WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งซึมลงรับแรงกดดัน Bond Yield ไทยขึ้นเร็วสะท้อนบาทอ่อนกดดันเงินทุนไหลออก
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัว และมีโอกาสที่จะซึมตัวลงได้ จากแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทย (Bond Yield) ได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว โดย Bond Yield พันธบัตรอายุ 10 ปีนับตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ปรับขึ้นจาก 2.4% มาอยู่ที่ 2.74% ขณะที่ Bond Yield พันธบัตรอายุ 2 ปรับขึ้นจาก 1.32% ล่าสุดมาอยู่ที่ 1.74% สะท้อนทิศทางเงินบาทอ่อนค่า และเงินทุนก็มักจะไหลออก ทำให้าสกัดกั้นการฟื้นตัวของดัชนีฯ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งอาจมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า กดดันให้เงินทุนไหลออกทั่วทั้งเอเชีย ไปจนกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย.นี้ และต้องรอดูว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างใดออกมาหรือไม่
สำหรับบ้านเราวันนี้ให้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติตีความร่างกฎหมายที่มา ส.ว.แต่คาดว่าจะยังไม่จบภายในวันเดียว พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,740-1,775 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,834.41 จุด ลดลง 178.88 จุด (-0.72%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.44 จุด ลดลง 8.57 จุด (-0.31%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,378.46 จุด ลดลง 15.58 จุด (-0.21%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 91.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.91 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 42.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 35.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.26 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 27.42 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ค.61) 1,760.71 จุด ลดลง 7.60 จุด (-0.43%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,558.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ค.61) ปิดที่ 72.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 11 เซนต์ หรือประมาณ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ค.61) ที่ 6.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.02/03 แนวโน้มแข็งค่าตามทิศทางภูมิภาค รอติดตามรายงานประชุมเฟดคืนนี้
- สัปดาห์นี้เตรียมประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณามาตรการลดผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันปรับตัวเป็นขาขึ้น และอาจสูงเกิน 80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลอาจสูงเกินลิตรละ 30 บาท โดยจะเสนอใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยลดภาระให้ขึ้นราคาขายปลีกเท่ากับ 50% ของราคาที่ควรจะเพิ่มขึ้น
- พาณิชย์เผยส่งออกเม.ย.โต 12.3% ขณะยอดเฉลี่ย 4 เดือนแรกโตสูงสุดรอบ 7 ปี อานิสงส์สินค้าเกษตรหนุน โดยเฉพาะ"ทุเรียน"ส่วนนำเข้าขยายตัว 20% ผลจาก ราคาน้ำมันพุ่ง ขณะยอดนำเข้าสินค้าทุนเพิ่ม ด้าน"แบงก์ชาติ"จ่อปรับประมาณการส่งออกเพิ่ม มองขาดดุลการค้าไร้ข้อกังวล เหตุจากนำเข้าสินค้าทุนเพิ่ม เป็นสัญญาณดีการลงทุนเอกชน
- นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้มีโอกาสมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 9.9 แสนล้านบาท เพราะไตรมาสแรกมีกำไรรวม 2.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.86 แสนล้านบาท
- ตร.-ทหารคุมเข้มทำเนียบรับม็อบอยากเลือกตั้ง จนท.นับพันสกัดหน้าธรรมศาสตร์ เกิดชุลมุนห้ามเคลื่อน แกนนำแถลงการณ์เรียกร้อง 5 ข้อ เจอแจ้งจับ เจรจายอมมอบตัว ฝ่าย กม.คสช.ฟ้อง 14 แกนนำขัดคำสั่งชุมนุมเกิน 5 คน 'บิ๊กตู่' พอใจผลงาน คสช.4 ปี ยืนกรานเลือกตั้งต้นปี'62 ไม่มีเร็วกว่านี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- DCC-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC)) มีจำนวน 2,611,186,664 หน่วย อายุ 3 ปี ราคาใบฤสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 1.15 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 8 พ.ค.62 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 7 พ.ค.64
- GGC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 18.2 บาท เก็งกำไรข่าวภาครัฐเตรียมออกมาตรการตึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศและเพิ่มสัดส่วนการในใช้น้ำมันไบโอดีเซลด้วยการเพิ่มสัดส่วนจาก B7 เป็น B20 คาดเป็นบวกต่อผู้ประกอบการที่ผลิต B100 โดยเฉพาะ GGC ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากไบโอดีเซลสูงถึง 60% ของรายได้รวม
- GPI (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 4.70 บาท ปี 61 คาดกำไรโต 14.5%YoY หลังการจัดงานแสดงสินค้า Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 39 ได้รับกระแสตอบรับดีมาก และยังมีแผนรุกธุรกิจจัดแสดงด้านยานยนต์ที่เมียนมาร์ "Yangon International Motor Show" ในช่วง Q3/61 เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังมีโอกาสแสวงหางานพิมพ์พิเศษเพิ่มขึ้น
- CK (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 29 บาท มองบวกมากขึ้นจากประมูลโครงการภาครัฐคืบหน้า งานในมือ ณ สิ้นไตรมาส 1/61 อยู่ที่ 65.4 พันลบ.คิดเป็น 2 เท่าของประมาณการรายได้ทั้งปี 61 ที่ 32.6 พันลบ.แนวโน้มต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้นทำให้ CK พยายามล็อคราคาวัสดุที่จำเป็นเพิ่มขึ้น และยังเชื่อบริหารจัดการให้อยู่ในระดับ 8-10% นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างจากบริษัทภายในกลุ่มที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการ ทำให้แนวโน้มของรายได้ก่อสร้างแข็งแรงขึ้น จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 61-63 ที่ 1.4 พันลบ./1.8 พันลบ./2.0 พันลบ. หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 10.9% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกการค้าจีน-สหรัฐ, หวั่นซัมมิตทรัมป์-คิมล่ม
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีน และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,868.79 จุด ลดลง 91.55 จุด, -0.40% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,205.44 จุด ลดลง 8.91 จุด, -0.28% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,191.87 จุด ลดลง 42.48 จุด, -0.14% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,974.52 จุด เพิ่มขึ้น 35.79 จุด, +0.33% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,462.98 จุด ลดลง 2.59 จุด, -0.11% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,540.92 จุด ลดลง 2.26 จุด, -0.06% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,843.40 จุด ลดลง 1.63 จุด, -0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,673.62 จุด เพิ่มขึ้น 27.42 จุด, +0.36%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยหลังจากการพบปะพูดคุยกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ตามที่วางแผนไว้ พร้อมกับย้ำว่า การประชุมสุดยอดจะไม่เกิดขึ้น หากเกาหลีเหนือไม่ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขบางประการ

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวกทำนิวไฮ รับข่าวจีนเตรียมลดภาษีนำเข้ารถยนต์
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สหราชอาณาจักรมีการขาดดุลงบประมาณน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณใหม่
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 18.28 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 7,877.45 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงการคลังจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ ภาษีนำเข้ายานยนต์ 135 รายการซึ่งเคยเก็บภาษีที่ระดับ 25% และสินค้าอีก 4 รายการซึ่งเคยเก็บภาษีที่ 20% จะลดลงเหลือ 15% ส่วนภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ 79 รายการจะลดเหลือ 6% จากระดับปัจจุบันที่ 8%, 10%, 15%, 20% และ 25%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ซึ่งระบุว่า สหราชอาณาจักรมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 7.8 พันล้านปอนด์ในเดือนเม.ย. ลดลงเมื่อเทียบกับระดับ 8.9 พันล้านปอนด์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เช่นกัน
หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากราคาโลหะในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ดิ่งลง 2.9% หลังจากบริษัทประกาศปิดสาขาอีก 100 แห่งภายในปี 2565 หลังจากที่ได้ปิดสาขาไปแล้ว 21 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559
ทั้งนี้ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เตรียมขยับขยายกิจการไปสู่แพลตฟอร์มการขายแบบออนไลน์ในสัดส่วน 1 ใน 3 และลดจำนวนสาขาที่มีขนาดใหญ่ลง

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก หลังหุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขานรับจีนเตรียมลดภาษีนำเข้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าทางการเมืองในอิตาลี หลังจากพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีได้เสนอชื่อนายจูเซปเป คอนเต ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 396.94 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,169.92 จุด เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.71% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,640.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,877.45 จุด เพิ่มขึ้น 18.28 จุด, +0.23%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์พุ่งขึ้น หลังจากกระทรวงการคลังจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยภาษีนำเข้ายานยนต์ 135 รายการซึ่งเคยเก็บภาษีที่ระดับ 25% และสินค้าอีก 4 รายการซึ่งเคยเก็บภาษีที่ 20% จะลดลงเหลือ 15% ส่วนภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ 79 รายการจะลดเหลือ 6% จากระดับปัจจุบันที่ 8%, 10%, 15%, 20% และ 25%
ทั้งนี้ หุ้นบีเอ็มดับเบิลยู พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นโฟล์คสวาเกน ดีดขึ้น 2% และหุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 1.7%
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 9.6% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อิลเลียต แมเนจเมนท์ คอร์ป ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ เตรียมเข้าซื้อหุ้นในบริษัทธิสเซ่นครุปป์
หุ้นดอยซ์ โพสต์ ปรับตัวขึ้น 0.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสได้แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว
นักลงทุนจับตาการเมืองในอิตาลีอย่างใกล้ชิด หลังจากพรรค Five Star Movement และพรรค League ซึ่งชนะการเลือกตั้งและตกลงร่วมเป็นพันธมิตรทางการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่นั้น ได้เสนอชื่อนายจูเซปเป คอนเต ศาสตราจารย์ทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์วัย 54 ปี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยขณะนี้ประธานาธิบดีเซอจิโอ แมตตาเรลลา กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 178.88 จุด เหตุวิตกเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่แน่นอน,หวั่นซัมมิตทรัมป์-คิมล่ม
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีน และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในเดือนหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,834.41 จุด ลดลง 178.88 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.44 จุด ลดลง 8.57 จุด หรือ -0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,378.46 จุด ลดลง 15.58 จุด หรือ -0.21%
นักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอีกครั้ง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการสื่อสารของจีน โดยถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์สวนทางกับที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ZTE จะถูกปรับเป็นเงินจำนวนหนึ่ง และต้องมีการปรับเปลี่ยนฝ่ายบริหาร จากเดิมที่รัฐบาลสหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับ ZTE เป็นเวลา 7 ปี เนื่องจาก ZTE ได้ส่งออกสินค้าไปยังอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธรายงานของสื่อดังกล่าว โดยระบุว่า "ไม่มีการทำข้อตกลงใดๆทั้งสิ้น และเราจะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยหลังจากการพบปะพูดคุยกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย.ตามที่วางแผนไว้ พร้อมกับย้ำว่า การประชุมสุดยอดจะไม่เกิดขึ้น หากเกาหลีเหนือไม่ยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขบางประการ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.5% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 1.7% หุ้น 3M ปรับตัวลง 1.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลง 1.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.8% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.9% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 1.3% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.1% หุ้นมาราธอน ออยล์ ปรับตัวลง 1.6%
หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดังของสหรัฐ ดิ่งลง 6% หลังจากมีรายงานว่า นายมาร์วิน อาร์ เอลลิสัน ได้ลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจซี เพนนีย์ เพื่อไปรับตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทโลว์ส
ทางด้านโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ได้แถลงยืนยันว่า นายเอลลิสัน จะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นโลว์สปิดตลาดร่วงลง 1.9%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้น ขานรับรายงานที่ว่า รัฐบาลจีนจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ปรับตัวขึ้น 0.5% หุ้นเดมเลอร์ เอจี พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ พุ่งขึ้น 1.6% และหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 0.2%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ค. ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO9132

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!