- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Wednesday, 25 July 2018 11:21
- Hits: 1863
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งบวกในกรอบแคบหลัง Sentiment หุ้นทั่วโลกดี-ราคาน้ำมันขึ้น-งบฯบจ.ออกมาดี-ตปท.ซื้อต่อเนื่อง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวแดนบวกในกรอบแคบ เนื่องจาก Sentiment หุ้นทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้น อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในบ้านเราก็ออกมาค่อนข้างดี โดยวานนี้ผลประกอบการของ SCCC ก็ออกมาดีกว่าคาด ทำให้อาจมีลุ้นที่จะมีการปรับเพิ่มประมาณการขึ้น
นอกจากนี้ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน รวมถึงมีการทำ Long ในตลาด TFEX ด้วย อย่างไรก็ตามวันนี้ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของ SCC ต่อไป
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยช่วงนี้ก็เป็นช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดฯเหมือนกัน ดังนั้น การเคลื่อนไหวของแต่ละตลาดฯจึงมีปัจจัยเฉพาะตัวที่ให้ความสำคัญในช่วงนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,660-1,665 จุด ส่วนแนวต้าน 1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,241.94 จุด เพิ่มขึ้น 197.65 จุด (+0.79%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,820.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด (+0.48%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,840.77 จุด ลดลง 1.10 จุด (-0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 83.80 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.89 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 244.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 37.73 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.18 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.90 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.98 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 8.17 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ก.ค.61) 1,674.22 จุด ลดลง 1.53 จุด (-0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,316.62 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 ก.ค.61) ปิดที่ 68.52 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.9%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ก.ค.61) ที่ 6.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.37 แข็งค่าจากวานนี้ รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น มองกรอบวันนี้ 33.30-33.45
- กรมศุลกากรได้ออกประกาศพิธีการศุลกากรนำเข้าหรือปล่อยออก การเก็บของ การขนถ่ายของ การตรวจตราและการควบคุมในเขตปลอดอากรใหม่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 โดยยกเว้นกฎหมายนำเข้าส่งออกในพื้นที่เขตปลอดอากร ใน 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง- อู่ตะเภา) เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเอื้อต่อการลงทุนและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในการกระจายสินค้าในภูมิภาคนี้
- ภาพรวมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยปี 2561 คาดว่าจะมีมูลค่า 3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีมูลค่า 2.81 ล้านล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจาก อี-คอมเมิร์ซแบบธุรกิจสู่ผู้บริโภค หรือบีทูซี ที่ขยายตัว 28.89% ในปี 2560 ที่ผ่านมา
- โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินอีอีซีนั้นจะมีพื้นที่ให้เอกชนพัฒนาเชิงพาณิชย์ทั้งหมด 175 ไร่ รวมมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท มีระยะเวลาสัมปทาน 50 ปี แบ่งเป็น 1.พื้นที่มักกะสัน 150 ไร่ มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท 2.พื้นที่ศรีราชา 25 ไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท
- "พาณิชย์" เผยการค้าชายแดนและผ่านแดนครึ่งปีแรกทะลุ 6.78 แสนล้านบาท เพิ่ม 6.78% เผยมาเลเซียนำโด่งค้าขายอันดับหนึ่ง ตามด้วย สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา จีนตอนใต้ เวียดนาม และสิงคโปร์ มั่นใจครึ่งปีหลังยังเพิ่มต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าไทยและเศรษฐกิจคู่ค้าขยายตัว ทั้งปีเป้า 15% ทำได้แน่
- เอกชนชี้โครงการอีอีซียังขาดแรงดึงดูด ห่วงราคาที่ดินพุ่งเร็ว หวั่นปัญหาโฉนดและวัตถุดิบไม่เพียงพอ ด้านค่ายรถไม่สนนโยบายรัฐดันใช้ดีเซล บี20 'บีบีจีไอ' ลุยลงทุนเพิ่ม 1.5 พันล้านบาท ขยายกำลังผลิต
*หุ้นเด่นวันนี้
- DIMET-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.ไดเมท (สยาม) หรือ DIMET) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 268,953,447 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 1 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 1.15 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 ส.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 19 ก.ค.62
- NYT (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 6.70 บาท ช่วง Q2/61 คาดกำไรเติบโต 5.5%YoY จากปริมาณส่งออกรถยนต์โตสดใสส่วนปี 61-62 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 3.3% จากออร์เดอร์ส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันคงเป็นขาขึ้น และราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 30.1% และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ที่ 5.7%
- TKN (ไอร่า) เป้า 19.50 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ที่ 165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%QoQ และ 22%YoY จากการรับรู้ต้นทุนสาหร่ายล็อตใหม่ที่ถูกลงราว 10% จากเดิม โดยใช้สาหร่ายล็อตใหม่ ประมาณ 40-50% ใน 2Q61 คาดช่วยให้ความสามารถทำกำไรเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยคาด Gross Profit Margin ประมาณ 30% ใน Q2/61 เพิ่มขึ้นจาก 28.2% เมื่อ Q1/61 พร้อมคาดยอดขายยังเติบโตได้ดีจากยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมมองฟื้นตัวต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากการรับรู้ต้นทุนสาหร่ายล็อตใหม่อย่างเต็มที่ และการเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ ส่งผลให้ยอดขายโตต่อเนื่อง รวมทั้ง Utilization Rate ของโรงงานใหม่ปรับตัวดีขึ้น คาดช่วยลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง ประกอบกับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI) ของโรงงานแห่งใหม่ คาดช่วยลดอัตราภาษีเงินได้ในภาพรวมลง คาดกำไรสุทธิปี 61 โต 2% อยู่ที่ 765 ล้านบาท
- BJC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 61 บาท คาดกำไรปกติ +5% Q-Q, 38% Y-Y อยู่ที่ 1,374 ล้านบาท เป็นเพียง 1 ใน 2 บริษัทของกลุ่มค้าปลีกที่กำไรปกติโตได้ทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการเติบโตที่ดีของ 4 ธุรกิจหลัก คือ Retail, Packaging, Consumer, และ Healthcare and Technical รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัวขึ้นด้วย แนวโน้มกำไร Q3/61 อาจไม่แผ่วตามฤดูกาลเพราะมีปรับโครงสร้างภาษี และน่าจะโตต่อเนื่องไปรับ High Season ใน Q4/61 โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปี 6,567 ล้านบาท +26% Y-Y
ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,594.28 จุด เพิ่มขึ้น 83.80 จุด, +0.37% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,911.45 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด, +0.20% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,906.97 จุด เพิ่มขึ้น 244.40 จุด, +0.85% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,957.66 จุด ลดลง 37.73 จุด, -0.34% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,284.38 จุด เพิ่มขึ้น 4.18 จุด, +0.18% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,304.55 จุด เพิ่มขึ้น 11.90 จุด, +0.36% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,760.95 จุด ลดลง 1.98 จุด, -0.11% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,438.85 จุด ลดลง 8.17 จุด, -0.11%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค. อยู่ที่ 56.2 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนีที่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 53.26 จุด หุ้นเหมืองพุ่งขานรับจีนออกมาตรการกระตุ้นศก.
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนเตรียมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบของสงครามการค้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,709.05 จุด เพิ่มขึ้น 53.26 จุด หรือ +0.70%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากรัฐสภาจีนได้เปิดเผยมาตรการต่างๆที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีนิติบุคคลและสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก โดยบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 5.7% หุ้นริโอทินโต เพิ่มขึ้น 4.8% หุ้นแองโกล อเมริกา เพิ่มขึ้น 5.6% และหุ้นเกลนคอร์ ทะยานขึ้น 5.7%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเช่นกัน โดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นแฮมเมอร์สัน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน มูลค่า 393.7 ล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังผลประกอบการ UBS หนุนหุ้นแบงก์พุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคาร UBS เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนที่ยังคงขยายตัวในเดือนก.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 388.18 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 55.94 จุด หรือ +1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,689.39 จุด เพิ่มขึ้น 140.82 จุด หรือ +1.12% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,709.05 จุด เพิ่มขึ้น 53.26 จุด หรือ +0.70%
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากธนาคาร UBS รายงานว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2 ขยายตัว 9% แตะที่ระดับ 1.29 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก โดยหุ้น UBS ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.3% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากรัฐสภาจีนได้เปิดเผยมาตรการต่างๆที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีนิติบุคคลและสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก โดยบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 5.7% หุ้นริโอทินโต เพิ่มขึ้น 4.8% หุ้นแองโกล อเมริกา เพิ่มขึ้น 5.6% และหุ้นเกลนคอร์ ทะยานขึ้น 5.7%
หุ้นแฮมเมอร์สัน ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดีดตัวขึ้น 0.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน มูลค่า 393.7 ล้านดอลลาร์
หุ้นเปอร์โยต์ ทะยานขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในช่วงครึ่งปีแรกที่ระดับ 1.48 พันล้านยูโร สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.15 พันล้านยูโร
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 54.9 ในเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 197.65 จุด รับผลประกอบการสดใส,ข้อมูลศก.แข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ขณะที่หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรพุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,241.94 จุด เพิ่มขึ้น 197.65 จุด หรือ +0.79% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,820.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด หรือ +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,840.77 จุด ลดลง 1.10 จุด, -0.01%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 11.75 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.59 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 3.266 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.217 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอัลฟาเบทช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 3.9% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.7%
หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.4% โดยแม้ว่าบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ลดลง 6.4% สู่ระดับ 242.3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 เทียบกับระดับ 258.9 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้ที่บริษัทคาดว่าจะลดลง 9-10% อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้านั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นไบโอเจน พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 2.2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์ เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้น 3M ขยับขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่รายงานผลประกอบการที่สดใสในไตรมาส 2 โดยบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 21.4% ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่งบริษัท 80.6% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ 74.1% มีรายได้สูงกว่าคาด
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรดีดตัวขึ้นหลังจากคณะทำงานของปธน.ทรัมป์วางแผนช่วยเหลือวงเงิน 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผกระทบจากการที่ประเทศอื่นเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพื่อตอบโต้มาตรการทางภาษีของปธน.ทรัมป์ โดยหุ้นเดียร์ แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.2% และหุ้น AGCO เพิ่มขึ้น 0.6%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค. อยู่ที่ 56.2 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. แต่ดัชนีที่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO11714