดส่งออกของเยอรมนีเติบโตขึ้น 7.8% ในเดือนมิ.ย. จากที่หดตัวลง 1.3% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัวในอัตราเร็วขึ้นที่ 10.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก่อนหน้า
 
 
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 126.73 จุด ขานรับหุ้นเทคโนฯดีดแรง,ผลประกอบการสดใส
 
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นเทสลาและหุ้นอัลฟาเบท ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
 
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,628.91 จุด พุ่งขึ้น 126.73 จุด หรือ +0.50% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,883.66 จุด เพิ่มขึ้น 23.99 จุด หรือ +0.31% และดัชนี S&P500ปิดที่ 2,858.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.05 จุด หรือ +0.28%
 
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้นเทสโลาซึ่งทะยานขึ้น 11% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้ทวีตข้อความว่า เขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ โดยข้อความดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้น นอกจากนี้ ราคาหุ้นเทสลายังพุ่งขึ้นจากรายงานข่าวที่ว่า กองทุนบริหารความมั่งคั่งของซาอุดิอาระเบียได้เข้าซื้อหุ้นเทสลาจำนวน 3-5% คิดเป็นวงเงิน 1.9-3.1 พันล้านดอลลาร์
 
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.7% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ขยับขึ้น 0.6% และหุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 0.8%
 
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.958% ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน ปรับตัวขึ้น 0.4% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 0.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ขยับขึ้น 0.3%
 
หุ้นดีนฟู้ดส์ ทะยานขึ้น 15% ขณะที่หุ้นออฟฟิศ ดีโปท์ พุ่งขึ้น 14% หลังจากทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยกำไรและยอดขายที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2
 
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทประกาศว่ากำลังหาพันธมิตรในการผลิตและจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กสำหรับการใช้ในอินเดียและตลาดเอเชียแห่งอื่นๆ โดยการแตกไลน์ผลิตมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กของฮาร์ลีย์-เดวิดสันมีขึ้น ท่ามกลางปัญหายอดขายตกต่ำในสหรัฐ ขณะที่ฐานลูกค้าเดิมเริ่มมีอายุมากขึ้น
 
นอกจากนี้ การที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 80% ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ที่ FactSet เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2551
 
นักลงทุนจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้
 
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.
--อินโฟเควสท์
OO12222

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!