- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 27 April 2018 13:27
- Hits: 1763
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตามตลาดหุ้นทั่วโลก บรรยากาศดีขึ้นหลัง Bond Yield สหรัฐฯลงมาต่ำกว่า 3%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้าราว 0.1-0.6% ตามดาวโจนส์ที่ปรับขึ้นไป รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่เฟซบุ๊กได้ประกาศผลกำไรออกมาดีกว่าคาด
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯก็ได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 3% ด้วย ทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ตามคาด คงอัตราดอกเบี้ย และยังคงการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ไปจนถึงเดือนก.ย.61
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อไป ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน รวมถึงให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 1/61 ของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,770-1,772 จุด ส่วนแนวต้าน 1,785-1,790 จุด
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อไป ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และยังไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน รวมถึงให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 1/61 ของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันนี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,770-1,772 จุด ส่วนแนวต้าน 1,785-1,790 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,322.34 จุด พุ่งขึ้น 238.51 จุด (+0.99%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,666.94 จุด เพิ่มขึ้น 27.54 จุด (+1.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,118.68 จุด เพิ่มขึ้น 114.94 จุด (+1.64%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 147.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 293.15 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 57.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 16.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 11.97 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.61) 1,773.20 จุด ลดลง 6.32 จุด (-0.36%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 483.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 68.19 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.61) ที่ 6.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.63 อ่อนค่าหลัง ECB ส่งสัญญาณเรื่องมาตรการกระตุ้นทางการเงิน มองกรอบ 31.55-31.70
- กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติปลื้ม ยักษ์ใหญ่ 5 ราย สนประมูลแหล่งพลังงานเอราวัณ และบงกช ภายใต้ระบบ PSC แล้วทั้ง "มูบาดาลา-เชฟรอน-มิตซุย-โททาล-ปตท.สผ."
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ค้าน้ำมันหารือถึงสภาวการณ์แข่งขันในธุรกิจขายปลีกน้ำมัน โดยจะขอความร่วมมือห้ามแจ้งข่าวการปรับเพิ่มหรือลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้า หรือกรณีผู้ค้าน้ำมันตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปปรับราคาในอัตราที่เท่ากันในเวลาเดียวกัน ขณะที่เผยยอดใช้ดีเซลหน้าปั๊ม มี.ค.พุ่งสุดเป็นประวัติการณ์ รับเศรษฐกิจโต
- กระทรวงการคลังเผยรายได้รัฐบาลครึ่งแรกปีงบประมาณ 2561 จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเล็กน้อยร้อยละ 3.7 ผลจากหน่วยงานอื่นและรัฐวิสาหกิจส่งรายได้มากกว่าเป้า ขณะ 3 กรมหลักต่างๆ ต่างจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าที่คาด โดยภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน มี.ค.61 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.9 หมื่นล้านบาท เป็น 11.07 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.17% MoM ซึ่งแรงส่งสินเชื่อในเดือนนี้ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน
- ตลท.เปิดผลสำรวจ 'ซีอีโอ' บริษัทจดทะเบียน มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตดีผลจากนโยบายการคลังและการจับจ่ายของภาครัฐ แต่ยังห่วงค่าเงินบาทที่ยังผันผวน ค่าแรงขั้นต่ำ หวั่นการเมืองอาจจะมีอุปสรรคทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,322.34 จุด พุ่งขึ้น 238.51 จุด (+0.99%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,666.94 จุด เพิ่มขึ้น 27.54 จุด (+1.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,118.68 จุด เพิ่มขึ้น 114.94 จุด (+1.64%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 147.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 293.15 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 57.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 16.06 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 11.97 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 เม.ย.61) 1,773.20 จุด ลดลง 6.32 จุด (-0.36%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 483.15 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 68.19 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 เม.ย.61) ที่ 6.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.63 อ่อนค่าหลัง ECB ส่งสัญญาณเรื่องมาตรการกระตุ้นทางการเงิน มองกรอบ 31.55-31.70
- กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติปลื้ม ยักษ์ใหญ่ 5 ราย สนประมูลแหล่งพลังงานเอราวัณ และบงกช ภายใต้ระบบ PSC แล้วทั้ง "มูบาดาลา-เชฟรอน-มิตซุย-โททาล-ปตท.สผ."
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ค้าน้ำมันหารือถึงสภาวการณ์แข่งขันในธุรกิจขายปลีกน้ำมัน โดยจะขอความร่วมมือห้ามแจ้งข่าวการปรับเพิ่มหรือลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้า หรือกรณีผู้ค้าน้ำมันตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปปรับราคาในอัตราที่เท่ากันในเวลาเดียวกัน ขณะที่เผยยอดใช้ดีเซลหน้าปั๊ม มี.ค.พุ่งสุดเป็นประวัติการณ์ รับเศรษฐกิจโต
- กระทรวงการคลังเผยรายได้รัฐบาลครึ่งแรกปีงบประมาณ 2561 จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเล็กน้อยร้อยละ 3.7 ผลจากหน่วยงานอื่นและรัฐวิสาหกิจส่งรายได้มากกว่าเป้า ขณะ 3 กรมหลักต่างๆ ต่างจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าที่คาด โดยภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน มี.ค.61 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.9 หมื่นล้านบาท เป็น 11.07 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.17% MoM ซึ่งแรงส่งสินเชื่อในเดือนนี้ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน
- ตลท.เปิดผลสำรวจ 'ซีอีโอ' บริษัทจดทะเบียน มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตดีผลจากนโยบายการคลังและการจับจ่ายของภาครัฐ แต่ยังห่วงค่าเงินบาทที่ยังผันผวน ค่าแรงขั้นต่ำ หวั่นการเมืองอาจจะมีอุปสรรคทำให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า คาดหวังผลกำไรกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ Q2/61 จากราคาขายสินค้าที่เริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะราคาหมูในไทยและเวียดนาม (ราคาหมูไทยปรับขึ้น 25% จากเฉลี่ย 48 บาท/กก.เป็น 60 บาท/กก., เวียดนามราคาปรับขึ้นจากเฉลี่ย 30,000 ดอง/กก. ในช่วงต้นปีเป็น 39,000 ดอง/กก.เพิ่มขึ้น 30%)
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานในช่วง Q1/61 ยังคงมีกำไรแข็งแกร่ง ปัจจัยหลักมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจการกลั่น ตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก Q1/60 และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างที่สูงขึ้น พร้อมคาดกำไรจากสต็อกน้ำมันเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น พร้อมคาดงบฯปี 61 จะเติบโตต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคา HDPE ตามราคาน้ำมันดิบ โดยเมื่อราคา HDPE อยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้ margin ของผลิตภัณฑ์ HDPE สูงตามไปด้วย เนื่องจากการผลิตของ PTTGC เป็น Gas based ซึ่งจะได้เปรียบผู้ผลิตในสาย Naphtha based ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTGC มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ประมาณ 66% พร้อมคาดราคา HDPE ในปี 61 จะยังคงยืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
- BGRIM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดกำไรปกติ Q1/61 สดใส โต 55.7% Q-Q, 23.6% Y-Y อยู่ที่ 520 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ม COD กลางไตรมาส ค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการเงินลดลง Q-Q ตามฤดูกาล พร้อมคาดกำไรทั้งปีโตสูง 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท และโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 22% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากแผนขยายโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมี Upside จากการลงทุนในโซลาร์เวียดนาม ที่คาดมีความชัดเจนใน Q2/61 นี้
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานในช่วง Q1/61 ยังคงมีกำไรแข็งแกร่ง ปัจจัยหลักมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจการกลั่น ตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก Q1/60 และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างที่สูงขึ้น พร้อมคาดกำไรจากสต็อกน้ำมันเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น พร้อมคาดงบฯปี 61 จะเติบโตต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคา HDPE ตามราคาน้ำมันดิบ โดยเมื่อราคา HDPE อยู่ในระดับสูง จะส่งผลให้ margin ของผลิตภัณฑ์ HDPE สูงตามไปด้วย เนื่องจากการผลิตของ PTTGC เป็น Gas based ซึ่งจะได้เปรียบผู้ผลิตในสาย Naphtha based ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTGC มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ประมาณ 66% พร้อมคาดราคา HDPE ในปี 61 จะยังคงยืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน
- BGRIM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 32 บาท คาดกำไรปกติ Q1/61 สดใส โต 55.7% Q-Q, 23.6% Y-Y อยู่ที่ 520 ล้านบาท จากโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ม COD กลางไตรมาส ค่าใช้จ่าย SG&A และค่าใช้จ่ายการเงินลดลง Q-Q ตามฤดูกาล พร้อมคาดกำไรทั้งปีโตสูง 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท และโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 22% ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากแผนขยายโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยมี Upside จากการลงทุนในโซลาร์เวียดนาม ที่คาดมีความชัดเจนใน Q2/61 นี้
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 200 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดให้ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,466.66 จุด เพิ่มขึ้น 147.05 จุด, +0.66% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,082.41 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด, +0.24% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,300.83 จุด เพิ่มขึ้น 293.15 จุด, +0.98% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,546.29 จุด เพิ่มขึ้น 57.71 จุด, +0.55%
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,497.75 จุด เพิ่มขึ้น 22.11 จุด, +0.89% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,586.08 จุด เพิ่มขึ้น 16.06 จุด, +0.45% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,864.24 จุด เพิ่มขึ้น 11.97 จุด, +0.65%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารในเกาหลีใต้วันนี้ โดยวาระสำคัญของการประชุมที่ถูกจับตาคือ การยกเลิกโครงการนิวเคลียร์และการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างกังขาว่า เกาหลีเหนือจะยอมยกเลิกโครงการอาวฺธนิวเคลียร์หรือไม่ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศต่างมีปัญหาของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการคว่ำบาตรหรือการพลัดพรากของครอบครัวของชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเด็นที่จะมีการนำมาหารือในการประชุมด้วยเช่นกัน
ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,497.75 จุด เพิ่มขึ้น 22.11 จุด, +0.89% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,586.08 จุด เพิ่มขึ้น 16.06 จุด, +0.45% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,864.24 จุด เพิ่มขึ้น 11.97 จุด, +0.65%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหารในเกาหลีใต้วันนี้ โดยวาระสำคัญของการประชุมที่ถูกจับตาคือ การยกเลิกโครงการนิวเคลียร์และการสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างกังขาว่า เกาหลีเหนือจะยอมยกเลิกโครงการอาวฺธนิวเคลียร์หรือไม่ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศต่างมีปัญหาของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการคว่ำบาตรหรือการพลัดพรากของครอบครัวของชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเด็นที่จะมีการนำมาหารือในการประชุมด้วยเช่นกัน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 42.11 จุด รับเงินปอนด์อ่อน,ดาวโจนส์พุ่งแรง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,421.43 จุด เพิ่มขึ้น 42.11 จุด หรือ +0.57%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ดังนั้น การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,421.43 จุด เพิ่มขึ้น 42.11 จุด หรือ +0.57%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ดังนั้น การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปิดตลาดขยับลง 0.7% หลังจากที่ทะยานขึ้นในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5.322 พันล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับระดับ 3.754 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.277 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแรงลง
หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 1.4% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 764 ปอนด์ในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแรงลง
หุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 1.4% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 764 ปอนด์ในไตรมาสแรกปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับยูโรอ่อน,ปธ. ECB ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าลงหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ยังส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินต่อไปช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.9% ปิดที่ 383.75 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,500.47 จุด เพิ่มขึ้น 78.17 จุด, +0.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,453.58 จุด เพิ่มขึ้น 40.28 จุด, +0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,421.43 จุด เพิ่มขึ้น 42.11 จุด, +0.57%
ตลาดยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของ ECB แม้มีสัญญาณการชะลอตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสัญญาณว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินยังคงมีความจำเป็นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 3.6%
หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลง 1.3% หลังจากธนาคารเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ร่วงลง 79% สู่ระดับ 120 ล้านยูโร และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 376 ล้านยูโร ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 1 ลดลง 5% สู่ระดับ 7 พันล้านยูโร โดยรายได้ในธุรกิจ corporate และวาณิชธนกิจ ลดลง 13% สู่ระดับ 3.8 พันล้านยูโร
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ยังได้ประกาศแผนปลดพนักงานจำนวนมากในปีนี้ โดยเฉพาะในธุรกิจ corporate, วาณิชธนกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งฝ่ายขายตราสารหนี้ และซื้อขายหุ้นในเอเชียและสหรัฐ
หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปิดตลาดขยับลง 0.7% หลังจากที่ทะยานขึ้นในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5.322 พันล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับระดับ 3.754 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.277 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 12,500.47 จุด เพิ่มขึ้น 78.17 จุด, +0.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 5,453.58 จุด เพิ่มขึ้น 40.28 จุด, +0.74% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,421.43 จุด เพิ่มขึ้น 42.11 จุด, +0.57%
ตลาดยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้น โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐหลังจากที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของ ECB แม้มีสัญญาณการชะลอตัวในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับส่งสัญญาณว่า การใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินยังคงมีความจำเป็นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 3.6%
หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลง 1.3% หลังจากธนาคารเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ร่วงลง 79% สู่ระดับ 120 ล้านยูโร และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 376 ล้านยูโร ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 1 ลดลง 5% สู่ระดับ 7 พันล้านยูโร โดยรายได้ในธุรกิจ corporate และวาณิชธนกิจ ลดลง 13% สู่ระดับ 3.8 พันล้านยูโร
นอกจากนี้ ดอยซ์แบงก์ยังได้ประกาศแผนปลดพนักงานจำนวนมากในปีนี้ โดยเฉพาะในธุรกิจ corporate, วาณิชธนกิจ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งฝ่ายขายตราสารหนี้ และซื้อขายหุ้นในเอเชียและสหรัฐ
หุ้นรอยัล ดัชท์ เชลล์ ปิดตลาดขยับลง 0.7% หลังจากที่ทะยานขึ้นในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 5.322 พันล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับระดับ 3.754 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.277 พันล้านดอลลาร์
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 238.51 จุด รับผลประกอบการสดใส,ตลาดคลายกังวลหลังบอนด์ยีลด์ร่วง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,322.34 จุด พุ่งขึ้น 238.51 จุด หรือ +0.99% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,666.94 จุด เพิ่มขึ้น 27.54 จุด หรือ +1.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,118.68 จุด เพิ่มขึ้น 114.94 จุด หรือ +1.64%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ได้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% เมื่อคืนนี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
เฟซบุ๊กเปิดเผยรายได้ในไตรมาส1 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากการโฆษณา เพิ่มขึ้นแตะ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเฟซบุ๊กช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 9.1% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 2% หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.7%
หุ้นควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 0.80 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.70 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 5.23 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.19 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.24 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 3.61 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.466 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 0.96 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.93 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.256 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6% โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย สู่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 230,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 229,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
--อินโฟเควสท์
OO8062
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ได้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% เมื่อคืนนี้ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
เฟซบุ๊กเปิดเผยรายได้ในไตรมาส1 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากการโฆษณา เพิ่มขึ้นแตะ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเฟซบุ๊กช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 9.1% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดีดตัวขึ้น 2% หุ้นอเมซอน ทะยานขึ้น 4% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.7%
หุ้นควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 0.80 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.70 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 5.23 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.19 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.24 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 3.61 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.466 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเป๊ปซี่โค พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 0.96 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.93 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.256 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.24 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.6% โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 24,000 ราย สู่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 230,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 229,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
--อินโฟเควสท์
OO8062