WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2 1ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ ตามตลาดภูมิภาค,เก็งกำไรงบฯกลุ่มแบงก์-คลายกังวลสถานการณ์ซีเรีย
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะสามารถรีบาวด์ได้ จากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของบมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ที่ออกมาค่อนข้างดี ทำให้คาดว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นอื่น ๆ ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการออกมาด้วย
นอกจากนี้คาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากการเจรจาสันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะทำให้สงครามในคาบสมุทรเกาหลีคลายตัว ประกอบกับตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย
"เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจาก CPALL ที่ดึง Sentiment ของตลาดหุ้นลง ซึ่งวันนี้ต้องจับตาดูว่าจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ ถ้าสามารถฟื้นตัวได้จะทำให้ Sentiment ของตลาดปรับตัวเป็นบวกตามตลาดหุ้นในภูมิภาคได้" นายภาดล กล่าว
พร้อมให้แนวรับ 1,750 จุด ส่วนแนวต้าน 1,765 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,786.63 จุด พุ่งขึ้น 213.59 จุด (+0.87%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,706.39 จุด เพิ่มขึ้น 28.55 จุด (+1.07%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.10 จุด เพิ่มขึ้น 124.81 จุด (+1.74%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 81.42 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 25.11 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 407.20 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 32.43 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 23.49 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.50 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 เม.ย.61) 1,755.53 จุด ลดลง 11.64 จุด(-0.66%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,823.04 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 66.52ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 เม.ย.61) ที่ 6.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.21/23 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดยังจับตาสถานการณ์ในซีเรีย มองกรอบวันนี้ 31.17-31.25
- ครม. ไฟเขียวมาตรการภาษี ลดค่าธรรมเนียม หนุนธนาคารพาณิชย์ไทย ควบรวมกิจการ หวังมีขนาดใหญ่ขึ้นแข่งขันกับต่างประเทศได้ คาดทำรัฐสูญรายได้ 600-1,400 ล้านบาท แต่สร้างการลงทุนเพิ่มหลายพันล้านบาท ขณะวงการแบงก์ เผยยังไร้สัญญาณควบรวม เชื่อมาตรการรัฐเตรียมพร้อมเผื่ออนาคต ขณะธปท.ลั่นเป็นการส่งเสริม ไม่บังคับ
- รมว.ท่องเที่ยว "วีระศักดิ์" ปลื้มกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรองช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เงินสะพัด 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรวม 6 วัน พุ่ง 378 ราย โคราชสูงสุด เชียงใหม่บาดเจ็บมากสุด "บิ๊กป้อม" เผยยอดตายพุ่งเหตุรถมาก ไม่สวมหมวกกันน็อก-เมาแล้วขับ
- "พาณิชย์" เกาะติดความขัดแย้งในซีเรีย พบมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังหลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการเจรจา และสหรัฐฯ มีท่าทีอ่อนลง ปฏิเสธคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียเพิ่ม ยันเป็นผลดีต่อไทย ที่จะส่งออกสินค้าไปรัสเซียได้เพิ่มขึ้น คาดยูเอ็นก็จะไม่คว่ำบาตรอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพต่อไป ย้ำยังคงเป้าส่งออกปีนี้ที่ 8% และเงินเฟ้อที่ 0.7-1.7%
- รมว.คลังแจง 'เวิลด์แบงก์' กฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ของไทยไม่ได้เป็นอุปสรรคลงทุนภาครัฐ ระบุใช้หลักสากลช่วยประเทศชาติประหยัดปีละ 3 หมื่นล้านบาท แถมไส้ในพบวงเงินงบผูกพันมากขึ้น
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ภาวะการค้าภาคบริการของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ดัชนีอยู่ระดับ 106.5 สูงขึ้น 4.9% เทียบเดือนมกราคม 2561 โดยสาขาบริการสำคัญที่ขยายตัวสูงขึ้น ได้แก่การขายปลีก การเงิน การขนส่ง ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร ปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวสูงของจำนวน นิติบุคคลจดทะเบียนเพิ่มทุน มูลค่าส่งออกบริการ และดัชนีราคาหุ้นภาคบริการในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของมูลค่าทุนจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มทุน จำนวนนิติบุคคลและมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สุทธิเงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ และความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ส่วนปัจจัยลบคือการลดลงของการจ้างงาน และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศภาคบริการ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTGC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 116 บาท คาดผลกำไรจากการดำเนินงาน Q1/61 ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11,403 ล้านบาท (+1.5%YoY, +1.4%QoQ) หนุนโดยธุรกิจโอเลฟินส์ ช่วยชดเชยผลประกอบการจากการธุรกิจอะโรเมติกส์และโรงกลั่นที่อ่อนตัวลง เมื่อรวมกำไรสต๊อก 180 ล้านบาท และกำไร FX 750 ล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิ 12,302 ล้านบาท ลดลง 6.7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 28.7% QoQ อีกทั้ง PTTGC ยังมี Valuation ที่ไม่แพง ด้วย PER 9.7 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาคและค่าเฉลี่ยในอดีต รวมถึงผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับปี 2561 ที่ประเมินไว้ที่ 5%
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 220 บาท คาดกำไรปกติ Q1/61 ที่ 7.9 พันล้านบาท +3% Q-Q, +5% Y-Y ซึ่งเป็นการโตแบบ Y-Y เป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน จากรายได้ที่โตเพราะ ARPU ยังขึ้น และได้ผลดีจากการรวม CSL รวมถึงค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลงตามฤดูกาล ส่วนกำไรทั้งปี 2561 คาดโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี 8% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยอด Short Sales ลดลงเหลือเพียง 5 หมื่นหุ้นต่อวัน จากค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 1.3 แสนหุ้นต่อวัน ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกระยะสั้น
- PSL (ไอร่า) เป้า 18 บาท คาด Q1/61 เป็นช่วง Low Season ที่ปกติเรือใหม่มักเข้าสู่อุตสาหกรรมในช่วง ม.ค. รวมถึงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน และผลกระทบจากการลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหนักของจีนเพื่อควบคุมมลพิษที่จะจบมาตรการลงใน มี.ค. ทำให้คาดผลประกอบการของ PSL จะเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้งใน Q2/61 ทำให้มองว่า"เป็นโอกาสในการสะสมหุ้น" พร้อมคาดปี 61 ภาวะอุปสงค์-อุปทาน เข้าสู่สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะ Orderbook เรือ Handysize และ Supramax ซึ่งเป็นเรือหลักของ PSL อยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี และ 13 ปี ที่ 7.8% และ 1.7% ตามลำดับ สอดคล้องกับที่ประเมินว่า Supply ของเรือเทกองในปี 61 จะเพิ่มขึ้นเพียง 1%

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการ-การเมืองคาบสมุทรเกาหลี
          ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยสนับสนุนทั้งจากรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทในสหรัฐ รวมทั้งปัจจัยบวกทางการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีภายหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐและเกาหลีเหนือได้เริ่มหารือกันโดยตรงแล้ว จากนั้นก็มีรายงานข่าวว่า นายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ได้พบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการพบปะกันครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการลับ ก่อนหน้าที่จะมีการจัดการประชุมระหว่างทรัมป์และคิม จอง อึน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,146.41 จุด เพิ่มขึ้น 83.66 จุด, +0.28% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,130.25 จุด เพิ่มขึ้น 282.66 จุด, +1.29% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,876.74 จุด ลดลง 3.75 จุด, -0.20%
วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า นายปอมเปโอ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐนั้น ได้เดินทางไปยังเกาหลีเหนือในช่วงสุดสัปดาห์ในเทศกาลอีสเตอร์ ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปูทางสู่การพบปะพูดคุยระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายคิม ในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) โดยปรับลดลง 1.00% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 15% หรือ 17%
การปรับลดดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เม.ย.
ธนาคารกลางระบุว่า การปรับลด RRR ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นธุรกิจรายย่อย, รักษาเสถียรภาพทางการเงิน และเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมี.ค.ทั้งสิ้น 7.973 แสนล้านเยน ขณะที่ยอดส่งออกในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดนำเข้าลดลง 0.6%
สำหรับปีงบการเงิน 2560 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมานั้น ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้าทั้งสิ้น 2.46 ล้านล้านเยน
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ราคาบ้านในเมืองขนาดใหญ่ของจีนยังคงทรงตัวในเดือนมี.ค. หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้มาตรการคุมเข้มในการซื้อบ้าน
ทั้งนี้ ในจำนวนเมืองขนาดใหญ่ 15 แห่งที่ได้รับการสำรวจจากรัฐบาลในเดือนมี.ค.นั้น มีเมือง 7 แห่งที่ราคาบ้านปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ขณะที่ราคาบ้านในเมืองใหญ่ 2 แห่ง ทรงตัวเมื่อเทียบเป็นรายเดือน ส่วนเมืองอื่นๆที่เหลือนั้น ราคาบ้านมีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบเป็นรายเดือน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 27.85 จุด รับเงินปอนด์อ่อน,ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งแรง
          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นนิวยอร์ก อันเนื่องมาจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,226.05 จุด เพิ่มขึ้น 27.85 จุด หรือ +0.39%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างสำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ.มีการขยายตัว 2.8% โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.-ม.ค. และอยู่ต่ำกว่าระดับ 3.0% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตัวเลขค่าจ้างดังกล่าวยังต่ำกว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.9%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขค่าจ้าง ซึ่งไม่นับรวมโบนัส เพิ่มขึ้น 2.8% สำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ย.-ม.ค. และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขการสร้างบ้านที่ต่างก็เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (ABF) พุ่งขึ้น 4.1% หลังจาก ABF ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2561 แม้กำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงก็ตาม
หุ้นเจดี สปอร์ตส แฟชั่น พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรก่อนหักภาษีตลอดปีงบการเงิน 2561 จะพุ่งขึ้น 24%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง,ตลาดคลายกังวลซีเรีย
             ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย หลังจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 380.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,353.54 จุด เพิ่มขึ้น 40.58 จุด หรือ +0.76% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,585.57 จุด เพิ่มขึ้น 194.16 จุด หรือ +1.57% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,226.05 จุด เพิ่มขึ้น 27.85 จุด หรือ+0.39%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขการสร้างบ้านที่ต่างก็เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างสำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ.มีการขยายตัว 2.8% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.0%
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ (ABF) พุ่งขึ้น 4.1% หลังจาก ABF ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2561 แม้กำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกปรับตัวลดลงก็ตาม
หุ้นเจดี สปอร์ตส แฟชั่น พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรก่อนหักภาษีตลอดปีงบการเงิน 2561 จะพุ่งขึ้น 24%
หุ้นเจนแมบ เอเอส ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 8.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดจำหน่ายยา "Darzalex" ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นเบเยอร์ ดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า เทมาเส็กเตรียมเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในเบเยอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาและเคมีภัณฑ์ของเยอรมนี

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 213.59 จุด รับผลประกอบการสดใส,ข้อมูลศก.แข็งแกร่ง
          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงเน็ตฟลิกซ์ และยูไนเต็ดเฮลธ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย หลังจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เนื่องจากเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,786.63 จุด พุ่งขึ้น 213.59 จุด หรือ +0.87% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.10 จุด เพิ่มขึ้น 124.81 จุด หรือ +1.74% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,706.39 จุด เพิ่มขึ้น 28.55 จุด หรือ +1.07%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ปีนี้ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการความบันเทิงบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งระบุว่า บริษัทมีลูกค้ารายใหม่จำนวน 1.96 ล้านรายในสหรัฐ และมีลูกค้ารายใหม่จำนวน 5.46 ล้านรายในตลาดต่างประเทศ ในช่วงไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ หุ้นเน็ตฟลิกซ์ทะยานขึ้น 9.19% และช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 2% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นทวิตเตอร์ทะยานขึ้น 11% และหุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 4.3%
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2561
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3.5% เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ส่วนหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 1.7% แม้ธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 6.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.58 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขยับลง 0.9% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 2.06 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.02 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของภาคสาธารณูปโภค ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.319 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.262 ล้านยูนิต ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 1.354 ล้านยูนิต
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
--อินโฟเควสท์
OO7592

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!