WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

4ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวหลังปรับฐานแล้วไม่หลุด 1,618 จุด ส่งบรรยากาศเก็งกำไรเป็นบวก
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับฐานแล้วดัชนีฯไม่หลุดแนว 1,618 จุด ทำให้บรรยากาศการเก็งกำไรเป็นบวก นอกจากนี้ การเลื่อนใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ออกไปอีก 1 ปี ก็เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ KTB ที่มีการตั้งสำรองฯต่ำ ซึ่งเป็นจิตวิทยาที่จะมารองรับการประกาศผลประกอบการกลุ่มแบงก์ด้วยที่คาดว่าจะไม่ดีนัก โดยปัจจัย IFRS9 อาจจะมาช่วยหนุนให้กลุ่มแบงก์ฟื้นได้ และอาจมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กด้วย
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นราว 0.2-0.5% โดยปัจจัยนอกประเทศไม่ได้มีประเด็นใหม่เข้ามา และเมื่อคืนที่ผ่านมาถ้อยแถลงประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ไม่ได้มีประเด็นมากนัก
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราช่วงนี้คงจะโฟกัสที่การทยอยประกาศผลประกอบการมากขึ้น นอกจากกลุ่มแบงก์แล้ว ยังมีหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่สามารถเลือกเป็นรายตัวเก็งกำไรได้ อย่างหุ้น IRPC, GUNKUL, MAJOR, AEONTS เป็นต้น
"มองเดือนกรกฏาคมสามารถเล่นเก็งกำไรได้ บรรยากาศการซื้อขายเป็นบวก"นายกิจพณ กล่าว
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,621-1,634 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,119.89 จุด เพิ่มขึ้น 55.53 จุด (+0.22%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.55 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด (+0.40%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,855.12 จุด เพิ่มขึ้น 49.40 จุด (+0.63%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 220.16 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 170.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 15.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.64 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.39 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.61) 1,626.07 จุด ลดลง 1.62 จุด (-0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 28.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.ค.61) ปิดที่ 68.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้น 2 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.61) ที่ 5.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.31 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง รับเฟดทยอยขึ้นดอกเบี้ยหลังเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวต่อเนื่อง
- กกบ.เลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ 1 ปี จาก 1 ม.ค.2562 เป็น 1 ม.ค.2563 ส่วนธุรกิจที่มีความพร้อมให้ใช้ได้ทันที มอบ ธปท. กลต. คปภ.ทำแนวทางช่วยผู้ประกอบการ ขีดเส้นเสร็จ 1 เดือน ส.อ.ท.จี้ทุกฝ่ายเร่งประชาสัมพันธ์ จัดแผนเตรียมความพร้อมช่วยภาคธุรกิจ ด้าน PwC ชี้เลื่อน 1 ปี เหมาะสม สภาตลาดทุนยืนยันกระทบธุรกิจน้อย
- ททท.ขึงแผนฟื้นเชื่อมั่นตลาดจีนบินตรงพบเอเยนต์ใหญ่ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ นำมาตรการปลอดภัยนำเสนอทัวร์ เร่งจับมือวีแชท เปิดระบบเตือนล่วงหน้าถึงมือนักท่องเที่ยว พร้อมจัดแฟมทริป ดึงเซเลบ-บล็อกเกอร์จีนครึ่งร้อยลงภูเก็ตเทศกาลกินเจ ใช้โมเดลจัดการช่วงระเบิดราชประสงค์ฟื้นฟูตลาด เน้นดูแลฟื้นฟูขวัญ นำคนดังสร้างความมั่นใจ
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าสงครามการค้าซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นหลังสหรัฐตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจีน และตอบโต้กลับประเทศคู่ค้า มีความเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร เรื่องการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิซิเนส) ในต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลให้สามารถดำเนินการจัดเก็บแวตในอัตรา 7% จากผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เป็นแนวทางที่ไทยจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการไทยกับต่างชาติ
- ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือน มิ.ย. 2561 ว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ 48.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่อยู่ 47.7 ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกผลไม้และการท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มมีการฟื้นและกระจายตัวดีขึ้น โดยจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนในไตรมาส 4 ของปีนี้
- กรมธุรกิจพลังงานเตรียมเสนอ "กบง." เดือน สิงหาคม ปรับสำรองน้ำมันทางกฎหมายโดยลดสำรองน้ำมันดิบโรงกลั่นจาก 6% เป็น 5% แต่เพิ่มสำรองน้ำมันสำเร็จรูปอีก 1% เป็น 2% หลังสถานการตลาดน้ำมันโลกเปลี่ยนแปลงแต่ภาพรวมสำรองตามกฎหมายยังคง 7% เพื่อความมั่นคง
*หุ้นเด่นวันนี้
- TISCO (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 90 บาท ราคาหุ้นร่วงแรงถึง 15% หลังประกาศงบกังวล NPL เพิ่มขึ้น มองตลาดวิตกมากเกินไป ราคาปัจจุบันเริ่มมี Upside จากราคาเป้าหมาย และยังให้ Dividend yield  ที่น่าสนใจประมาณ 8% จึงเป็นโอกาสซื้อ
- BBL (ไอร่า) "ทยอยสะสม"ในช่วงที่ราคาปรับลดลง เป้า 229 บาท คาด Q2/61 กำไรสุทธิ 8,697 ล้านบาท ลดลง 4.4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 7%YoY หลักๆ จากการตั้งสำรองหนี้เสียประมาณ 5,500 ล้านบาท ลดลงจาก 7,300 ล้านบาท เมื่อ Q1/61 โดยเลือก BBL เป็น Top Pick ในกลุ่มธนาคาร ความน่าสนใจจาก 1.เข้าสู่วัฏจักรการลงทุนใหม่ในช่วง H2/61 ซึ่ง BBL มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ จากต้นทุนที่ต่ำ ขณะที่สภาพคล่องสูงกว่า 2.อัตราดอกเบี้ย เริ่มเข้าสู่ขาขึ้น คาดส่งผลดีต่อ NIM ของธนาคารขนาดใหญ่ 3.คาดได้รับผลกระทบน้อยจากการทำสงครามปรับลดค่าธรรมเนียม 4. ความร่วมมือกับ AIA คาดช่วยหนุน Non-NII ของ BBL ในช่วง H2/61 ขณะที่คาดธนาคารอื่น คาด Non-NII ได้รับผลกระทบจากรายได้ค่าธรรมเนียม และรายได้จากธุรกิจประกัน ที่ปรับลดลง 5. NPL Formation เริ่มทรงตัวทำให้คาดตั้งสำรองหนี้ลดลงจากปีที่ผ่านมา
- BDMS (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท แนวโน้มหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังคงดี จากการเป็นหุ้นที่มี growth เฉพาะตัว แนวโน้ม Q2/61 รายได้ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.61 ยังคงมีการเติบโตที่ดี ด้าน รพ.ในเครือเหลือ EBITDA ติดลบแค่ 4 แห่ง พร้อมประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 9,951 ล้านบาท ลดลง 3% YoY แต่กำไรปกติโต 24% จากการปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น
- CPALL (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี) "ซื้อ"เป้า 91 บาท คาดจะมี SSSG +3.5% และกำไรสุทธิ 5.33 พันล้านบาท (+14.6%, -1.7% qoq) ใน Q2/61 โดยเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของ CPALL ด้วยรูปแบบธุรกิจและความสามารถทางการแข่งขันที่โดดเด่น แต่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันต่อราคาหุ้น CPALL จากการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นกู้อนุพันธ์ของ CPF
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ และสนับสนุนจุดยืนของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,917.52 จุด เพิ่มขึ้น 220.16 จุด, +0.97% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,801.78 จุด เพิ่มขึ้น 3.65 จุด, +0.13% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 28,352.11 จุด เพิ่มขึ้น 170.43 จุด, +0.60% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,811.43 จุด เพิ่มขึ้น 32.44 จุด, +0.30% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,313.78 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด, +0.69% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,251.28 จุด เพิ่มขึ้น 11.64 จุด, +0.36% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,733.89 จุด ลดลง 3.39 จุด, -0.20%
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ, ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน, การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
นายพาวเวลกล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 2% ในไตรมาสแรก แต่ก็คาดว่าการขยายตัวในไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาสแรกอย่างมาก ส่วนภาวะตลาดแรงงานนั้น นายพาวเวลคาดว่ายังคงมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจภายในประเทศส่งสัญญาณแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 25.88 จุด หลังหุ้นเหมือง,พลังงานฟื้นตัว
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในอังกฤษอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติเห็นชอบแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,626.33 จุด เพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดตลาดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นของบริษัทเหล่านี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเกลนคอร์ ดีดขึ้น 1.3% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวขึ้น 1.7% ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.4% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นรอยัล เมล ผู้ให้บริการไปรษณีย์รายใหญ่ พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2562 ยังคงแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติเห็นชอบแผนซอฟต์ เบร็กซิต (Soft Brexit) ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เมื่อวานนี้ แม้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ Brexit หลายคนได้ยื่นหนังสือลาออก เพื่อแสดงจุดยืนประท้วงต่อต้านแผนการดังกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษของนายกฯเมย์ได้เสนอแผนการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปอย่างราบรื่น หรือ ซอฟต์ เบร็กซิต โดยยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดกับ EU ไว้ต่อไป โดยร่างกฎหมายที่ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาฉบับนี้จะถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับถ้อยแถลงประธานเฟด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ในระหว่างการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 384.98 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,661.54 จุด เพิ่มขึ้น 100.52 จุด หรือ +0.80% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,422.54 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ +0.24% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,626.33 จุด เพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ที่กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ, ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน, การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
นายพาวเวลกล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 2% ในไตรมาสแรก แต่ก็คาดว่าการขยายตัวในไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาสแรกอย่างมาก ส่วนภาวะตลาดแรงงานนั้น นายพาวเวลคาดว่ายังคงมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจภายในประเทศส่งสัญญาณแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเกลนคอร์ ดีดขึ้น 1.3% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวขึ้น 1.7% ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ขยับขึ้น 0.4% และหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 0.5%
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 9.1% หลังจากนายอุลริช เลห์เนอร์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท ขณะที่นักลงทุนมองว่าการลาออกของนายเลห์เนอร์อาจปูทางสู่การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของธิสเซ่นครุปป์
หุ้นเทเลนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเทเลคอมรายใหญ่ของนอร์เวย์ ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 55.53 จุด ขานรับถ้อยแถลงปธ.เฟด,ผลประกอบการแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและสนับสนุนจุดยืนของเฟดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,119.89 จุด เพิ่มขึ้น 55.53 จุด หรือ +0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.55 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด หรือ +0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,855.12 จุด เพิ่มขึ้น 49.40 จุด หรือ +0.63%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับนายเจอโรม พาวเวล ที่กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ, ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน, การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
นายพาวเวลกล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 2% ในไตรมาสแรก แต่ก็คาดว่าการขยายตัวในไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาสแรกอย่างมาก ส่วนภาวะตลาดแรงงานนั้น นายพาวเวลคาดว่ายังคงมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม โดยถ้อยแถลงดังกล่าวของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะไม่เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจภายในประเทศส่งสัญญาณแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไร 5.98 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.66 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 9.4 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.74 พันล้าน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดตลาดขยับลง 0.2%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไร 2.10 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.07 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.039 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.92 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.98 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 2.28 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.32 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ ปิดตลาดร่วงลง 2.6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นแอปเปิล ขยับขึ้น 0.3% ส่วนหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากในวัน "Prime Day 2018" ซึ่งเป็นวันช็อปปิ้งระดับโลกที่อเมซอนจัดขึ้น โดยมีการลดราคาสินค้าอย่างมากสำหรับสมาชิก Prime จำนวนหลายแสนรายการเพื่อกระตุ้นยอดขายประจำปี
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปิดตลาดร่วงลง 5.2% หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในระหว่างวัน จากการที่บริษัทเปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการในสหรัฐเพิ่มขึ้น 670,000 รายในไตรมาส 2 ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.5 ล้านราย โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ปิดตลาดดิ่งลง 4.06% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสองวันทำการ หลังจากที่นายเวอร์นอน อันสเวิร์ธ หนึ่งในทีมนักดำน้ำสำรวจถ้ำชาวอังกฤษที่ร่วมปฏิบัติการกู้ภัยนำนักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอคาเดมี 13 ชีวิตออกจากถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงรายได้สำเร็จเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า เขาอาจฟ้องร้องนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทสเปซเอ็กซ์ และบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา หลังจากที่นายอีลอน มัสก์ได้กล่าวหาเขาว่า เป็นพวกชอบร่วมเพศกับเด็กชาย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 68 ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
 
--อินโฟเควสท์ 
OO11392

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!