- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Tuesday, 22 May 2018 11:10
- Hits: 1138
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นบวก แต่ระหว่างทางอาจเผชิญแรงขายทำกำไรหลังขึ้นแรงวานนี้ ,จับตาประเด็นการเมือง
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อยู่ เพียงแต่ในระหว่างอาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 14 จุด ขณะที่วอลุ่มเทรดเมื่อวานนี้ก็ค่อนข้างเบาบางด้วย ทำให้แนะนำหากราคาหุ้นขึ้นมาก็ขายทำกำไรในรอบสั้น
ทั้งนี้ ตลาดฯกำลังรอดูประเด็นการเมือง และติดตามเรื่องศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ พร้อมมอง MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยทำให้อาจกดดันการปรับขึ้นของดัชนีฯ ดังนั้น จึงแนะเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวที่มีความเกี่ยวข้องกับ MSCI น้อย โดยแนะนำหุ้น ROBINS, TRUE, BANPU เป็นต้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,760-1,775 จุด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อยู่ เพียงแต่ในระหว่างอาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่เมื่อวานนี้ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 14 จุด ขณะที่วอลุ่มเทรดเมื่อวานนี้ก็ค่อนข้างเบาบางด้วย ทำให้แนะนำหากราคาหุ้นขึ้นมาก็ขายทำกำไรในรอบสั้น
ทั้งนี้ ตลาดฯกำลังรอดูประเด็นการเมือง และติดตามเรื่องศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ โดยให้ติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ พร้อมมอง MSCI ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยทำให้อาจกดดันการปรับขึ้นของดัชนีฯ ดังนั้น จึงแนะเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวที่มีความเกี่ยวข้องกับ MSCI น้อย โดยแนะนำหุ้น ROBINS, TRUE, BANPU เป็นต้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,760-1,775 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,013.29 จุด พุ่งขึ้น 298.20 จุด (+1.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.04 จุด (+0.74%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,394.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.70 จุด (+0.54%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 23.58 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 20.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 40.18 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ค.61) 1,768.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.14 จุด (+0.81%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,178.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ค.61) ปิดที่ 72.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ค.61) ที่ 7.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.15 แนวโน้มทรงตัวในกรอบแคบ ตลาดรอติดตามตัวเลขส่งออกของไทย
- "สมคิด" ปลื้มเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 61 เพิ่ม 4.8% โตสูงสุดในรอบ 5 ปี ลั่นเป็นความพยายามของรัฐบาลที่ไม่ยอมแพ้ และร่วมมือกับภาคเอกชน จนวันนี้ออกดอกออกผลแล้ว ลั่นหากเร่งเดินหน้าโครงการ PPP เร่งด่วนอย่างน้อย 3 โครงการ มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ รถไฟฟ้าสายสีม่วง และสีส้ม วงเงิน 4.46 แสนล้านในปีนี้ จะยิ่งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านสภาพัฒน์ปรับเป้าจีดีพีทั้งปีใหม่เป็น 4.2-4.7%
- สำนักวิจัยเศรษฐกิจ จ่อปรับเพิ่มคาดการณ์ "จีดีพี" ปีนี้เพิ่ม หลังตัวเลขไตรมาสพุ่ง 4.8% ทุบสถิติรอบ 5 ปี "แบงก์ชาติ" เผย "บริโภค-ลงทุน" สูงเกินคาด เล็งปรับประมาณการเพิ่ม แนะจับตาสถานการณ์ น้ำมัน หลังราคาตลาดโลกพุ่ง ด้าน "พลังงาน" เร่งหามาตรการรับมือ สั่งคุมดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
- จับตาราคาแอลพีจีปรับขึ้นวันนี้ 1.54 บาทต่อกก. ส่งผลให้ถัง 15 กก. แตะ 395 บาททันที ขณะที่เงินกองทุนแอลพีจีเริ่มหด ส่อแววอาจต้องกู้ยืมเงินบัญชีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ด้าน "พลังงาน" จ่อเร่งขายไบโอดีเซลบี 20 ช่วย ขณะที่ กบง. ถกรับมือน้ำมัน-ก๊าซฯ พุ่ง 4 มิ.ย.นี้ จับตาค่าไฟขยับตาม ด้าน "รสนา" จี้ยุบกองทุนน้ำมันฯ หลังไม่สามารถรักษาเสถียรภาพราคาได้ ซัดเดือนเดียวน้ำมันขึ้น 4 ครั้ง ก๊าซหุงต้มขึ้น 3 ครั้ง
- คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้จาก 3.6-4.6% หรือเฉลี่ย 4.1% เป็น 4.2-4.7% หรือค่าเฉลี่ย 4.5% หลังจากไตรมาสแรกจีดีพีขยายตัวได้ 4.8% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือ 5 ปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนทุกด้าน
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น นักลงทุนเดือน เม.ย. ที่มีต่อตลาดทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ในระดับทรงตัวเป็นครั้งแรก โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันมีความเชื่อมั่น ลดลงมาอยู่ที่ระดับซบเซาเป็นเดือนแรก ส่วนรายย่อยอยู่ที่ระดับทรงตัว เช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า ผลจากความกังวลปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายทางการเงินของสหรัฐ การเคลื่อนย้ายของเงินทุนเข้า-ออก และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ระบุหากวันที่ 23 พฤษภาคม ผู้ประกอบการไม่สามารถนำเงินมาชำระค่า ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลงวดที่ 5 ทันเวลา 16.30 น. สามารถเข้ากระบวนการเลื่อนชำระ ได้เป็นเวลารวม 90 วัน หลังนายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเข้าหารือด่วน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 พ.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,013.29 จุด พุ่งขึ้น 298.20 จุด (+1.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.04 จุด (+0.74%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,394.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.70 จุด (+0.54%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 23.58 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 20.57 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.03 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 40.18 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ค.61) 1,768.31 จุด เพิ่มขึ้น 14.14 จุด (+0.81%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,178.77 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 พ.ค.61) ปิดที่ 72.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 พ.ค.61) ที่ 7.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.15 แนวโน้มทรงตัวในกรอบแคบ ตลาดรอติดตามตัวเลขส่งออกของไทย
- "สมคิด" ปลื้มเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 61 เพิ่ม 4.8% โตสูงสุดในรอบ 5 ปี ลั่นเป็นความพยายามของรัฐบาลที่ไม่ยอมแพ้ และร่วมมือกับภาคเอกชน จนวันนี้ออกดอกออกผลแล้ว ลั่นหากเร่งเดินหน้าโครงการ PPP เร่งด่วนอย่างน้อย 3 โครงการ มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ รถไฟฟ้าสายสีม่วง และสีส้ม วงเงิน 4.46 แสนล้านในปีนี้ จะยิ่งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านสภาพัฒน์ปรับเป้าจีดีพีทั้งปีใหม่เป็น 4.2-4.7%
- สำนักวิจัยเศรษฐกิจ จ่อปรับเพิ่มคาดการณ์ "จีดีพี" ปีนี้เพิ่ม หลังตัวเลขไตรมาสพุ่ง 4.8% ทุบสถิติรอบ 5 ปี "แบงก์ชาติ" เผย "บริโภค-ลงทุน" สูงเกินคาด เล็งปรับประมาณการเพิ่ม แนะจับตาสถานการณ์ น้ำมัน หลังราคาตลาดโลกพุ่ง ด้าน "พลังงาน" เร่งหามาตรการรับมือ สั่งคุมดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
- จับตาราคาแอลพีจีปรับขึ้นวันนี้ 1.54 บาทต่อกก. ส่งผลให้ถัง 15 กก. แตะ 395 บาททันที ขณะที่เงินกองทุนแอลพีจีเริ่มหด ส่อแววอาจต้องกู้ยืมเงินบัญชีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ด้าน "พลังงาน" จ่อเร่งขายไบโอดีเซลบี 20 ช่วย ขณะที่ กบง. ถกรับมือน้ำมัน-ก๊าซฯ พุ่ง 4 มิ.ย.นี้ จับตาค่าไฟขยับตาม ด้าน "รสนา" จี้ยุบกองทุนน้ำมันฯ หลังไม่สามารถรักษาเสถียรภาพราคาได้ ซัดเดือนเดียวน้ำมันขึ้น 4 ครั้ง ก๊าซหุงต้มขึ้น 3 ครั้ง
- คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้จาก 3.6-4.6% หรือเฉลี่ย 4.1% เป็น 4.2-4.7% หรือค่าเฉลี่ย 4.5% หลังจากไตรมาสแรกจีดีพีขยายตัวได้ 4.8% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส หรือ 5 ปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนทุกด้าน
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น นักลงทุนเดือน เม.ย. ที่มีต่อตลาดทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ในระดับทรงตัวเป็นครั้งแรก โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันมีความเชื่อมั่น ลดลงมาอยู่ที่ระดับซบเซาเป็นเดือนแรก ส่วนรายย่อยอยู่ที่ระดับทรงตัว เช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า ผลจากความกังวลปัจจัยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายทางการเงินของสหรัฐ การเคลื่อนย้ายของเงินทุนเข้า-ออก และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ระบุหากวันที่ 23 พฤษภาคม ผู้ประกอบการไม่สามารถนำเงินมาชำระค่า ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลงวดที่ 5 ทันเวลา 16.30 น. สามารถเข้ากระบวนการเลื่อนชำระ ได้เป็นเวลารวม 90 วัน หลังนายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเข้าหารือด่วน
*หุ้นเด่นวันนี้
- AMATA (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 25 บาท คาดหวังผลตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 23 พ.ค. ต่อประเด็นพ.ร.บ.ส.ส.และส.ว. จะออกมาในทางบวก และ พ.ร.บ. EEC เริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ 15 พ.ค.ส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนของหุ้นกลุ่มรับเหมา และนิคมอุตสาหกรรม เลือก AMATA เป็น Top pick ของกลุ่มนิคมฯ เนื่องจากมีที่ดินรอขายมากที่สุดประมาณ 10,000 ไร่
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ล้านบาท +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้วใน เม.ย. 61 ส่วนความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่าง ๆ กระทบจำกัด ไม่ว่าจะเป็น IFRS9 ที่มีสำรองส่วนเกินอยู่มาก รวมถึงร่างกฎหมายควบคุม Non-Bank ที่ไม่น่าจะเป็นลบกับการดำเนินธุรกิจ
- IRPC (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท คาดกำไรสุทธิจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน Q1/61 จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นและปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ PPC และ UHV โดยคาดว่า IRPC จะเพิ่มอัตรากำลังการผลิตไปในระดับสูง มากกว่า 98% ที่โรงกลั่น ผลักดันจาก UHV ซึ่งควรจะคงปริมาณผลิตได้ใน FY61F พร้อมคาดการณ์ GIM margin upside ที่ US$0.5-1.0/bbl ใน Q2/61 เป็นต้นไป หลัก ๆ จาก PPC ที่น่าจะช่วยหักล้างต้นทุน crude premium ที่อาจะสูงขึ้น
- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 51 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/61 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 850-860 ล้านบาท +2-3% Q-Q, +50% Y-Y โดยการปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 40-50% Y-Y เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมและผลจากการเร่งเปิดสาขาช่วงต้นปี ซึ่งล่าสุดแตะ 2,800 สาขาไปแล้วใน เม.ย. 61 ส่วนความเสี่ยงด้านกฎระเบียบต่าง ๆ กระทบจำกัด ไม่ว่าจะเป็น IFRS9 ที่มีสำรองส่วนเกินอยู่มาก รวมถึงร่างกฎหมายควบคุม Non-Bank ที่ไม่น่าจะเป็นลบกับการดำเนินธุรกิจ
- IRPC (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ) "ซื้อ"เป้า 9.60 บาท คาดกำไรสุทธิจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน Q1/61 จากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นและปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ PPC และ UHV โดยคาดว่า IRPC จะเพิ่มอัตรากำลังการผลิตไปในระดับสูง มากกว่า 98% ที่โรงกลั่น ผลักดันจาก UHV ซึ่งควรจะคงปริมาณผลิตได้ใน FY61F พร้อมคาดการณ์ GIM margin upside ที่ US$0.5-1.0/bbl ใน Q2/61 เป็นต้นไป หลัก ๆ จาก PPC ที่น่าจะช่วยหักล้างต้นทุน crude premium ที่อาจะสูงขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่บวกเช้านี้ นักลงทุนคลายวิตกสงครามการค้าจีน-สหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,025.95 จุด เพิ่มขึ้น 23.58 จุด, +0.10% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,211.25 จุด ลดลง 2.59 จุด, -0.08% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,986.77 จุด เพิ่มขึ้น 20.57 จุด, +0.19% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,542.80 จุด ลดลง 5.43 จุด, -0.15% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,854.61 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด, +0.06% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,698.23 จุด เพิ่มขึ้น 40.18 จุด, +0.52% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของพระพุทธเจ้า
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
การเปิดเผยของนายมนูชินมีขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับผลการเจรจาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามการค้าระหว่างกัน และยังได้ตกลงที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อจีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจากันเกี่ยวกับการที่จีนจะนำเข้าพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้าสินค้าและบริการต่อสหรัฐมากถึง 3.35 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 80.38 จุด หลังข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลาย
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์เช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,859.17 จุด เพิ่มขึ้น 80.38 จุด หรือ +1.03%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงถือเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้และผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอังกฤษ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว และสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
หุ้นแอสทราเซเนกา พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ทางบริษัทวางจำหน่ายยา "Lokelma" ซึ่งเป็นยารักษาภาวะโปตัสเซียมในเลือดสูง (hyperkalemia)
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนเข้าซื้อกิจการสายการบินนอร์เวเจียน แอร์ ชัทเทิล ในวงเงิน 1.52 พันล้านปอนด์
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์ส รายงานว่า มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ มีแนวโน้มที่จะประกาศปิดร้านค้าเพิ่มอีกหลายแห่ง ในระหว่างการประกาศผลประกอบการในวันพุธนี้
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในปีงบการเงิน 2560 เพิ่มขึ้น 10% อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทคาดการณ์ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในวันข้างหน้า
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ร่วงลง 1.3% หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,859.17 จุด เพิ่มขึ้น 80.38 จุด หรือ +1.03%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงถือเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้และผลกำไรในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอังกฤษ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว และสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
หุ้นแอสทราเซเนกา พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ทางบริษัทวางจำหน่ายยา "Lokelma" ซึ่งเป็นยารักษาภาวะโปตัสเซียมในเลือดสูง (hyperkalemia)
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนเข้าซื้อกิจการสายการบินนอร์เวเจียน แอร์ ชัทเทิล ในวงเงิน 1.52 พันล้านปอนด์
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์ส รายงานว่า มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ มีแนวโน้มที่จะประกาศปิดร้านค้าเพิ่มอีกหลายแห่ง ในระหว่างการประกาศผลประกอบการในวันพุธนี้
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในปีงบการเงิน 2560 เพิ่มขึ้น 10% อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทคาดการณ์ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในวันข้างหน้า
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ร่วงลง 1.3% หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับสหรัฐ-จีนสงบศึกการค้าชั่วคราว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.3% ปิดที่ 395.87 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ปีนี้
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,637.51 จุด เพิ่มขึ้น 23.00 จุด, +0.41% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,859.17 จุด เพิ่มขึ้น 80.38 จุด, +1.03% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการจันทร์ที่ 21 พ.ค. เนื่องในวัน Whit Monday
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
ทั้งนี้ การเปิดเผยของนายมนูชินมีขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับผลการเจรจาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามการค้าระหว่างกัน และยังได้ตกลงที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อจีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจากันเกี่ยวกับการที่จีนจะนำเข้าพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้าสินค้าและบริการต่อสหรัฐมากถึง 3.35 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล คอนโซลิเดทเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนเข้าซื้อกิจการสายการบินนอร์เวเจียน แอร์ ชัทเทิล ในวงเงิน 1.52 พันล้านปอนด์
หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์ส รายงานว่า มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ มีแนวโน้มที่จะประกาศปิดร้านค้าเพิ่มอีกหลายแห่ง ในระหว่างการประกาศผลประกอบการในวันพุธนี้
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในปีงบการเงิน 2560 เพิ่มขึ้น 10% อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทคาดการณ์ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในวันข้างหน้า
หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ร่วงลง 1.3% หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 298.20 จุด รับสหรัฐ-จีนสงบศึกการค้าชั่วคราว,หุ้นอุตสาหกรรมดีดแรง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าเป็นการชั่วคราว โดยปัจจัยบวกดังกล่าวได้ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 25,000 จุดได้อีกครั้ง นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,013.29 จุด พุ่งขึ้น 298.20 จุด หรือ +1.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,733.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.04 จุด หรือ +0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,394.04 จุด เพิ่มขึ้น 39.70 จุด หรือ +0.54%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะระงับการทำสงครามการค้าชั่วคราว ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้าในอนาคต
การเปิดเผยของนายมนูชินมีขึ้นหลังจากที่จีนและสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันเกี่ยวกับผลการเจรจาหารือด้านเศรษฐกิจและการค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามการค้าระหว่างกัน และยังได้ตกลงที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐมีต่อจีน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจากันเกี่ยวกับการที่จีนจะนำเข้าพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้าสินค้าและบริการต่อสหรัฐมากถึง 3.35 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ให้กับจีนนั้น พุ่งขึ้น 3.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ ดีดตัวขึ้น 2.1% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.6% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ดีดขึ้น 1.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.9%
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ปรับตัวขึ้น 1.9% หลังจาก GE ประกาศแผนควบรวมกิจการกับบริษัทเว็บเทค คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับการสร้างทางรถไฟ ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเว็บเทค พุ่งขึ้น 3.5%
หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ทะยานขึ้น 2.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เบอร์เรนเบิร์กได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเทสลา จากการที่เทสลาประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่น Model 3
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็กของสหรัฐปรับตัวลง โดยหุ้นเอเค สตีล ร่วงลง 5.1% ขณะที่หุ้นยูเอส สตีล ดิ่งลง 3.8%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ค. ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO9073