WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

25ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐานตามตลาดตปท. เกาะติดการทยอยประกาศงบฯ-ทิศทางค่าเงินบาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะมีการปรับฐานลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และดัชนีดาวโจนส์ ต่างปรับตัวลดลง และตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องหลายวัน แต่อย่างไรก็ตามมองว่าดัชนีฯจะปรับตัวลดลงไม่มาก เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/61 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาค่อนข้างดี
สำหรับปัจจัยหลักที่นักลงทุนยังคงติดตามอย่างต่อเนื่อง คือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเป็นสัญญาณการไหลออกของเงินทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องได้
พร้อมให้แนวรับ 1,637 จุด ส่วนแนวต้าน 1,657 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (19 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,064.50 จุด ร่วงลง 134.79 จุด (-0.53%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,825.30 จุด ลดลง 29.15 จุด (-0.37%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,804.49 จุด ลดลง 11.13 จุด (-0.40%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 30.12 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.80 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 43.90 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 97.13 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.93 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.86 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.73 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 ก.ค.61) 1,646.89 จุด เพิ่มขึ้น 11.04 จุด (+0.67%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 422.05 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (19 ก.ค.61) ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล  เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 ก.ค.61) ที่ 5.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.50 จากเปิดตลาดที่ 33.42 แนวโน้มอ่อนค่าตามทิศทางค่าเงินหยวน
- คลังเตรียมเสนอครม. อนุมัติแผนพักหนี้เกษตรกรอุ้มลูกหนี้ 3.8 ล้านราย พร้อมลดดอกเบี้ยลง 2-3% รวม 3 ปี หวังเพิ่มกำลังซื้อกลุ่มฐานราก พร้อมวางนโยบายปฎิรูปภาคเกษตรผ่านการเพิ่มคุณภาพ หวังดันเกษตรกร 30 ล้านคน พ้นเส้นยากจน ดึงไทยก้าวพ้นประเทศรายได้ ปานกลางเร็วกว่ากำหนด
- ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ปรับขึ้นคาดการณ์การขยายตัวของ เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) 0.2% ไปอยู่ที่ 4.2% สำหรับปี 2561 จากคาดการณ์เดิมที่ 4% เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นับเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่เอดีบีปรับขึ้นคาดการณ์จีดีพี
- "ภากร" คาดตลาดหุ้นไทย ครึ่งปีหลัง ผันผวนน้อยกว่าครึ่งปีแรก หลังปัจจัยต่างประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น เหตุครึ่งปีแรกรับปัจจัยดังกล่าวมากแล้ว ขณะข้อดีของตลาด ที่บริษัทจดทะเบียนมีความสามารถทำกำไร เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพดี ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้
- "กบง." เคาะลดอุดหนุนดีเซลทั้งบี 7 และบี 20 รวม 78 สตางค์/ลิตร หลังค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันพุ่งหวังดึงเงินเข้าสะสมกองทุน 724 ล้านบาท/เดือน พร้อมเดินหน้าตรึงราคาแอลพีจี 363 บ./ถัง (15 กก.) ให้บัญชีแอลพีจีติดลบ ได้ 3,000 ล้านบาท พร้อมสั่ง ปตท. งดส่งออกแอลพีจีจากโรงแยกฯ จ่อประกาศราคาแนะนำ 2 สัปดาห์ครั้งเริ่ม 31 ก.ค.
- ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยวันที่ 19 ก.ค. ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดแตะระดับที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือน นับจากวันที่ 6 ต.ค. 2560 ซึ่งเป็นไปตามค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลออกตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.-18 ก.ค. ต่างชาติเทขายหุ้นไทย 1.7 หมื่นล้านบาท และขายพันธบัตรไทย 6,400 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 75 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29%qoq และ 155%yoy จากปริมาณขายและสเปรดมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ลบ. +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้ว และได้ประโยชน์จากการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐาน IFRS9 ส่วนประเด็นกฎระเบียนอื่น ๆ ยังเชื่อว่ากระทบจำกัด ขณะที่ PE2561-62 ต่ำเพียง 16-22 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 33 เท่า
- AH (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 43 บาท แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ และผลประกอบการของ AH ในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง ประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี 2561 เท่ากับ 2.1 ล้านคัน เติบโต 5.5% แรงหนุนตลาดในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง และ ตลาดส่งออกจะฟื้นตัวดีขึ้น  โดยยอดขายของ AH จะเติบโตในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม พร้อมคาดกำไรปีนี้ 1,255 ล้านบาท โต 8%YoY ถ้าไม่รวมรายการพิเศษปีก่อนจะโตสูงถึง 18%YoY  ด้านเทคนิคเข้าสู่ภาวะ oversold ลุ้นรีบาวน์ ต้าน 31 รับ 27.5 บาท
ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ เหตุผิดหวังผลประกอบการ, วิตกสงครามการค้า
ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ ขณะเดียวกันตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,734.56 จุด ลดลง 30.12 จุด, -0.13% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,769.75 จุด ลดลง 2.80 จุด, -0.10% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,054.76 จุด เพิ่มขึ้น 43.90 จุด, +0.16% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,932.51 จุด เพิ่มขึ้น 97.13 จุด, +0.90% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,281.36 จุด ลดลง 0.93 จุด, -0.04% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,291.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.86 จุด, +0.42% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,758.51 จุด ลดลง 0.73 จุด, -0.04%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้ว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวของทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่สวนทางประธานาธิบดีคนก่อนๆของสหรัฐ ซึ่งมักจะหลีกเลี่ยงการแทรกแซงการทำงานของเฟด
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: เงินปอนด์อ่อน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 7.69 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากยอดค้าปลีกที่ซบเซาของอังกฤษได้สกัดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,683.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงนั้น มาจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 0.5% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรทรงตัวที่ระดับ 2.4% ในเดือนมิ.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น
นักลงทุนคาดว่า ตัวเลขค้าปลีกและดัชนี CPI ที่ซบเซานั้น อาจทำให้ให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค. หลังจากที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
หุ้นยูนิลีเวอร์ พุ่งขึ้น 3% แม้ทางบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขกำไรในปีงบการเงิน 2561
อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้สร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 1.9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.2% ส่วนหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 4.1%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังหุ้นกลุ่มเหมืองร่วงตามทิศทางราคาโลหะ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเมืองแร่ หลังจากราคาโลหะปรับตัวลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 386.17 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,686.29 จุด ลดลง 79.65 จุด หรือ -0.62% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,417.07 จุด ลดลง 30.37 จุด หรือ -0.56% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,683.97 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.10%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดราคาโลหะในตลาดโลกดิ่งลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 4.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 1.9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.2%
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากยอดค้าปลีกที่ซบเซาของอังกฤษได้สกัดการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
หุ้นเอบีบี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นวอลโว่ ดีดตัวขึ้น 1.5% หลังจากทั้งสองบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดในไตรมาส 2
นักลงทุนจับตาข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และสภาพยุโรป (EU) อย่างใกล้ชิด โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการการค้าของ EU ซึ่งมีกำหนดเจรจาประเด็นการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐในสัปดาห์หน้านั้น กำลังเตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ
ทางด้านทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เพื่อหารือนโยบายต่างประเทศ, ความมั่นคง, เศรษฐกิจ รวมทั้งการต่อต้านการก่อการร้าย
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนสหรัฐของนายยุงเกอร์มีขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจาก EU ขณะที่ EU ก็ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 134.79 จุด ตลาดผิดหวังผลประกอบการ,หุ้นแบงก์ร่วงตามทิศทางบอนด์ยีลด์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทอีเบย์ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐดิ่งอย่างหนัก อันเนื่องมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นคัดค้านนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,064.50 จุด ร่วงลง 134.79 จุด หรือ -0.53% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,825.30 จุด ลดลง 29.15 จุด หรือ -0.37% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,804.49 จุด ลดลง 11.13 จุด หรือ -0.40%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลงเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยหุ้นอีเบย์ร่วงลงกว่า 10.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ตัวเลขรายได้และตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการนั้น ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นทราเวเลอร์ส คอส ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตราส 2 อันเนื่องมาจากความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับพายุหิมะในสหรัฐ
หุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรในปี 2561 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยราคาหุ้นฟิลิป มอร์ริส ร่วงลงไปกว่า 25% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
หุ้นโดมิโน่ พิซซ่า อิงค์ ดิ่งลง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งสวนทางกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีงบการเงิน 2560
หุ้นธนาคารร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดเมื่อวานนี้ว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวของทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่สวนทางประธานาธิบดีคนก่อนๆของสหรัฐ ซึ่งมักจะหลีกเลี่ยงการแทรกแซงการทำงานของเฟด
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.5% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 1.4% หุ้นเวลส์ ฟารโก ลดลง 0.4%
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ดิ่งลง 5.2% หลังจากทางธนาคารระบุว่า การสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ถึง 2 รายอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคาร ขณะที่หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 2 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโครงการมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าบัตรเครดิต
หุ้นกลุ่มรถยนต์ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการการค้าของ EU ซึ่งมีกำหนดเจรจาประเด็นการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐในสัปดาห์หน้านั้น กำลังเตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ลดลง 0.5% และ 1.4% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นที่ปิดตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้น IBM พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่สูงกว่าคาด
หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากคอมแคสต์ ประกาศยุติศึกการประมูลซื้อกิจการบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งการประกาศถอนตัวของคอมแคสต์ส่งผลให้บริษัทวอลท์ ดิสนีย์มีแนวโน้มเป็นผู้ชนะในการซื้อธุรกิจส่วนใหญ่ของฟ็อกซ์ โดยผู้ที่ชนะการซื้อธุรกิจของฟ็อกซ์จะได้ครอบครองเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค, FX, สตาร์ทีวี, สตูดิโอภาพยนตร์ของฟ็อกซ์, หุ้นในสกาย, เอ็นเดโมล ไชน์ กรุ๊ป, ฮูลู รวมทั้งเครือข่ายกีฬาในภูมิภาค
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
 
--อินโฟเควสท์ 
OO11523

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!