WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

11 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมลงจากแรงกดดันราคาน้ำมันแววอ่อนลง-ดอลลาร์แข็งค่ากดดันเงินทุนไหลออก
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึมลงจากแรงกดดันราคาน้ำมันมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP จากความกังวลกลุ่มโอเปคอาจเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 22 มิ.ย.นี้ และรัสเซียอาจจะถอนตัวออกจากความร่วมมือลดกำลังการผลิตน้ำมันภายหลังเวเนซูเอล่าและอิหร่านจะถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร จึงวิตกว่าประเทศผู้ผลิตรายอื่นอาจจะหันมาผลิตน้ำมันเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้มองว่ากระทบต่อ PTTEP เป็นหลัก
ขณะที่หุ้น PTT ระดับราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมามากแล้ว โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงส่วนหนึ่งมาจาก MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย และตลาดฯกังวลว่า PTT อาจต้องรับภาระในการอุ้มดีเซลและ LPG เพื่อลดภาระให้กับประชาชน แต่ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า กบง.มีมติให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันหนุน ดังนั้นราคาหุ้น PTT แถว 49-50 บาทอยู่ในจุดที่น่าสนใจลงทุนอีกครั้ง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่ากดดันให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่
พร้อมให้แนวับ 1,720-1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,745 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (24 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,811.76 จุด ลดลง 75.05 จุด (-0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.76 จุด ลดลง 5.53 จุด (-0.20%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,424.43 จุด ลดลง 1.53 จุด (-0.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 56.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 9.69 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 96.14 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.24 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 13.21 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.29 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 10.89 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 พ.ค.61) 1,732.51 จุด ลดลง 21.09 จุด (-1.20%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,681.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (24 พ.ค.61) ปิดที่ 70.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 พ.ค.61) ที่ 6.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.02/04 แข็งค่าจากวานนี้ตามภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน มองกรอบวันนี้ 32.00-32.10
- กบง.มีมติลดราคาแอลพีจี 32 บาทต่อถัง ใช้เงิน 300 ล้านดูแลได้ 2 เดือน พร้อมสั่งตรึงราคาดีเซล 30 บาท "ศิริ" คาดหากราคาตลาดโลกไม่เกิน 90 ดอลลาร์รับมือได้ 10 เดือนเตรียม 3 หมื่นล้านพร้อมรับมือ กลับลำ ให้ปตท.แจ้งราคาขายปลีกล่วงหน้าได้ ด้านซัพพลายเออร์เข้าพบพาณิชย์ ยันยังไม่ปรับราคาสินค้า แบงก์ชาติแนะให้ช่วยกันประหยัดพลังงาน
- รัฐบาลเดินหน้ารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน เปิดขายซอง 18 มิ.ย.นี้ ได้ผู้ชนะประมูล ธ.ค.นี้ ร่วมลงทุนรวม 2.2 แสนล้านบาท ตั้งเกณฑ์ผู้ชนะต้องทำให้รัฐร่วมลงทุนน้อยที่สุด ใช้วัสดุก่อสร้างในประเทศไม่ต่ำกว่า 90% เผยมี 5 กลุ่มนักลงทุนใน-ต่างประเทศสนใจลงทุน ด้านซิโน-ไทย ประเมินงบก่อสร้างไว้ 1 แสนล้าน
- คลังปรับเป้าจีดีพีปี 61 ทะยาน 4.5% สูงสุดรอบ 6 ปี หลังเศรษฐกิจโลกฟื้น ผลการจัดเก็บรายได้ทะลุเป้า เผย 7 เดือนเก็บได้สุทธิรวมกว่า 1.29 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม เก็บเพิ่ม 283.26% มูลค่า สูงกว่าประมาณการ 5.9 พันล้านบาท ส่วนยอดรายได้นำส่งของรัฐวิสาหกิจมีทั้งสิ้น 1.13 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้า 3 หมื่นล้านบาท
- บอร์ด ทอท.มีมติใช้งบ 1.2 แสนล้านสร้างสนามบินเชียงใหม่และภูเก็ตแห่งที่ 2 คาดนำเสนออาคมในเร็วๆ นี้ จากนั้นเสนอ ครม.ต่อ พร้อมอนุมัติตั้งบริษัทลูกตรวจสอบสินค้าเน่าเสียเพื่อการส่งออก
*หุ้นเด่นวันนี้
- JKN-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 107,997,631 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 15 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (11 พฤษภาคม 2561) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 14 ธ.ค.2561 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 8 พ.ค. 2563
- GGC (กรุงศรี) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 18.2 บาท เก็งกำไรข่าวภาครัฐออกมาตรการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศและเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซลด้วยการเพิ่มสัดส่วนจาก B7 เป็น B20 คาดเป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่ผลิต B100 โดยเฉพาะ GGC ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากไบโอดีเซลสูงถึง 60% ของรายได้รวม
- EA (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 47 บาท แนวโน้มกำไร Q2-3/61 จะทรงตัวต่อเนื่องก่อนไปพุ่งขึ้นอีกครั้งใน Q4/61 จากการ COD โรงไฟฟ้าลมเพิ่มอีก 260MW คาดกำไรทั้งปีที่ 4,805 ลบ. +28% Y-Y และปีหน้า +29% Y-Y และจากการวิเคราะห์ Volume by Price ซึ่งเป็นหนึ่งใน Indicator ของ Finansia Hero ที่ได้รับความนิยม โดยคาดว่า Downside เริ่มจำกัด และ Upside จะกลับมาเปิดกว้าง เพราะราคาหุ้นสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญแถว 37 บาท ซึ่งมีวอลุ่มกระจุกตัวมากถึง 1 พันล้านหุ้นขึ้นมาได้แล้ว
- BANPU (ไอร่า) แนะนำ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 28 บาท แนวโน้มราคาถ่านหินยังสูง ล่าสุดราคา Newcastle อยู่ที่ 106 เหรียญสหรัฐฯต่อตันสูงสุดในรอบ 5 ปี จากปริมาณความต้องการใช้ถ่านหินในภูมิภาคเติบโตดี ขณะที่ Supply เติบโตอย่างจำกัด พร้อมคาดกำไรการดำเนินงานปกติในปี 61 อยู่ที่ 7,040 ล้านบาท รวมผลกระทบจากค่าชดเชยกรณีโรงไฟฟ้าหงสา 2,714 ล้านบาทแล้ว โดยผลงานปกติเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มราคาถ่านหินสูงขึ้นดีต่อเหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยเฉพาะออสเตรเลียคาดฟื้นตัวโดดเด่นเหตุเป็นเหมืองใต้ดินมีต้นทุนผลิตค่อนข้างคงที่ ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ หลังประชุมซัมมิตทรัมป์-คิมล่ม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,380.22 จุด ลดลง 56.79 จุด, -0.25% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,452.80 จุด ลดลง 13.21 จุด, -0.54% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,664.27 จุด ลดลง 96.14 จุด, -0.31% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,946.62 จุด เพิ่มขึ้น 9.69 จุด, +0.09% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,148.41 จุด ลดลง 6.24 จุด, -0.20% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,522.99 จุด ลดลง 5.93 จุด, -0.17%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,792.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.14 จุด, +0.97%
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์ โดยระบุว่าเกาหลีเหนือได้แสดง "ความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย" ทำให้ความหวังที่จะสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีริบหรี่ลง

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 71.70 จุด เหตุเงินปอนด์แข็งฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจจะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,716.74 จุด ลดลง 71.70 จุด หรือ -0.92%
การแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
ทั้งนี้ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.2% โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนส.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์
หุ้นเทท แอนด์ ไลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบอาหาร พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 13% ในปีงบการเงิน 2560
หุ้นคิงฟิสเชอร์ ดีดตัวขึ้น 1.5% แม้บริษัทเปิดเผยยอดขายลดลงในไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
หุ้นเดลีเมล แอนด์ เจเนอรัล ดิ่งลง 9.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกทรัมป์ล้มซัมมิตคิม จอง อึน,สหรัฐจ่อขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 390.54 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,548.45 จุด ลดลง 17.40 จุด, -0.31% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,716.74 จุด ลดลง 71.70 จุด, -0.92% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,855.09 จุด ลดลง 121.75 จุด, -0.94%
ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปได้รับปัจจัยกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคิมและได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า "เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ล่าสุดของท่านซึ่งได้แสดงความโกรธ และความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย ผมรู้สึกว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมในขณะนี้ที่จะมีการจัดการประชุมดังกล่าวที่มีการวางแผนมาอย่างยาวนาน"
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับผลกระทบจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ทำการตรวจสอบว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25%
หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วงลง 4.8% หลังจากดอยซ์ แบงก์ ประกาศแผนปลดพนักงานในธุรกิจหลักทรัพย์ลงประมาณ 1 ใน 4 และมีแผนที่จะปรับลดจำนวนพนักงานในส่วนอื่นๆลงกว่า 7,000 ตำแหน่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายลดต้นทุนของนายคริสเตียน เซวิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ซึ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายจอห์น ไครอัน ที่เพิ่งก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นเทท แอนด์ ไลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบอาหาร พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น 13% ในปีงบการเงิน 2560
หุ้นคิงฟิสเชอร์ ดีดตัวขึ้น 1.5% แม้บริษัทเปิดเผยยอดขายลดลงในไตรมาส 1 ปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
หุ้นเดลีเมล แอนด์ เจเนอรัล ดิ่งลง 9.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561
หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตีส์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.1% และหุ้นเมดิคลินิก อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 9.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 75.05 จุด วิตกข่าวทรัมป์ล้มซัมมิตคิมจองอึน,สหรัฐจ่อขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,811.76 จุด ลดลง 75.05 จุด หรือ -0.30% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,727.76 จุด ลดลง 5.53 จุด หรือ -0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,424.43 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.02%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ที่สิงคโปร์
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายคิมและได้มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า "เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากแถลงการณ์ล่าสุดของท่านซึ่งได้แสดงความโกรธ และความมุ่งร้ายอย่างเปิดเผย ผมรู้สึกว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมในขณะนี้ที่จะมีการจัดการประชุมดังกล่าวที่มีการวางแผนมาอย่างยาวนาน"
การตัดสินใจยกเลิกการประชุมในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนางโช โซนฮุย รมช.ต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า คำกล่าวของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งได้เปรียบเทียบเกาหลีเหนือว่าเหมือนกับลิเบียนั้น ถือเป็นคำพูดที่โฉดเขลา และโง่เง่า โดยก่อนหน้านี้ นายเพนซ์ได้กล่าวว่า เกาหลีเหนือจะพบกับจุดจบเหมือนกับลิเบีย หากไม่ยอมทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับผลกระทบจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้สั่งการให้นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ ทำการตรวจสอบว่า รถยนต์และรถบรรทุกที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดของปธน.ทรัมป์ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงถึง 25%
ทั้งนี้ คาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวจะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นมาตราเดียวกับที่สหรัฐใช้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อไม่นานมานี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 2.3% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.6% หุ้นมาราธอน ออยล์ ปรับตัวลง 0.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.1%
หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "Victoria's Secret" ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
หุ้นฮอร์เมล ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อาหารชื่อดังอย่าง "Skippy", "Spam" และ "Natural Choice" ปรับตัวลง 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐยังเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 2.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.46 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2%
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 220,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6,250 ราย สู่ระดับ 219,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO9254

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!