WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

10ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นเหวี่ยงขึ้น เล็งรับ Sentiment บวกจากตปท. แต่ระวังแรงขายทำกำไรระหว่างทาง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะเหวี่ยงตัวขึ้นไปได้ต่อ แต่เมื่อขึ้นมาแถวบริเวณ 1,695-1,700 จุด ก็ให้ระวังแรง Take Profit โดยตลาดฯคงจะได้รับ Sentiment บวกจากต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้น คงเป็นผลจากผ่อนคลายสงครามการค้า และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดี
ส่วนตลาดบ้านเราคงจะต้องจับตาดูการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่ม Real Sector ต่อไป ซึ่งก็คาดว่าจะไม่ตื่นเต้นอะไร พร้อมให้แนวรับ 1,675 จุด ส่วนแนวต้านอยู่บริเวณ 1,695-1,700 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,414.10 จุด เพิ่มขึ้น 172.16 จุด (+0.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,846.07 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด (+0.91%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,932.24 จุด เพิ่มขึ้น 91.47 จุด (+1.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 97.34 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 162.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 3.56 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 11.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.54 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 43.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.ค.61) 1,690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด (+0.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 329.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ก.ค.61) ปิดที่ 69.30 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ค.61) ที่ 6.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.23 แนวโน้มแข็งค่าตามทิศทางภูมิภาค ขานรับข้อตกลงเจรจาการค้าสหรัฐฯ-EU
- "อุตตม" สุดปลื้มบีโอไอโชว์ยอดขอรับ ส่งเสริมฯ ลงทุนครึ่งปีแรกโตต่อเนื่องโดยในอีอีซีพุ่ง 122% มั่นใจครึ่งปีหลัง ไปต่อหลังนักลงทุนจีน-ญี่ปุ่นจ่อคิวพาเหรดลงพื้นที่ตัดสินใจลงทุนเพิ่ม นับถอยหลัง 6 เดือนที่เหลือเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเชื่อมอุตฯ เป้าหมายกับเอสเอ็มอีดึง ITC-CIV กลไกขับเคลื่อน
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ คาดว่าการส่งออก ปี 2561 จะขยายตัวได้ 9% เนื่องจากการส่งออกขยายตัวได้ดีมากจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกขยายตัวดี ราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับสูง และผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกยังขยายฐานการผลิตในไทย
- "สมคิด" สั่งการ 18 รัฐวิสาหกิจใหญ่ตะลุยเบิกจ่ายงบลงทุน หวังเป็นเครื่องจักรสำคัญดันเศรษฐกิจไทยขยายตัวแรงถึง 5% ชู "ปตท.-กฟผ.-ประปา" แชมป์ลงทุนเก่ง "บัญชีกลาง" แจงยิบเกณฑ์ตีกรอบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็ง-โลหิตวิทยา สำหรับยา 9 รายการ ชี้เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล
- ที่ประชุมบอร์ด กสทช.มีมติจำกัดการลงทะเบียนซิมมือถือได้ไม่เกิน 5 ซิมต่อ 1 คน ต่อค่ายมือถือ หากจะซื้อซิมเกิน 5 ซิม ให้ไปซื้อที่ศูนย์บริการลูกค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ และค่ายมือถือจะต้องรายงานให้สำนักงาน กสทช.รับทราบด้วย ขณะเดียวกันหากตัวแทนจำหน่ายซิมมือถือเกิน 5 ซิม ค่ายมือถือจะต้องรับผิดชอบด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2561 เป็นต้นไป
*หุ้นเด่นวันนี้
- MILL-W5 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน  905,044,920 หน่วย  ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 2 ปี โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 1.80 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 28 ก.ย.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 10 ก.ค.63
- BANPU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว Q2/61 คาดมีกำไรสุทธิประมาณ 4 พันล้านบาท เทียบกับ Q1/61 ขาดทุน 1.26 พันล้านบาท นอกจากนี้ระยะสั้นยังได้ Sentiment บวกจากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นใกล้แตะจุดสูงสุดของปีที่ระดับ 117 เหรียญ/ตัน
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ล้านบาท +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้ว ด้าน PE2561-62 ต่ำเพียง 18-24 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 33 เท่า และราคาหุ้นกลับไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ถือเป็นสัญญาณบวกในการปรับตัวขึ้น
- AOT (ไอร่า) เป้า 83 บาท คาดเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต มีผลกระทบเพียงระยะสั้น โดยกรณีเลวร้ายหากมีการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอีกครั้ง ไม่น่าจะแย่กว่าครั้งก่อนที่ใช้เวลาราว 7 เดือน นักท่องเที่ยวจีนจึงจะกลับมาเติบโตเป็นปกติ  โดยยังมีปัจจัยบวกจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงสนามบินสุวรรณภูมิ, ดอนเมือง และอู่ตะเภา ที่จะเพิ่มประสิทธิของสินทรัพย์ในระยะยาว และแผนการเข้าบริหารสนามบินภูมิภาค 4 แห่ง ที่มีภาระการลงทุนต่ำราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถช่วยลดความแออัดของสนามบินหลักได้ รวมถึงรายได้ส่วนเพิ่มจากการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีภายในสิ้นปีนี้
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับสหรัฐ-EU ส่งสัญญาณยุติข้อพิพาทการค้า
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน ขานรับสัญญาณบวกจากการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,711.59 จุด เพิ่มขึ้น 97.34 จุด, +0.43% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,905.79 จุด เพิ่มขึ้น 2.14 จุด, +0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 29,083.40 จุด เพิ่มขึ้น 162.50 จุด, +0.56% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,969.35 จุด เพิ่มขึ้น 3.56 จุด, +0.03% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,284.51 จุด เพิ่มขึ้น 11.48 จุด, +0.51% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,328.44 จุด เพิ่มขึ้น 1.61 จุด, +0.05% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,768.32 จุด เพิ่มขึ้น 4.54 จุด, +0.26% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,557.86 จุด เพิ่มขึ้น 43.86 จุด, +0.58%
ทั้งนี้ สหรัฐ และ EU ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งขจัดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนการค้าสินค้าประเภทดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
การตกลงให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า EU ยังได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลืองและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU จะเป็นในลักษณะได้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่สหรัฐคาดหวังไว้
ทางด้านนายยุงเกอร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์ พร้อมกล่าวว่าสหรัฐ และ EU เป็นพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรู และทั้งสองฝ่ายซึ่งมีสัดส่วนการค้ารวมกันสูงถึงครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าโลกนั้น ต้องร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 50.79 จุด ก่อนตลาดรู้ผลเจรจาการค้าสหรัฐ-EU
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,658.26 จุด ลดลง 50.79 จุด หรือ -0.66%
นักลงทุนจับตาการประชุมด้านการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายยุงเกอร์ โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า นายยุงเกอร์จะหารือกับปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้า หลังจากที่สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU และยังขู่ที่จะเพิ่มการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการเจรจาดังกล่าว
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็บริษัทเหมืองรายใหญ่ ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตโลหะเงินในปี 2561 แม้ทางบริษัทระบุว่า การผลิตทองคำและโลหะเงินในไตรมาส 2 ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
หุ้นโวดาโฟน ร่วงลง 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลเจรจาการค้าสหรัฐ-EU
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 387.17 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,579.33 จุด ลดลง 110.06 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,426.41 จุด ลดลง 7.78 จุด หรือ -0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,658.26 จุด ลดลง 50.79 จุด หรือ -0.66%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาการประชุมด้านการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายยุงเกอร์ โดยคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า นายยุงเกอร์จะหารือกับปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้า หลังจากที่สหรัฐได้เรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU และยังขู่ที่จะเพิ่มการจัดเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการซื้อขายก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการเจรจาดังกล่าว
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็บริษัทเหมืองรายใหญ่ ร่วงลง 7.3% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตโลหะเงินในปี 2561 แม้ทางบริษัทระบุว่า การผลิตทองคำและโลหะเงินในไตรมาส 2 ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
หุ้นโวดาโฟน ร่วงลง 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 2
หุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ขยับขึ้น 0.6% ส่วนหุ้นลินด์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาส 2
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจของเยอรมนีในเดือนก.ค.ปรับตัวลงสู่ระดับ 101.7 จากระดับเดือนมิ.ย.ที่ 101.8 ในขณะที่บริษัทต่างๆได้ปรับลดคาดการณ์ลง เนื่องจากสถานการณ์การค้าที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้นระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 172.16 จุด ขานรับสหรัฐ-EU ส่งสัญญาณยุติข้อพิพาทการค้า
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขานรับสัญญาณบวกจากการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,414.10 จุด เพิ่มขึ้น 172.16 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,846.07 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด หรือ +0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,932.24 จุด เพิ่มขึ้น 91.47 จุด หรือ +1.17%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจาก สหรัฐ และ EU ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งขจัดอุปสรรคทางการค้า และสนับสนุนการค้าสินค้าประเภทดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่งทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ การตกลงให้ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า EU ยังได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างมั่นเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU จะเป็นในลักษณะได้ประโยชน์ร่วมกัน ตามที่สหรัฐคาดหวังไว้
ทางด้านนายยุงเกอร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการค้าสินค้าในกลุ่มรถยนต์ พร้อมกล่าวว่า สหรัฐ และ EU เป็นพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรู และทั้งสองฝ่ายซึ่งมีสัดส่วนการค้ารวมกันสูงถึงครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าโลกนั้น ต้องร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดทางการค้า
หุ้นโคคา โคล่า พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 2
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ทะยานขึ้น 2.9% หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 1.9% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ พุ่งขึ้น 9.2% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 4.6% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขกำไรในปีนี้ เนื่องจากต้นทุนเหล็กและอลูมิเนียมที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากสงครามการค้า
หุ้นเฟียต ไครส์เลอร์ ออโต้โมบิล ปรับตัวลง 0.2% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นักลงทุนจะจับตาความเคลื่อนไหวของเฟียต ไครส์เลอร์ อย่างใกล้ชิด หลังจากนายเซอร์จิโอ มาร์คิโอนเน อดีตซีอีโอของบริษัท เฟียต-ไครส์เลอร์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 66 ปีเมื่อวานนี้ ขณะที่ทางบริษัทได้แต่งตั้งนายไบรตัน ไมค์ แมนลีย์ ได้เข้ามาทำหน้าที่ซีอีโอแทนนายมาร์คิโอนเน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่อ่อนตัวลง 5.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 631,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.7% แตะระดับ 666,000 ยูนิตในเดือนพ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ 
OO11782

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!