- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 31 July 2018 11:51
- Hits: 3846
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้มีโอกาสผันผวนมากขึ้น - Upside ช่วงสั้นจำกัด เหตุบรรยากาศตปท.ไม่สดใส
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มองว่ามี Upside ช่วงสั้นจำกัด และมีโอกาสที่จะผันผวนได้มากขึ้น แต่โมเมนตัมยังเป็นบวกอยู่ เนื่องจากบรรยากาศตลาดต่างประเทศไม่ค่อยดีมากนัก โดยตลาดสหรัฐฯได้มีแรงขายทำกำไรหุ้นที่มีมูลค่าที่แพงหลายตัวตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งได้ปรับตัวลงไปถึงระดับ 10% นับเป็นการส่งสัญญาณให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นว่าระดับราคาหุ้นกับกำไรของบริษัทควรจะไปด้วยกัน ซึ่งก็ควรจะเลือกหุ้นที่เหมาะสมในแง่ของการเติบโตกับ Valuation
อย่างหุ้นในกลุ่มแบงก์มีการเทรด P/E 9-10 เท่า ถือว่ายังปลอดภัยในการลงทุนอยู่ และกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวานนี้ซึ่งก็มองเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น แต่มองว่าควรจะเลือกลงทุนเป็นรายตัวมากกว่า โดยเฉพาะตัวที่คาดว่างบการเงินไตรมาส 2/61 จะออกมาดี อย่างเช่นหุ้น BANPU, IVL, IRPC, BGRIM เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงตามตลาดสหรัฐฯ และยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในคืนนี้และวันพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพียงแต่อัตราผลตอบแทนแทนพันธบัตร(Bond Yield) ของสหรัฐ ได้ขยับขึ้นมาจาก 1 สัปดาห์ที่แล้วที่ 2.85% มาขณะนี้อยู่ที่ 2.97% ซึ่งตลาดฯจับตาดูมอว่าจะขยับขึ้นไป 3% หรือสูงกว่าหรือไม่
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,680-1,712 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,306.83 จุด ลดลง 144.23 จุด (-0.57%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,630.00 จุด ลดลง 107.42 จุด (-1.39%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.60 จุด ลดลง 16.22 จุด (-0.58%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 72.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.15 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 69.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 35.81 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 22.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 43.23 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ค.61) 1,701.87 จุด เพิ่มขึ้น 11.79 จุด (+0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,308.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ก.ค.61) ปิดที่ 70.13 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ก.ค.61) ที่ 6.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.33 คาดระหว่างวันแกว่งในกรอบ 33.20-33.40 ตลาดยังจับตาปัจจัยสงครามการค้าเป็นหลัก
- ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-หัวหิน ว่า ขณะนี้ผลศึกษาอยู่ที่กระทรวงคมนาคม ยังไม่สามารถเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี)
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารและอำนวยการในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หรือกองทุนแบงก์รัฐ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมเตรียมพร้อมดำเนินการใช้เงินกองทุนที่มีอยู่ล่าสุด 2 หมื่นล้านบาท หากมีการดำเนินการใช้ได้เร็วจะเป็นผลดีต่อแบงก์รัฐช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากขึ้น
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้เชิญกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ส่งออก 24 กลุ่ม หารือสถานการณ์การส่งออกไทยและการพิจารณาปรับเป้าส่งออกในปี 2561 ซึ่งเดิมตั้งเป้าขยายตัว 8% รวมถึงการหามาตรการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าโลก และมาตรการกีดกันด้านการค้าของประเทศต่างๆ ที่กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ค่อนข้างมีความกังวลอย่างมาก
- คณะอนุกรรมการกองทุนแบงก์รัฐประชุมเตรียมความพร้อมแผนใช้เงินกองทุนแบงก์รัฐ 2 หมื่นล้านบาท แบ่ง 3 แนวทาง "เพิ่มทุนไอแบงก์-ลุยโครงการอินฟินิท-พัฒนาระบบฐานข้อมูล ธอส." พร้อมคัดบ้านมือสองชั้นเลิศออกขายมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาทปลายปีนี้
- เกษตรกรเฮ บอร์ด ธ.ก.ส.ไฟเขียวโครงการพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย 3% หวังช่วยเหลือเกษตรกรกว่า 3.81 ล้านราย เล็งอ้อน ครม.ขอชดเชยดอกเบี้ย 1.63 หมื่นล้านบาท
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ว่า จะเริ่มเปิดขายอย่างเป็นทางการให้กับนักลงทุนแน่ ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ วงเงิน 44,000 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 1 ต.ค. 61 ก็จะนำหน่วยลงทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายให้เพิ่มมากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- BANPU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว Q2/61 คาดมีกำไรสุทธิประมาณ 4 พันล้านบาท เทียบกับ Q1/61 ขาดทุน 1.26 พันล้านบาท นอกจากนี้ระยะสั้นยังได้ Sentiment บวกจากข่าวอินโดฯประกาศยกเลิกระเบียบที่ให้เหมืองถ่านหินเพิ่มสัดส่วนการขายในประเทศ
- AH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 47 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ยังโตได้ 4% Y-Y อยู่ที่ 329 ล้านบาท แม้ Q2/60 มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน 147 ล้านบาท ส่วนกำไรปกติจะโตแรงถึง 113% Y-Y จากยอดผลิตรถยนต์ในประเทศที่โตดีต่อเนื่อง และยังได้ดอกเบี้ยรับรวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก SGAH ไตรมาสละไม่น้อยกว่า 80 ล้านบาท พร้อมมองกำไรทั้งปีคาด +23% Y-Y อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PE2561-62 เพียง 7-8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 11 เท่า และให้ปันผลน่าพอใจ 4-5% ต่อปี
- ROBINS (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ยอดขายสาขาเดิมช่วงครึ่งหลังปี 2561 จะมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งว่าช่วงครึ่งแรกปี 2561 ซึ่งคาดแรงหนุนจาก 1) การบริโภคที่ฟื้นตัวอย่างทั่วถึง 2) การเพิ่มสินค้า private brand products เช่น Haven และ 3) แรงกดดันอัตรากำไรขั้นต้นลดลงน้อยลงจากการเร่งระบายสต็อก คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เติบโต 7.3% YoY แต่ลดลง 7.1% QoQ มาที่ 629 ล้านบาท
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) หลังจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,472.12 จุด ลดลง 72.72 จุด, -0.32% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,866.90 จุด ลดลง 2.15 จุด, -0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,663.14 จุด ลดลง 69.99 จุด, -0.24% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,997.73 จุด ลดลง 35.81 จุด, -0.32% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,292.23 จุด ลดลง 1.28 จุด, -0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,284.40 จุด ลดลง 22.75 จุด, -0.69% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.23 จุด ลดลง 2.03 จุด, -0.11% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,730.09 จุด ลดลง 43.23 จุด, -0.56%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงกดดันจากภาคการผลิตและภาคบริการจีนที่ชะลอตัวลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 51.2 ลดลงจากระดับ 51.5 ในเดือนมิ.ย.
ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 54.0 ลดลงจากระดับ 55.0 ในเดือนมิ.ย.
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 0.46 จุด เหตุเงินปอนด์แข็งกดดันตลาด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,700.85 จุด ลดลง 0.46 จุด หรือ หรือ -0.01%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์แข็งค่านั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า BoE จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส โดยข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ระบุว่า ธนาคารในอังกฤษให้การอนุมัติเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 65,619 รายในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน จากระดับ 64,684 รายในเดือนพ.ค.
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ ร่วงลง 5.1% โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากดีลรีพอร์ทเตอร์รายงานว่า บริษัทอิลเลียตให้เข้าซื้อหุ้นในโวดาโฟน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกผลประกอบการซบเซา,นักลงทุนจับตาประชุมเฟด,BoE
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทไฮเนเก้น ขณะเดียวกันนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 390.92 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,798.20 จุด ลดลง 62.20 จุด หรือ -0.48% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,491.22 จุด ลดลง 20.54 จุด หรือ -0.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,700.85 จุด ลดลง 0.46 จุด หรือ -0.01%
นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ รวมถึง BOJ, เฟด และ BoE ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับลดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมสัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้มีการคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะหดแคบลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์/เยน
ส่วนการประชุมเฟดนั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนก.ย.และธ.ค.
ขณะที่การประชุม BoE ในวันพฤหัสบดีนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
หุ้นไฮเนเก้น ร่วงลง 5.3% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 อันเนื่องมาจากผลกระทบของสกุลเงินยูโรที่แข็งค่าและยอดขายที่ซบเซาในบราซิล
หุ้นซีเมนส์ เฮลธีเนียร์ เอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลงสู่ระดับ 285 ล้านยูโร หรือ 332.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนของค่าเงิน
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ ร่วงลง 5.1% โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้
หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากดีลรีพอร์ทเตอร์รายงานว่า บริษัทอิลเลียตให้เข้าซื้อหุ้นในโวดาโฟน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: หุ้นเทคโนโลยีดิ่งหนัก ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 144.23 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) หลังจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,306.83 จุด ลดลง 144.23 จุด หรือ -0.57% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,630.00 จุด ลดลง 107.42 จุด หรือ -1.39% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,802.60 จุด ลดลง 16.22 จุด หรือ -0.58%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.2% หุ้นอเมซอน ดิ่งลง 2.1% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 5.7% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.8% ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.1% และหุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 8%
นักวิเคราะห์จากบริษัทบอสตัน พาร์ทเนอร์สกล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊กที่เปิดเผยกำไรและจำนวนผู้ใช้งานในไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่ทวิตเตอร์ระบุว่าจำนวนผู้ใช้งานลดลงในไตรมาส 2 เช่นกัน
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปิดตลาดร่วงลง 2% หลังจากทะยานขึ้นในระหว่างวัน จากรายงานที่ว่า บริษัทมีกำไร 2.97 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.73 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.401 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.389 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ดิ่งลง 7.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2561 อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐ
หุ้นยูเอส ฟู้ดส์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 18% หลังจากยูเอส ฟู้ดส์ ตกลงซื้อธุรกิจ 5 แห่งจากบริษัทเซอร์วิส กรุ๊ป ออฟ อเมริกา คิดเป็นวงเงินสูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์
หุ้นซีบีเอส คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทสื่อรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.1% หลังจากมีรายงานว่า คณะกรรมการบริหารของซีบีเอสจะตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบในหน้าที่ของนายเลส มูนเวส ซีอีโอของซีบีเอส
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะปรับลดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกันคาดว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ในการประชุมเดือนก.ย.และธ.ค. ส่วนการประชุม BoE ในวันพฤหัสบดีนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า BoE จะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แต่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 2.5% ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดัชนีภาคบริการเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
--อินโฟเควสท์
OO11854